บทที่ 1095 ได้เวลาผงาด

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ทันทีที่หลิงหยุนกลับมาถึงบ้าน..ปู่หลานต่างก็คุยโตโอ้อวดอย่างไม่นึกเกรงกลัวผู้ใด!
  หลิงลี่นั้นอายุแปดสิบแล้ว..เขาเคยผ่านทั้งช่วงเวลาที่ตระกูลหลิงรุ่งเรืองถึงขีดสุด และช่วงเวลาที่ตระกูลหลิงค่อยๆตกต่ำจนถึงจุดต่ำสุดมาแล้วเช่นกัน อีกทั้งยังเคยลิ้มรสความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้มาแล้วทั้งหมด!
  เมื่อราวสี่ห้าสิบปีก่อน..ตระกูลหลิงมียอดฝีมือที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-7 มากมาย แต่หลังจากที่ทั้งหมดเดินทางไปที่คุนหลุน ก็ไม่มีผู้ใดได้กลับออกมาอีกเลย และไม่รู้แม้กระทั่งว่าพวกเขานั้นเป็นหรือตาย!
  ในครั้งนั้น..หลิงลี่อายุได้ราวสามสิบปี และยังอยู่เพียงแค่ขั้นเซียงเทียน-3 เท่านั้น หากจะเทียบกับยอดฝีมือที่เดินทางไปคุนหลุนแล้ว อย่างหลิงลี่ยังไม่นับว่าเป็นยอดฝีมือตระกูลหลิงด้วยซ้ำ!
  ด้วยเหตุนี้..ในครั้งนั้นหลิงลี่ซึ่งมีคุณสมบัติยังไม่เพียงพอที่จะถามไถ่ในเรื่องสำคัญ จึงรู้เพียงแค่ว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง และตื้นลึกหนาบางสักเท่าไหร่!
  หลิงลี่จำได้ว่า..ครั้งนั้นไม่เพียงแค่ยอดฝีมือตระกูลหลิงที่ต้องเดินทางออกจากตระกูล แม้กระทั่งตระกูลหลงและตระกูลฉินซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ในครั้งนั้น ก็ต้องส่งยอดฝีมือของตนออกไปด้วยเช่นกัน โดยที่ยอดฝีมือตระกูลหลงนั้นเดินทางไปที่เผิงไล๋ ส่วนยอดฝีมือตระกูลฉินนั้นเดินทางไปที่สุสานฉินซีหวง และทั้งหมดก็ไม่มีใครได้กลับออกมาเช่นกัน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตายด้วย..
  ด้วยสาเหตุนี้..ทำให้ตระกูลใหญ่สามตระกูลอย่างตระกูลหลิง ตระกูลหลง และตระกูลฉิน ต่างก็ต้องสูญเสียอย่างมาก เพราะในอดีตนั้นทั้งสามตระกูลใหญ่นี้นับว่าเป็นเสาหลักสามเสาที่ค้ำยันคานซึ่งกันและกันไว้..
  จนกระทั่งเมื่อสิบแปดปีก่อนหลิงเสี่ยวกับธิดาพรรคมารหยิงชิงเฉวียนเกิดตกหลุมรักกัน เป็นเหตุให้ตระกูลหลิงต้องถูกเหล่ายอดฝีมือในยุทธภพทั้งสองฝ่ายกุ้มรุมทำร้าย แต่คนตระกูลหลิงก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้ และต่อสู้จนตัวตายในสนามรบไปมากมาย ท้ายที่สุดตระกูลหลงจึงเสนอให้หลิงเสี่ยวทำลายวรยุทธของตนเองเพื่อรักษาชีวิตของคนที่เหลือ อีกทั้งยังให้หลิงเสี่ยวให้คำมั่นว่าจะไม่พบหน้าหยิงชิงเฉวียนอีก และนั่นทำให้ยอดฝีมือจากสองฝ่ายยินยอมปล่อยตระกูลหลิงไป..
  แต่เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ยอดฝีมือตระกูลหลิงต่างก็ตายไปมากมาย และบ้างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้กระทั่งตัวหลิงลี่เองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ทำให้ตระกูลหลิงสูญสิ้นคุณสมบัติที่จะเทียบเท่าตระกูลหลงอีก..
