“ฉันเป็นพ่อของแก!”
พอฟู่เซิ่งหนานได้ยินอย่างนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่มันเป็นโรงแรม มองเห็นเย่เทียนที่นอนอยู่บนโฟจากทางหางตา ยังคิดว่าเย่เทียนทำอะไรกับตนไปแล้ว จึงได้ส่งเสียงกรีดออกมา แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตู
แกร็ก!
ประตูห้องถูกเปิดออก เผยให้เห็นชายวัยกลางคนที่สูงประมาณร้อยเจ็บสิบแต่น้ำหนักไม่น่าจะต่ำกว่าสองร้อยปอนด์คนหนึ่ง พร้อมกับพุ่งที่ยื่นออกมาคนหนึ่ง และก็คือพ่อของฟู่เซิ่งหนาน หัวหน้าแก๊งของกิลด์ทหารรับจ้างฟู่กั๋วเฉียงนั่นเอง!
“ฮือฮือ…..”
วินาทีต่อมา ฟู่เซิ่งหนานก็ซบเข้าไปในอกของฟู่กั๋วเฉียง ส่งเสียงร้องไห้ออกมา บวกกับเสื้อผ้ารุงรังจากการที่เพิ่งตื่น ใครที่เห็นก็ต้องคิดไปทางนั้นกันหมด
หางตาของเย่เทียนกระตุกอย่างแรง เขานั้นเข้าออกจากทางหน้าต่าง พวกบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่นอกประตูก็ไม่รู้เรื่อง ชายหญิงสองคนอยู่ในห้องตามลำพัง ต่อให้มีสิบปากก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก!
“จะร้องทำไม พ่อไม่ได้ว่าอะไรแกสักหน่อย”
ฟู่กั๋วเฉียงตบๆ ไปที่หลังของฟู่เซิ่งหนาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ลูกสาว แกหลบไปก่อน ให้พ่อไปคุยกับหมอนั่นหน่อย”
ฟู่เซิ่งหนานรีบพูดอธิบาย “พ่อคะ คือว่ามัน…..”
“ลูกสาว แกไม่ต้องอธิบายกับพ่อหรอก”
ฟู่กั๋วเฉียงพูดขัดทันที “พ่อเคยผ่านมาแล้ว แกเองก็โตขนาดนี้แล้ว พ่อเข้าใจ”
เห็นได้ชัดว่า เขามองเย่เทียนเทียนเป็นแฟนของฟู่เซิ่งหนานไปแล้ว
“ลูกสาว ดูสิแกร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะหมดแล้ว แกไปเติมเครื่องสำอางก่อน!เดี๋ยวฉันขอไปคุยกับพ่อหนุ่มนั่นก่อน”
ฟู่กั๋วเฉียงไม่เปิดโอกาสให้ฟู่เซิ่งหนานได้พูดเลย โบกมือเรียกลูกน้องคนหนึ่งมาพาตัวฟู่เซิ่งหนานไป แล้วเข้าห้องไปคนเดียว ยื่นมือมาปิดประตู จ้องมองไปยังเย่เทียนด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
เย่เทียนถูก ฟู่กั๋วเฉียงจ้องจนขนลุก เขาจึงพูดพร้อมฝืนยิ้มว่า “คุณลุง เราไม่ได้เป็นอย่างที่ลุงคิด….”
ไม่รอให้เย่เทียนได้พูด ฟู่กั๋วเฉียงกับทำหน้าเคร่งขรึม “กินเสร็จเช็ดปากแล้วจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ? แกเห็นลูกสาวของฟู่กั๋วเฉียงคนนี้เป็นอะไร?”
“ไม่ใช่….”
เย่เทียนส่ายหน้าอย่างเต็มที่ ยังอยากอธิบาย
“ถ้าไม่ใช่ก็ดี มีอะไรเราก็มานั่งคุยกัน!”
แต่ว่า ฟู่กั๋วเฉียงกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดเลย เดินไปนั่งลงตรงหน้าเย่เทียน หยิบซีการ์ที่ราคาไม่เบาออกมาจากอกเสื้อกล่องหนึ่ง แล้วยื่นให้เย่เทียนมวนหนึ่งโดยที่ไม่สนใจว่าเย่เทียนจะสูบรึเปล่า
หลังจากที่จุดซีการ์ติดแล้วถึงได้พูดขึ้นว่า “แกชื่อเย่เทียนใช่มั้ย?”
