ตอนที่ 181 งานเลี้ยง

รักเล่ห์เร้นใจ

หลินหว่านได้ฟังแล้ว หัวใจก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา เธอถามอีกว่า “เมื่อครู่อันซิงมาเหรอคะ”

 

 

“ธ…เธอ…” เซียวจิ่งสือลังเลอยู่บ้าง ไม่รู้ทำไม เขาไม่อยากให้หลินหว่านรู้ว่าเขาจะไปร่วมงานเลี้ยงบ้านตระกูลอัน

 

 

“เอาเถอะ เซียวจิ่งสือ คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว” หลินหว่านหัวเราะเบาๆ แล้วพูดเสียงเย็น

 

 

พูดจบ เธอก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก

 

 

ก่อนหน้านี้ ที่หลินหว่านมาถึงบริษัทของเซียวจิ่งสือ บังเอิญได้พบกับอันซิงที่เพิ่งออกมาจากบริษัท

 

 

อันซิงเห็นเธอแล้วก็เยาะเย้ยอย่างไม่กริ่งเกรง “หลินหว่าน เธอมาหาเซียวจิ่งสือสินะ? หึหึ ฉันจะบอกให้เอาบุญว่าอย่ามาตามตื๊อเขาอีกต่อไปเลย เซียวจิ่งสือจะช้าจะเร็วก็ต้องเป็นคนของฉันวันยังค่ำ”

 

 

“ธ…เธออย่ามาพูดมั่วนะ!” หลินหว่านฟังคำพูดอันซิงแล้วรู้สึกเหลือเชื่อ

 

 

“ถ้าเธอไม่เชื่อ พรุ่งนี้บ้านตระกูลอันมีจัดงานเลี้ยง เซียวจิ่งสือจะมาร่วมงานด้วย ในงานเลี้ยงอาจมีเหตุการณ์เด็ดๆ ที่เธอคิดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้นะ!” อันซิงนึกถึงแผนการของตัวเองแล้ว ยกยิ้มที่มุมปาก หัวเราะออกมาเบาๆ

 

 

หลินหว่านยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของอันซิง แต่พอเธอถามเซียวจิ่งสือ นึกไม่ถึงว่าเขากลับมีท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนกับมีเรื่องบางอย่างปิดบังเธออยู่

 

 

หลินหว่านออกมาจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสืออย่างผิดหวังท้อแท้ แต่ว่าเธอจะรอดูวันพรุ่งนี้ ในงานเลี้ยงจะเกิดเรื่องอะไรที่เธอนึกไม่ถึง!

 

 

บ่ายวันต่อมา งานเลี้ยงของบ้านตระกูลอันจัดขึ้นที่โรงแรมหรูเลิศที่สุดในเมือง อันโฮ่วสยงไม่เพียงจัดงานที่โรงแรมหรูที่สุด ยังเชื้อเชิญกลุ่มชนชั้นสูงและผู้มีชื่อเสียงมากมาย เขาต้องการบอกกับทุกคนว่าบ้านตระกูลอันไม่ได้ตกต่ำ ยังเข้มแข็งทรงอิทธิพลดังเดิม นับแต่นี้ต่อไป บ้านตระกูลอันยังจัดอยู่ในตระกูลคหบดีใหญ่เช่นเดิม

 

 

ในงานเลี้ยง ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์สาดส่อง บรรดาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลและไฮโซทั้งหลายพากันทยอยเข้ามาในงาน พวกเขาสังสรรค์ดื่มกินกันในงานเลี้ยง ทั้งเป็นการพบปะเจรจาสานสัมพันธ์ทางธุรกิจไปพร้อมกันด้วย

 

 

หลังงานเลี้ยงเริ่มขึ้นได้สักพัก เซียวจิ่งสือจึงมาถึง อันโฮ่วสยงเห็นเขาแล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก เขายังเข้าใจว่าเซียวจิ่งสือจะไม่มาเสียอีก

 

 

“จิ่งสือ คุณมาจนได้นะ” อันโฮ่วสยงเอ่ยทักเซียวจิ่งสือพร้อมรอยยิ้มยินดี

 

 

“ประธานอัน ขอโทษที่ผมมาช้าไป ติดธุระของบริษัทนิดหน่อยครับ” เซียวจิ่งสือออกตัวเสียงเรียบ

 

 