  เมื่อครั้งที่เกิดโศกนาฏกรรมกับตระกูลหลิงนั้นหลิงลี่มีอายุราวหกสิบปีได้ และนับตั้งแต่นั้นมาสถานะที่เคยทรงอำนาจของตระกูลหลิงก็ค่อยๆถูกตระกูลอื่นริดรอนลงเรื่อยๆ ตระกูลหลิงจึงค่อยๆตกต่ำลง และร่วงลงมาเป็นตระกูลอันดับเจ็ดรั้งท้ายตระกูลใหญ่อื่นๆ
  ระหวางการต่อสู้ในครั้งนั้นหลิงลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเส้นลมปราณ และจุดตันเถียนเสียหายอย่างมาก ไม่ว่าจะตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอย่างหนักเพียงใด หรือไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมามากมาย ก็ทำได้เพียงแค่กลับมาอยู่ในขั้นเซียงเทียน-1 เท่านั้น..
  ความจริงแล้ว..ที่ผ่านมาชายชราก็ได้ยอมรับกับตัวเองแล้วว่า ตระกูลหลิงคงต้องค่อยๆถดถอย และต้องหลุดจากการเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง..
  แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ลูกชายคนที่สามของตนที่เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่ จะสามารถให้กำเนิดบุตรชายที่เก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้!
  หยินชิงเฉวียนไม่เพียงให้กำเนิดหลิงหยุนแต่ยังสามารถทำให้หลิงหยุนมีโอกาสไปเติบใหญ่ในจิงฉูได้ และในที่สุดก็ผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และกลับสู่ตระกูลหลิงได้ในที่สุด!
  เวลานี้..หลิงเสี่ยวก็ถูกช่วยกลับมาได้แล้ว หลิงลี่กับหลิงยุนจึงไม่จำเป็นต้องระมัดระวังอะไรอีก!
  นับตั้งแต่วันที่หลิงหยุนกลับไปจิงฉูนั้นหลิงลี่ก็ได้ฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย และได้วางเแผนต่างๆไว้ในใจมากมาย เขาตั้งใจว่าหลังจากที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการแล้ว เขาจะจัดการตามแผนที่ได้วางไว้ทีละเรื่อง..
  ความอัปยศอดสูที่ต้องทนแบกรับมานานถึงสิบแปดปีกำลังจะกลายเป็นเพียงแค่อดีต และนับจากนี้ไปตระกูลหลิงจะต้องกลับมารุ่งเรือง และผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง!
  หลิงลี่จ้องมองหลิงหยุนที่ยืนตระหง่านท้าทายแสงอาทิตย์คล้ายกับกำลังจะส่งสัญญาณบอกว่านับจากนี้ไปตระกูลหลิงจะต้องรุ่งเรืองสว่างไสวโชติช่วงที่สุดในประเทศนี้!
  พลังความแข็งแกร่งที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนนั้นเป็นสิ่งที่คนเป็นปู่อย่างหลิงลี่เฝ้ามองหา และกำลังรอคอยว่าหลานชายของเขาผู้นี้จะนำพาตระกูลหลิงให้ขึ้นมาผงาดอีกครั้งได้อย่างไร
  ด้วยเหตุนี้..หลิงลี่จึงไม่สนใจคำเตือนของฉินตงเฉี่วย และมุ่งมั่นที่จะทำตามเจตจำนงค์ของตนเองต่อไป!
  การที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงนั้นเขาย่อมมีหนทางของตนเองแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นหลิงลี่ในฐานะอดีตผู้นำตระกูลจะเป็นผู้จัดการเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพร้อมที่จะให้การสนับสนุนหลิงหยุนในทุกๆเรื่อง!
  และการที่มีปู่ออกหน้าเป็นเกราะป้องกันให้เช่นนี้ก็เป็นความรู้สึกที่หลิงหยุนไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่เวลานี้เขาได้เข้าใจ และรับรู้ในความรู้สึกเช่นนี้แล้ว!
  หลิงหยุนรู้ว่านับจากนี้ตนเองจะไม่ต้องต่อสู้เพียงลำพังอีกแล้วแต่จะมีคนคอยอยู่เคียงข้าง มีคนคอยให้การสนับสนุน และนี่คือความรู้สึกของคำว่าครอบครัว และการมีบ้านอย่างแท้จริง!
  “ท่านปู่พูดได้ถูกต้องนัก!”
  หลิงหยุนเอ่ยชมหลิงลี่พร้อมกับขยิบตาให้ฉินตงเฉี่วย..
  “ท่านปู่..พวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านจะดีกว่า!”
  หลิงหยุนหันไปทางเหล่ากุ่ยและเดินตรงเข้าไปจับแขนขวาของเขาไว้พร้อมกับร้องบอกว่า“เหล่ากุ่ย.. ข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้กับท่านก่อน!”
