เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1604 เชลย

 

ภูเขาเต็มไปด้วยปาสีเขียว ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆ

 

ทันใดนั้นแสงลึกลับพลันส่องประกายขึ้นก่อนที่มันจะกลายเป็นชายร่างสูงผู้หนึ่ง

 

คนผู้นี้มีคิ้วสีขาวบางและยาว เส้นผมส่องประกาย ดวงตาปิดสนิท เขาอยู่ในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่ไม่มีคราบฝุ่นแม้แต่จุดเดียว

 

กลิ่นอายของเขาไม่ยิ่งใหญ่มากนักแต่รูปลักษณ์ทําให้เขาดูราวกับเทพเจ้า

 

นี่คือจวินเฉินกวง ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งแสงและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหนึ่งในสิบนิกายโบราณ เขาพึ่งถูกคัดเลือกเข้าสู่วังสวรรค์โดยเทพธิดาจื่อเว่ย

 

“หลิวห่าวหายตัวไปที่นี่” ดวงตาของจวินเฉินกวงปิดแต่ราวกับเขาสามารถมองเห็นโลกทั้งใบได้อย่างชัดเจน

 

ไม่นานเขาก็พบร่องรอยของการต่อสู้

 

“มันดูไม่ดีสําหรับหลิวห่าว มีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นที่นี่ โชคไม่ดีที่หลิวห่าวไม่ได้ส่งข้อความขอกําลังเสริมใดๆ มันอาจเป็นเพราะค่ายกลวิญญาณอมตะหรือเขตแดนอมตะ”

 

จวินเฉินกวงขมวดคิ้วลึก

 

หลิวห่าวเป็นสายลับของวังสวรรค์ที่แฝงตัวเข้าสู่ภาคใต้โดยความช่วยเหลือของวูหยง เขานําวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติมาด้วยโดยมีวิญญาณท่องแดนอมตะของฟางหยวนวนเป็นเป้าหมาย

 

สําหรับจวินเฉินกวง เขาได้รับภารกิจจากเทพธิดาจื่อเว่ยให้ซุ่มดูอยู่ห่างๆ หากฟางหยวนได้รับบาดเจ็บและพยายามหลบหนี จวินเฉินกวงต้องไล่ล่าและลอบสังหารฟางหยวน

 

“กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ที่ไล่ล่าฟางหยวนเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ จากกองกําลังต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาสามารถรักษาชีวิตของตนแม้ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแรกกําเนิด”

 

ไท่ชิวจงของตระกูลไท่มีความสําเร็จที่น่าประทับใจ เขาจับและสังหารปีศาจอมตะของภาคใต้มามากกว่าสิบคน ปีศาจอมตะของภาคใต้จะสั่นกลัวเพียงเมื่อได้ยินชื่อของเขา

 

เฉิงหูจางของตระกูลเฉิงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งไม้ เขามีวิธีบ่มเพาะสองเส้นทางที่ไม่ขัดแย้งกันเช่นเดียวกับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเจ็ดชั้นแนวหน้าของตระกูลเฉิง

 

หยางกู่ของตระกูลหยางเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับสูงบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของภาคใต้ ครั้งหนึ่งเขาเคยทําลายรังของสัตว์อสูรบรรพกาลด้วยตัวเขาเพียงลําพัง เขายังประสบความสําเร็จในการหลบหนีจากการไล่ล่าของสัตว์อสูรแรกกําเนิด

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้ถือเป็นชนชั้นสูงของภาคใต้ ทุกคนล้วนเป็นไพ่ตายของกองกําลังของตนทั้งสิ้น

 

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงคนกลุ่มนี้แต่ยังมีผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพและผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย เซี่ยชา!”

 

คนทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับแปด!

 

จวินเฉินกวงถอนหายใจ

 

ชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ของคนกลุ่มนี้ทําให้จวินเฉินกวงรู้สึกไว้วางใจขณะที่เขาลอบเข้าใกล้อย่างเงียบๆ

 

จวินเฉินกวงต้องระวังการตรวจสอบของถั่วเว่ยหยินและเซี่ยชา หากเขาถูกค้นพบ มันจะสร้างความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจึงต้องติดตามอยู่ในระยะไกล

 

“สองผู้อมตะระดับแปดและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกหลายคน พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอและมีวิธีการมากมายในการต่อสู้กับฟางหยวน แต่พวกเขากลับแพ้! มันไม่ได้เป็นเพียงการสูญเสียแต่มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์!”