“ไม่เป็นไรๆ งานเพิ่งจะเริ่ม จิ่งสือคุณรีบมาเร็วเข้าเถอะ” พูดพลาง อันโฮ่วสยงก็นำเซียวจิ่งสือเข้างาน

 

 

เซียวจิ่งสือมาถึงภายในงานเลี้ยง ผู้คนมากมายเห็นเช่นนั้นก็แวะเวียนเข้ามาทักทาย เซียวจิ่งสือก็ตอบรับอย่างคล่องแคล่ว

 

 

พอหาโอกาสได้ เซียวจิ่งสือก็ปลีกตัวออกมาที่มุมหนึ่งของงาน เมื่อครู่เขาดื่มเหล้าไปมากมาย อยากจะอยู่เงียบๆ สักหน่อย

 

 

ตอนนั้นเอง เสียงพูดคุยกันของคนสองคนดังมาเข้าหูเขาพอดี

 

 

“คุณหนูอัน เมื่อครู่ท่านประธานเซียวมาถึงแล้ว”

 

 

“ดีแล้ว เหล้าสองแก้วนี้ด้านซ้ายใส่ยาไว้ ด้านขวาไม่มียานะ เธอช่วยฉันเฝ้าไว้ให้ดีล่ะ อย่าให้ใครมาเอาไป ฉันจะไปเติมหน้าที่ห้องน้ำก่อน เข้าใจไหม?”

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ คุณหนูอัน”

 

 

สองคนนี้น่าจะเป็นเสียงของอันซิงกับบริกรสาว เซียวจิ่งสือได้ยินแล้วหัวเราะหยันอยู่ในใจ อันซิงถึงกับคิดจะวางยาเขา?

 

 

เขามองไปยังทิศทางต้นเสียง น่าจะเป็นครัวหลัง ที่นี่มีคนผ่านมาน้อยมาก

 

 

ขณะที่บริกรสาวรออันซิงกลับมานั้น จู่ๆ ก็เห็นเซียวจิ่งสือเดินเข้ามาหา เธอใจสั่นระรัว หรือว่าเรื่องวางยาจะถูกจับได้แล้ว?

 

 

ตอนนั้นเอง เธอกลับเห็นว่าเซียวจิ่งสือเดินตาลอย ท่าทางมึนเมามาพูดกับเธอว่า “ช่วยหายาแก้เมาให้ผมหน่อยสิ ได้ไหม?”

 

 

“ด…ได้…ได้ค่ะ” บริกรสาวได้ฟังก็โล่งอก ตอบรับปากคอสั่น จากนั้นรีบไปหายาแก้เมาให้เซียวจิ่งสือ

 

 

พอบริกรสาวไปแล้ว ดวงตาซึมเซาด้วยอาการเมาเหล้าของเซียวจิ่งสือก็หายวับ เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกแทน เขาก้าวเข้าไปชิดโต๊ะที่วางแก้วเหล้าทั้งสองใบแล้วสลับตำแหน่ง

 

 

แก้วทั้งใบไม่ว่าจะที่มียาหรือไม่มียา ดูภายนอกแล้วไม่มีตรงไหนต่างกันเลย ดังนั้น เซียวจิ่งสือสลับตำแหน่งมันแล้วก็ดูไม่ออกว่าต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างไร

 

 

บริกรสาวเอายาแก้เมามาให้อย่างเร็ว เซียวจิ่งสือมองเธอแล้วพูดเสียงต่ำว่า “ขอบคุณ” แล้วจากไป

 

 

เซียวจิ่งสือไปแล้ว บริกรมองดูแก้วเหล้าสองใบนั้น เห็นว่าไม่ต่างไปจากเดิมก็ค่อยวางใจลง หรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ เซียวจิ่งสือจะรู้ได้อย่างไรว่าในแก้วเหล้าใส่ยาไว้?

 

 

ไม่นานนักอันซิงก็กลับมา เธอเติมหน้าใหม่แต่ก็เปลี่ยนไปไม่มากนัก อันซิงถามบริกรว่า “เมื่อครู่มีใครมาหรือเปล่า?”

 

 

บริกรรีบตอบว่า “คุณหนูอันคะ ท่านประธานเซียวมาค่ะ แต่ดูเหมือนเขาจะเมาเหล้า จึงให้ฉันไปหายาแก้เมาให้ค่ะ”

 

 

“เซียวจิ่งสือ?” อันซิงขมวดคิ้วแน่น จากนั้นเดินไปที่แก้วเหล้าสองใบนั้น พอเห็นว่าเหมือนกับตอนก่อนเธอไป ก็ถามว่า “เขาให้เธอไปเอายาแก้เมา? เขาเมาแล้วจริงๆ เหรอ”

 

 

“ค่ะ ท่านประธานเซียวดูท่าทางเมาแล้วจริงๆ” บริกรสาวพูด

 

 

อันซิงคิดดูแล้ว เซียวจิ่งสือไม่มีทางรู้ว่าในแก้วเหล้าใส่ยาไว้ ยิ่งไม่น่าจะรู้ว่าเหล้าสองแก้วนี้เตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ บางทีคงเป็นแค่ความบังเอิญจริงๆ

 

 

“เอาล่ะ เธอไปเถอะ จำไว้ด้วยเรื่องนี้ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด” สุดท้าย อันซิงหันมากำกับบริกรอย่างรำคาญ

 

 

อันซิงถือแก้วเหล้าสองใบนั้น มาหาเซียวจิ่งสือ พอเห็นว่าเซียวจิ่งสือมีท่าทางเมาเหล้าอยู่จริงๆ เธอก็คลายใจลงได้ในที่สุด

 

 

“จิ่งสือ ขอบคุณที่วันนี้มาร่วมงานเลี้ยงนะคะ มาค่ะ เรามาดื่มร่วมกันสักแก้ว” อันซิงส่งแก้วเหล้าใบที่เธอใส่ยาไว้ให้เซียวจิ่งสือ พูดแล้วมองดูเขาด้วยรอยยิ้ม

 

 

เซียวจิ่งสือไม่รับ ใช้สายตามึนซึมที่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรมองดูเธอนิ่งอยู่

 

 

อันซิงรู้สึกหวั่นใจขึ้นมากะทันหัน แต่พอเธอนึกว่าขอเพียงเซียวจิ่งสือดื่มเหล้าแก้วนี้เข้าไป เขาก็จะเป็นของเธอ อันซิงจึงพูดกับเซียวจิ่งสืออีกว่า “จิ่งสือ รูปถ่ายของหลินหว่านรอให้เสร็จงานเลี้ยงนี้แล้ว ฉันจะคืนให้คุณนะคะ นี่ถือเป็นคำขอสุดท้ายของฉัน ได้ไหมคะ”

 

 

“เธอพูดเองนะ!” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็น แล้วรับเอาแก้วเหล้าไป ดื่มรวดเดียวจนหมด

 

 

อันซิงเห็นดังนั้นก็นึกดีใจสุดๆ จากนั้นดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมด ตอนนี้ เธอแค่รอให้ยาในตัวเซียวจิ่งสือออกฤทธิ์ พาเขาไปที่ห้องพักของโรงแรมที่จัดเตรียมไว้ก็ได้แล้ว

 

 

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับรู้สึกร้อนอยู่บ้าง ขณะที่เธอนึกแปลกใจอยู่นั้น ก็เห็นว่าจู่ๆ เซียวจิ่งสือล้มลงบนโต๊ะ

 

 

หรือว่ายาออกฤทธิ์แล้ว? อันซิงตื่นเต้นดีใจมาก เธอรีบเข้าไปหาเขาร้องเรียกเบาๆ ว่า “จิ่งสือ จิ่งสือ คุณเป็นอะไรไปคะ ฉันจะพาคุณกลับห้องพักนะคะ”

 

 

เซียวจิ่งสือดวงตาปิดสนิท ส่งเสียง “อื้ม” มาคำหนึ่ง ผงกศีรษะขึ้นอย่างลำบาก

 

 

ดูท่าว่ายาออกฤทธิ์แล้ว อันซิงหัวใจพองโตด้วยความดีใจ

 

 

จากนั้น อันซิงก็ประคองเซียวจิ่งสือ กลับไปยังห้องพักของโรงแรมที่เธอเตรียมไว้ก่อนแล้ว

 

 

แต่ที่เซียวจิ่งสือกับอันซิงไม่รู้ก็คือ ภาพที่พวกเขาสองคนเข้าห้องไปด้วยกันนั้นตกอยู่ในสายตาของหลินหว่านอย่างชัดเจน