  เหล่ากุ่ยตระหนักดีว่าฉายาหมออมตะของหลิงหยุนนั้นไม่ใช่เพียงแค่คำร่ำลือเขาจึงไม่ปฏิเสธ และปล่อยให้หลิงหยุนจับมือไว้เช่นนั้น แล้วทั้งคู่ก็เดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกัน
  ระหว่างที่ค่อยๆเดินกลับเข้าไปยังสวนชั้นที่เก้านั้น ทั้งคู่ก็ใช้เวลาเดินอยู่ราวสามนาที และเวลาเพียงเท่านั้นก็เพียงพอที่จะให้หลิงหยุนรักษาอาการบาดเจ็บของเหล่ากุ่ยได้แล้ว..
  เหล่ากุ่ยเองก็ถึงกับตกใจอย่างมากเขาได้รับบาดเจ็บจากไอกระบี่ของราชันย์นักฆ่าขั้นเซียงเทียน-8 เส้นลมปราณถึงกับฉีกขาด และได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างสาหัส แต่หลิงหยุนกลับใชเ้วลาในการรักษาเพียงแค่ไม่กี่นาที..
  ยิ่งไปกว่านั้น..ภายในเวลาเพียงแค่สองสามนาทีนี้ หลิงหยุนกลับสามารถถ่ายเทพลังปราณลงไปในร่างกายของเขาได้ถึงสิบสองรอบใหญ่ นับว่าหลิงหยุนนั้นเดินลมปราณได้รวดเร็วจนน่ากลัว!   และเมื่อเห็นว่าอาการของเหล่ากุ่ยดีขึ้นแล้วหลิงหยุนจึงถอนฝ่ามือขวาออกจากแขนของหเล่ากุ่ย.. novel-lucky
  เหล่ากุ่ยรีบยกมือประสานกันพร้อมกับโน้มศรีษะลง“ ขอบคุณนายน้อยสี่!”
  หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับโบกมือไปมา“เหล่ากุ่ย.. ท่านทำตัวมีมารยาทต่อข้าเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกห่างเหิน ต่อไปอย่าได้ทำเช่นนี้ีอีก!”
  เหล่ากุ่ยนับเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์มากคนหนึ่งของตระกูลหลิงและเป็นพี่น้องที่ดีของหลิงลี่ หลิงหยุนจึงไม่ต้องการให้เหล่ากุ่ยมีมารยาทกับเขาเช่นนี้ แต่ก็เหนื่อยที่จะบอกกับเขาอีกแล้ว..
  เหล่ากุ่ยได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก..
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับโม่วู๋เตา“โม่วู๋เตา.. คิดไม่ถึงว่าวิชาทำนายของเจ้าจะแม่นยำถึงเพียงนี้ และสามารถหาที่ซ่อนตัวของท่านพ่อพบจนได้ ไม่เลวเลยทีเดียว!”
  “มันแน่นอนอยู่แล้ว!”โม่วู๋เตาตอบหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ  “นับว่าไม่เสียแรงที่ข้าพาเจ้ามาปักกิ่งด้วยครั้งนี้นับว่าเจ้าทำผลงานได้ดียิ่งนัก!”
  หลิงหยุนจ้องมองโม่วู๋เตาและได้แต่คิดว่าการได้พบเจอกับโม่วู๋เตานับเป็นความโชคดีของเขาอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้โม่วู๋เตาก็เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้เช่นกัน
  หลิงเสี่ยวถูกจับตัวไปขังไว้นานและไม่มีใครล่วงรู้ แต่โม่วู๋เตากลับอาศัยวิชาของตนเองแอบดูความลับสวรรค์จนสามารถรู้ที่ซ่อนของหลิงเสี่ยว และช่วยออกมาได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าชีวิตของพวกเขาสองพ่อลูกนั้น ล้วนเป็นหนีบุญคุณโม่วู๋เตา!
  หลิงหยุนรู้ดีว่า..เวลานี้โม่วู๋เตาเป็นเพียงคนเดียวที่เขายังไม่ได้ตอบแทนอย่างเต็มที่ แต่แน่นอนว่าเขายังจดจำทุกอย่างไว้ในใจ!
  โม่วู๋เตายิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าก็อย่าลืมว่าข้าเคยช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”
  หลิงหยุนยิ้ม“รับรองว่าข้าไม่ลืมแน่!”