 

จวินเฉินกวงส่ายศีรษะซ้ำๆ

 

“ฟางหยวนน่าจะใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝัน” ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบร่องรอยของอาณาจักรแห่งความฝัน นั่นทําให้เขายิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนมากขึ้น “นอกจากอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนไม่มีวิธีอื่นที่จะทําให้เกิดผลลัพธ์นี้ คือ?”

 

ขณะที่จวินเฉินกวงกําลังตรวจสอบสนามรบอย่างระมัดระวัง เขากลับหันหน้าไปทางทิศใต้อย่างกะทันหัน

 

จากการตรวจสอบ เขาพบคฤหาสน์วิญญาณอมตะกําลังพุ่งเข้ามา

 

จวินเฉินกวงไม่จําเป็นต้องตรวจสอบกลิ่นอาย เขาแน่ใจว่ามันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะของคนใต้

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้รวดเร็วมากแต่มันยังต้องใช้เวลาอีกนานก่อนจะมาถึงที่นี่ จวินเฉินกวงรู้ว่าตนเองต้องออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที

 

หากเขาถูกค้นพบ มันจะเกิดความเข้าใจผิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

หลังจากจวินเฉินกวงจากไป คฤหาสน์วิญญาณอมตะก็มาถึง

 

มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณที่ดูเหมือนบ้านหลังเล็กๆ

 

บ้านสองชั้นสร้างขึ้นจากไม่ไผ่ มีน้ำค้างหยดลงมาจากใบไผ่สีเขียว

 

มันก็คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม่ไผ่สายลม!

 

วูหยงใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตระกูลวูและทําให้พวกเขาสามารถยึดครองตําแหน่งกองกําลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ต่อไป

 

ประตูบ้านไม้ไผ่สายลมเปิดออกขณะที่ผู้อมตะระดับแปดบินออกมา

 

เขาเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาธรรมดา คิ้วของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อยทําให้เขาดูดุดันและมืดมน

 

เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลวคนปัจจุบัน วูหยง หลังจากนั้นอีกคนก็บินตามวูหยงออกมา

 

คนผู้นี้เป็นชายชราที่มีโหนกแก้มสูง เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกันและยังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลจือ จื่อชิวหยู

 

นอกจากนั้นยังมีกลุ่มผู้อมตะระดับเจ็ดอีกหลายคนตามออกมาจากบ้านไม่ไผ่สายลม พวกเขามาจากตระกูลต่างๆ ทุกคนล้วนแสดงออกด้วยความกังวล

 

“พวกเขาหายไปที่นี่!” ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลปากลายเป็นมืดครื้ม

 

“ตรวจสอบที่เกิดเหตุเร็วเข้า ตระกูลของข้าไม่สามารถติดต่อผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเรา” ผู้อมตะตระกูลเซี่ยรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

 

จากนั้นท่าไม้ตายสายตรวจสอบทุกชนิดก็ถูกกระตุ้นใช้งาน สถานที่แห่งนี้ถูกค้นหลายสิบรอบ

 

ทุกคนรวมถึงสองผู้อมตะระดับแปดมีการแสดงออกที่เคร่งเครียด

 

“มีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่”

 

“มีร่องรอยของค่ายกลวิญญาณอมตะและเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด

 

“มีอาณาจักรแห่งความฝันเช่นกัน” บางคนค้นพบร่องรอยของอาณาจักรแห่งความฝัน 

 

เช่นเดียวกับจวินเฉินกวง กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ถูกดึงดูดโดยอาณาจักรแห่งความฝัน นอกจากอาณาจักรแห่งความฝัน ร่องรอยอื่นไม่มีคุณค่าให้กล่าวถึง เบาะแสเดียวที่พวกเขามีคืออาณาจักรแห่งความฝัน

 

“ระวังตัวด้วย” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ค่อยๆแยกย้ายกันออกไปปิดล้อมอาณาจักรแห่งความฝันเล็กๆแห่งนี้

 

“อาณาจักรแห่งความฝันกําลังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง” บางคนอุทาน

 

ทุกคนสังเกตเห็นเช่นเดียวกัน

 

ไม่นานหลังจากนั้นวิญญาณหลายดวงก็หลุดออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันที่หดตัวลง

 

ผู้อมตะภาคใต้จับพวกมันและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

 

พวกมันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์ มีข้อความบางอย่างถูกทิ้งไว้ภายใน

 

มันเป็นเนื้อหาที่เรียบง่ายแต่มันทําให้การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนไปทันที

 

“สหายคนใต้ ข้าขอแจ้งให้พวกเจ้าทราบว่าตอนนี้ผู้อมตะของพวกเจ้าอยู่ในมือข้า ฟางหยวน หากพวกเจ้าต้องการไถ่ตัวพวกเขา โปรดรอการติดต่อกลับจากข้า”

 

“นี่ นี่ นี่” บางคนรู้สึกพูดไม่ออก ร่างกายของเขาเริ่มสั่นขณะถือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเอาไว้ในมือ

 

“ หลอกลวง! นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? กองกําลังที่เราจัดตั้งขึ้นถูกฟางหยวนจับงั้นหรือ? ยืม!” บางคนส่ายศีรษะและปฏิเสธที่จะเชื่อ “นี่เป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่!”

 

“แต่พวกเราไม่สามารถติดต่อพวกเขา” บางคนโต้แย้ง

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกอยู่ในความเงียบ

 

พวกเขาหยุดนิ่งราวกับรูปปั้น “นิ้ว…”

 

สายลมทําให้หนวดสีขาวของชื่อชิวหยูสั่นเล็กน้อย

 

ใบหน้าของวูหยงกลายเป็นซีดขาว เขาปิดเปลือกตาลงก่อนจะเปิดขึ้นอย่างช้าๆ

 

มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว

 

และความจริงก็บังคับให้พวกเขาต้องยอมรับ

 

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ส่งผู้อมตะจํานวนมากออกไล่ล่าฟางหยวน อย่างไรก็ตามนอกจากพวกเขาจะไม่สามารถสังหารฟางหยวน พวกเขายังถูกฟางหยวนจับเป็นเชลย!

 

นี่เป็นการตบหน้าฝ่ายธรรมะของภาคใต้ครั้งใหญ่

 

การตบนี้ทําให้พวกเขารู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

 

“เมื่อเราไม่สามารถติดต่อเซี่ยชาและคนอื่นๆ เขารีบรวบรวมกําลังเสริมและออกเดินทางมาที่นี่ทันที ท่านจื่อ ท่านคิดว่านี่เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือไม่?” วูหยงทําลายความเงียบด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย

 

คํากล่าวของเขาค่อนข้างคลุมเครือแต่ทุกคนเข้าใจว่าวูหยงหมายถึงสิ่งใด

 

จื่อชิวหยูพยักหน้าช้าๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรารู้จักความแข็งแกร่งของฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงาเป็นอย่างดี เรายังประเมินพวกเขาอย่างระมัดระวัง ด้วยความแข็งแกร่งของเซี่ยซาและคนอื่นๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถูกจับโดยฟางหยวนภายในระยะเวลาสั้นๆ มีร่องรอยของค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ซับซ้อนจนน่าตกใจอยู่ที่นี่จริงๆ”

 

จื่อชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่สามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะได้ด้วยการหยิบยืมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในสภาพแวดล้อม ฟางหยวนเก็บกวาดสนามรบแล้วแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทําความสะอาดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมากจึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

 

พิจารณาการเคลื่อนไหวและจํานวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ถูกทิ้งไว้ จื่อชิวหยูแน่ใจว่าเคยมีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาถูกจัดตั้งไว้ที่นี่

 

วูหยงพยักหน้าเล็กน้อย “ควรจะเป็นเช่นนั้น ถั่วเว่ยหยินและเซี่ยชาเป็นผู้อมตะระดับแปด มันไม่ง่ายที่จะจัดการคนทั้งสอง เว้นเพียงมันจะเป็นเขตแดนอมตะระดับเก้าหรือค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปด แม้เราจะรีบมาที่นี่แต่เวลาในค่ายกลวิญญาณอมตะอาจผ่านไปนานแล้ว”

 

ผู้อมตะตระกูลเฉิงเปิดปากกล่าวในเวลานี้ “จากข้อมูลที่วังสวรรค์เปิดเผยในสวรรค์สีเหลือง ข้าจําได้ว่าฟางหยวนเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่สามารถเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลาและล่อลวงอสูรปีให้เข้าสู่สนามรบ”

 

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาตใต้กลายเป็นมืดครึมเมื่อได้ยินถ้อยคําเหล่านี้