เย่เทียนพยักหน้าตอบรับ และไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แปลกอะไร ด้วยความสามารถของฟู่กั๋วเฉียงถ้าจะรู้ละเอียดหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ฉันรู้ว่าตอนอยู่ที่ประเทศจีนแกได้แต่งงานแล้ว แต่ว่า…..”
ฟู่กั๋วเฉียงพ้นควันออกมา “ถ้าแกยอมแต่งงานกับลูกสาวของฉัน แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่สามเหลี่ยมทมิฬต่อไป แล้วฉันจะไม่เอาเรื่องอะไร”
เย่เทียนส่ายหน้าพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “คุณลุงครับ ผมแต่งงานกับฟู่เซิ่งหนานไม่ได้ครับ”
ฟู่กั๋วเฉียงขมวดคิ้วอย่างแรง แต่ก็ไม่ได้โมโห “ทำไม?”
“สามเหลี่ยมทมิฬวุ่นวายขนาดนี้ ผมไม่ชอบ”
“แค่นี้ฉันยอมถอยให้ได้”
คิ้วที่ขมวดของฟู่กั๋วเฉียงคลายลงมามาก “ขอแค่ลูกสาวของฉันไม่มีปัญหา ฉันสามารถยอมให้แกไปใช้ชีวิตอยู่ที่ยุโรปได้”
แต่น่าเสียดาย เย่เทียนก็ยังส่ายหน้าเหมือนเดิม “แบบนั้นก็ไม่ได้ครับ”
“ไม่ได้จริงๆ เหรอ?”
สีหน้าขอฟู่กั๋วเฉียงบึ้งตึงขึ้นมา น้ำเสียงก็เคร่งขรึมขึ้นมา
ฟู่เซิ่งหนานเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา บวกกับตอนเด็กก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขา เขาจึงรู้สึกหวงแหนมากขึ้นไปอีก
และด้วยเหตุนี้ พอรู้ว่าฟู่เซิ่งหนานหาแฟนได้แล้ว เขาจึงควบคุมอารมณ์ยอมถอย ทั้งหมดก็เพราะไม่อยากให้ฟู่เซิ่งหนานเสียใจเท่านั้น
แต่ เย่เทียนกลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเลทั้งสองครั้ง ต่อให้ ฟู่กั๋วเฉียงนิสัยดีแค่ไหน อย่างน้อยก็น่าจะมีโมโหบ้างแหละ
“ไม่ได้!” เย่เทียนส่ายหน้าอย่างแน่วแน่
“ถ้าแกตัดสินใจไปแล้ว ฉันก็ไม่บังคับแกแล้ว”
พอเห็นเย่เทียนไม่เอาด้วยสักอย่าง ฟู่กั๋วเฉียงก็โมโหขึ้นมาแล้ว “แต่ยังไงแกก็ล่วงเกินลูกสาวฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปง่ายๆ อย่างแน่นอน”
“แกหักแขนตัวเองข้างหนึ่ง และห้ามติดต่อกับลูกสาวฉันอีก แล้วฉันจะไม่ติดใจเอาความ!”
ระหว่างที่พูด ฟู่กั๋วเฉียงก็หยิบมีดสั้นออกมาจากร่างกายเล่มหนึ่ง แล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะ
“คุณลุงครับ เรื่องนี้ผมยิ่งรับปากไม่ได้เลยครับ”
เย่เทียนถึงกับตกใจ และดึงสติกลับมาได้ทันที ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปยังฟู่กั๋วเฉียงอย่างไม่หวาดกลัว ส่ายหน้าแล้วพูดไปว่า “ข้อแรก ผมค่อนข้างอันตราย ถ้าผมแต่งงานกับเธอ ไม่แน่แม้แต่คุณลุงก็อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตได้!”
“ไอ้หนู แกรู้รึเปล่าว่าฉันทำงานอะไร?”
ยังไม่รอให้เย่เทียนได้พูดถึงข้อสอง ฟู่กั๋วเฉียงก็โบกมือขัดไปซะก่อน เบ้ปากแล้วพูดไปว่า “ไม่ดูถูกฉันเกินไปหน่อยเหรอ?”
“คุณลุงครับ ผมรู้ดีครับว่าคุณเป็นใคร?”
เย่เทียนยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับส่ายหน้า “แต่ว่า ความเก่งกาจของศัตรูผมนั้น อาจจะเทียบเท่าประเทศทั้งประเทศก็ได้…..”
“น่าขัน!”
ฟู่กั๋วเฉียงตบลงบนโต๊ะอย่างกะทันหันแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “แกคิดว่าฟู่กั๋วเฉียงนี้เป็นเด็กสามขวบรึไง? คิดว่าแค่คำพูดไม่กี่คำของแกก็จะทำให้ฉันตกใจกลัวได้รึไง?”
“คุณลุงครับ ไม่ว่าคุณจะเชื่อรึเปล่า ยังไงสิ่งที่ผมพูดก็คือความจริง”
เย่เทียนดันมีดสั้นบนโต๊ะกลับไป พูดด้วยท่าทางที่แน่วแน่ว่า “ต่อให้คุณลุงฆ่าผม ผมก็ไม่มีทางแต่งงานกับเซิ่งหนานแน่นอนครับ!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเซิ่งหนานไม่ได้เป็นอย่างที่คุณลุงเข้าใจเลย ผมกับเธอเราเป็นแค่เพื่อนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีอะไรเกินเลยสักนิดครับ!”
ฟู่กั๋วเฉียงเงียบลงไปทันที สาวตาคู่นั้นจ้องเขม็งไปที่เย่เทียน ราวกับจะมองทะลุเข้าไปในวิญญาณว่าเย่เทียนพูดจริงรึเปล่า
เย่เทียนจะไปหวาดกลัวสายตาของฟู่กั๋วเฉียงได้ยังไง มองตรงไปทั้งอย่างนั้น
“แกไม่ได้หลอกฉัน แกกับลูกสาวของฉันไม่ได้ล้ำเส้นกันจริงๆ?”
หลังจากที่จ้องมองอย่างละเอียดไปพักหนึ่ง ฟู่กั๋วเฉียงจึงเลี่ยงที่จะยอมแพ้ไม่ได้ จึงได้ถามไปด้วยความที่ไม่ค่อยมั่นใจ
“คุณลุงครับถ้าผมโกหกคุณลุง งั้นก็ขอให้ผมถูกฟ้าผ่าใส่ทุกวันจนตายไปเลยครับ!” เย่เทียนยื่นชูมือขึ้นมาสาบาน
“ครั้งนี้ฉันจะเชื่อแกแล้วกัน แต่…..”
ฟู่กั๋วเฉียงที่เห็นอย่างนั้น ในที่สุดสีหน้าก็ดีขึ้น แล้วมองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง “ฉันหวังว่าต่อไปแกจะไม่ติดต่อกับลูกสาวของฉันอีก ไม่อย่างนั้นแกจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกคน!”
พูดจบ ฟู่กั๋วเฉียงก็ขยี้ซีการ์ที่สูบลงในที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะจนดับ จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินจากไป
พรึบ!
พอฟู่กั๋วเฉียงเปิดประตูห้องออก ก็มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเสียหลักเซเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่แอบฟังอยู่ข้างนอก
ผู้หญิงคนนี้นอกจากฟู่เซิ่งหนานแล้วยังจะมีใครที่กล้าแอบฟังอีก?
“พ่อคะ พ่อทำอะไรเขาเหรอคะ? พ่อฆ่าเขาไปแล้วรึยัง?”
เนื่องจากร่างกายที่อ้วนท้วนของฟู่กั๋วเฉียงขวางประตูไว้ ฟู่เซิ่งหนานจึงต้องเขย่งขา ยื่นหน้าไปมองเย่เทียนที่อยู่ในห้อง
“ไปไปไป! กี่โมงกี่ยามแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ!”
ฟู่กั๋วเฉียงส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจ ดึงแขนของฟู่เซิ่งหนานแล้วถึงเธอออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจว่าเธอจะขัดขืนขนาดไหน
หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อกี้ขึ้น เย่เทียนก็ไม่ได้ง่วงแล้ว ในเมื่อนอนไม่หลับ เลยตัดสินใจไปที่เมืองที่ไม่เคยหลับซะเลย…..