  ก่อนที่จะเดินทางมาปักกิ่งนั้นโม่วู๋เตาได้เข้าไปพูดคุยกับหลิงหยุนตามลำพัง และได้บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับสุสานลึกลับใต้ดินแห่งหนึ่งให้เขาฟัง แต่เพราะสุสานแห่งนี้มีการวางฮวงจุ้ยโดยปรมาจารย์ที่เก่งกาจ และโม่วู๋เตานั้นไม่เก่งพอ เขาจึงขอร้องให้หลิงหยุนพาเขาไปสำรวจสุสานแห่งนี้..
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า..หากเขาได้รู้ว่าใต้ผืนแผ่นดินปักกิ่งนี้มีสุสานเก่าแก่ ต่อให้โม่วู๋เตาไม่ขอร้อง เขาก็ต้องไปสำรวจด้วยตัวเองอยู่ดี ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนในฐานะปรมาจารย์แห่งค่ายกลคงต้องนึกเสียดายอย่างแน่นอน..
  “ท่านพ่อ..”
  ระหว่างนั้นหลิงเสี่ยวก็เดินเข้ามาพอดีเขาเอ่ยทักทายหลิงลี่ และรีบตรงเข้าไปคุกเข่าคาราวะทันที!
  “ท่านพ่อ..ลูกไม่เอาใหน! หายตัวไปตั้งนานทำให้ท่านพ่อต้องเป็นห่วง!”
  “ลูกสามเจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว! ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย เป็นเพราะพ่อเองที่ไร้ความสามารถจึงไม่อาจปกป้องเจ้าได้ทำให้เจ้าต้องได้รับทุกข์ทรมานถึงเพียงนั้น เอาล่ะ.. รีบลุกขึ้นเถิด!”
  หลิงลี่ยื่นมือออกไปและรีบพยุงหลิงเสี่ยวให้ลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุน “หลิงหยุน.. มาคาราวะพ่อของเจ้าสิ!”
  เมื่อเห็นหลิงเสี่ยวเดินเข้ามาหลิงหยุนก็ได้ลุกขึ้นยืน และรอให้หลิงเสี่ยวลุกขึ้น และแทบไม่ต้องให้หลิงลี่เอ่ยเตือน เขาก็รีบตรงเข้าไปหาหลิงเสี่ยวทันที..
  หลิงหยุนคุกเข่าลงพร้อมกับโขกศรีษะให้กับหลิงเสี่ยวสามครั้ง..
  “ข้า..หลิงหยุนคำนับท่านพ่อ!”
  “เด็กดี..เจ้าลุกขึ้นเถิด!”
  แววตาของหลิงเสี่ยวที่จ้องมองหลิงหยุนขณะโขกศรีษะนั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจและรีบโน้มตัวลงไปดึงร่างของหลิงหยุนให้ลุกขึ้นจากพื้น..
  จากนั้นพ่อและลูกก็ยืนเคียงข้างกันหลิงเสี่ยวจึงยกมือขั้นลูบศรีษะของหลิงหยุน และตบบ่าของเขาอย่างอ่อนโยน แล้วสองพ่อลูกก็หันมายิ้มให้กัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครพูดอะไร..
  เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ..ทุกอย่างจึงสามารถรับรู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านคำพูด!
  ทางด้านฉินตงเฉี่วยที่ได้จ้องมองภาพการพบกันของพ่อลูกอยู่ก็ได้สังเกตหลิงเสี่ยวอย่างละเอียด และได้แต่คิดในใจว่าการที่หลิงเสี่ยวสามารถกุมหัวใจของธิดาพรรคมารคนก่อนได้นั้น ผู้ชายคนนี้ย่อมไม่ธรรมดา..
  และมีเพียงบิดาเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถให้กำเนิดบุตรชายเช่นหลิงหยุนได้!
  “หลิงเสี่ยวของคุณแม่นางฉินที่ช่วยชีวิตของข้าไว้!”
  หลิงเสี่ยวเอ่ยขอบคุณฉินตงเฉี่วยจากใจส่วนฉินตงเฉี่วยนั้นมีอาการกระอักกระอ่วนเล็กน้อย และไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปเช่นไร
  “ท่านพ่อ..น้าหญิงมาปักกิ่งครั้งนี้ก็เพื่อช่วยข้า พวกเราต่างก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ท่านพ่อไม่ต้องเกรงใจ!”   หลิงหยุนเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของฉินตงเฉี่วยจึงรีบพูดขึ้นทันที..
  “ถูกต้องแล้ว..พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน! คุณชายหลิงไม่ต้องเกรงใจ”
  ฉินตงเฉี่วยตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ..