บทที่ 89 คุณชายจอมหยิ่ง โดย Ink Stone_Romance
อวี๋หวั่นตกใจกับเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเช่นนี้ไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งเสียงร้องของเยี่ยนจิ่วเฉาเล็ดลอดไรฟันของเขาออกมา อวี๋หวั่นจึงได้สติ เธอสังเกตเห็นว่าตนนอนทับอยู่บนร่างของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เยี่ยนจิ่วเฉากลับลงไปกระแทกกับมุมแหลมของหินก้อนใหญ่แทนเธอ
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเยี่ยนจิ่วเฉาพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผาก
ทว่าเรื่องมิได้จบเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง หลังคาในหลังบ้านก็สั่นไหวและถล่มลงมา
ทันทีที่ได้ยินเสียงก้องกัมปนาท ทั้งสองคนก็ถูกฝังอยู่ใต้เศษซากหลังคาที่ถล่มครืนลงมาเสียแล้ว
อวี๋หวั่นนอนอยู่บนร่างของเยี่ยนจิ่วเฉา หลังคาเหนือศีรษะยุบตัวลง หากอ้างอิงตามเหตุและผลแล้ว เธอจะต้องเป็นคนแรกที่รับน้ำหนักของหลังคา แต่เธอกลับไม่ยักรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้
อวี๋หวั่นตั้งสติ แล้วจึงตระหนักได้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาใช้มือค้ำหลังคาเอาไว้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดที่หลัง หรือเป็นเพราะแรงกดของหลังคา อวี๋หวั่นรู้สึกว่าแขนข้างที่เขาใช้โอบเธอนั้นเกร็งขึ้นมา
อวี๋หวั่นถูกดึงเข้ามาจนรู้สึกเจ็บ
ใบหน้าของอวี๋หวั่นแนบอยู่กับหน้าอกของเยี่ยนจิ่วเฉา เธอรู้สึกได้ว่าลมหายใจของเขากระชั้นขึ้น ทั้งยังสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวของเขาผ่านเนื้อผ้า
ในอากาศเต็มไปด้วยลมหายใจของเขา กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ ระคนไปกับกลิ่นของยาสมุนไพร น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
อวี๋หวั่นขยับศีรษะอย่างไม่สบายตัว พยายามจะหลบหลีกลมหายใจซึ่งล่อลวงคนได้เช่นนี้ แต่กลับมิทันระวัง ไปชนกับคางของเขาเข้า
อวี๋หวั่นรู้สึกได้ถึงความเย็นวูบหนึ่งบนริมฝีปาก จึงรู้ว่าตนเองได้ไปสัมผัสกับสิ่งที่ไม่ควรสัมผัสอีกแล้ว ในใจรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งขึ้นไปอีก
อวี๋หวั่นพยายามจะไม่ทิ้งน้ำหนักบนตัวของเขา แต่ไหนเลยจะรู้ว่า กลับได้ยินเขาเอ่ยขึ้นว่า “อย่าขยับ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำนี้ทำให้ใบหูของอวี๋หวั่นร้อนผ่าว เธอมิได้ขยับตัว
ความรู้สึกที่อวี๋หวั่นมีต่อเยี่ยนจิ่วเฉาในตอนนี้ ต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย
หากจะให้สรรหาคำหนึ่งมาอธิบาย ก็คงจะเป็น…ไม่คุ้นเคย
กระนั้น ความไม่คุ้นเคยนี้ก็มิได้ทำให้อวี๋หวั่นรู้สึกหวาดกลัว แต่กลับทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งโมโหเขาจนแทบจะบ้าตาย พอได้สัมผัสกับความรู้สึกสบายใจ…
เธอคงจะไม่ได้หัวกระแทกจนเสียสติไปหรอกนะ
อวี๋หวั่นกะพริบตาในความมืด
แขนของเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งโอบเธออยู่นั้นขยับเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่จับด้านหลังศีรษะของเธอ แล้วดันลงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเบามือ
อาจเป็นเพราะมองไม่เห็นแล้ว ประสาทสัมผัสอื่นจึงเพิ่มการรับรู้มากขึ้น การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยน การปลอบประโลมนี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและห่วงใย
หน้าผากเย็นๆ ของอวี๋หวั่นทับอยู่บนแก้มร้อนๆ ของเขา
พวกเขาในวัยหนุ่มสาว ถูกกลบอยู่ด้วยกันเช่นนี้ ลมหายใจพันเกี่ยว สีสันของยามราตรีจึงดูคลุมเครือขึ้นมา
ทว่าความคลุมเครือเช่นนี้มิอาจอยู่ได้นานนัก เพราะได้ถูกอิ่งสือซันทำลายจนสิ้น
“คุณชาย! คุณชาย ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
เป็นเสียงของอิ่งสือซัน
บรรยากาศใต้ซากปรักหักพังนี้แปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน เยี่ยนจิ่วเฉากระแอม แล้วกล่าวด้วยความเยือกเย็นว่า “ไม่เป็นไร”
ไม่ว่าอย่างไรท่วงท่าเช่นนี้ หากคนมองมาก็คงดูไม่ดีนัก ทั้งยังไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดความเข้าใจผิดอะไรขึ้น อวี๋หวั่นจึงรีบลุกขึ้นนั่ง
ช่างประจวบเหมาะ อิ่งสือซันยกหลังคาเหนือศีรษะของทั้งสองคนขึ้นพอดี
อวี๋หวั่นมิได้คาดคิดว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะรวดเร็วปานนี้ เธอยังไม่ทันได้ขยับลงจากร่างของเยี่ยนจิ่วเฉา ก็เห็นอิ่งสือซันเห็นเข้าแล้ว
อิ่งสือซันรีบยกมือขึ้นปิดตา “ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”
ที่แท้คุณชายเยี่ยนชอบอยู่ข้างล่าง…
……
“เต่าเอ๋าพลิกตัว[1]แล้ว เต่าเอ๋าพลิกตัวแล้ว!”
หมู่บ้านที่เดิมทีเงียบสงบกลับสับสนอลหม่านขึ้นมา ผู้คนต่างวิ่งพล่านออกมาจากบ้านเรือนของตน ห่อตัวด้วยผ้าห่ม อุ้มลูกอุ้มหลาน วิ่งตรงไปยังบ่อน้ำเก่าของหมู่บ้าน
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น?” ป้าจางเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก เมื่อครู่นี้นางรู้สึกได้ถึงความสั่นไหว แต่คิดว่าตนนั้นฝันไป!
“เต่าเอ๋าพลิกตัวแล้ว!” ป้าไป๋กล่าวอย่างตกอกตกใจ พลางอุ้มหลานชายซึ่งกำลังหลับสบายเอาไว้
“ไอ้หยา เต่าเอ๋าพลิกตัวแล้วหรือ?” มารดาของซวนจื่อจูงวัวเฒ่าซึ่งเคยได้รับบาดเจ็บตัวนั้นมา
“มิใช่เต่าเอ๋าขยับตัว เป็นแผ่นดินไหว” จ้าวเหิงกล่าวท้วง
ฝูงชนต่างกลอกตาใส่เขา
แผ่นดินเคลื่อนที่ไหน? นี่มิใช่เต่าเอ๋าขยับตัวหรอกหรือ? เต่าไม่ขยับตัว แต่แผ่นดินเคลื่อนได้หรือ?
ก็แค่อยากจะอวดภูมิ!
จ้าวเหิงหน่ายที่จะถกเถียงกับพวกเขา จึงถูจมูกด้วยความโมโห มิได้กล่าวต่อ
หมู่บ้านเหลียนฮวาเผชิญกับภัยธรรมชาติมาไม่น้อย ส่วนมากมักเป็นภัยแล้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เต่าเอ๋าพลิกตัว ความเสียหายไม่มากนัก นอกเหนือจากหลังคาของบ้านบางหลังที่ถล่มลงมาและผนังร้าว ชาวบ้านต่างไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
อวี๋หวั่นมิได้คาดคิดว่าจะได้พบกับเรื่องประเภทนี้ในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ก็ยากที่จะหลบเลี่ยงหายนะที่เกิดจากธรรมชาติและผู้คนได้พ้น
โชคดีที่เด็กๆ ทุกคนปลอดภัย นางเจียงก็ไม่เป็นไร
แผ่นหลังของเยี่ยนจิ่วเฉากระแทกกับขอบแหลมของหิน เป็นแผลถลอกและฟกช้ำ นี่ไม่นับว่าบาดเจ็บหนัก ที่เจ็บหนักคือขาของเขา หลังจากที่กอดอวี๋หวั่นเอาไว้ระยะหนึ่ง รับแรงมากเกินไป ขาของเขาจึงเคลื่อน
หลังจากที่หลี่เจิ้งทราบข่าวร้ายนี้ จึงเรียกให้ซวนจื่อไปตามชุยเฒ่าจากหมู่บ้านข้างๆ มา
อวี๋หวั่นไม่ได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนแผ่นดินไหว เธอเดินไปยังห้องครัวอย่างเงียบเชียบ ต้มเนื้อสามชั้นขึ้นมาหม้อหนึ่ง ผัดเนื้อแห้งกับผักกาดขาวอีกหนึ่งจาน และอุ่นอัวอัวโถวข้าวโพดอีกสามสี่ลูก
เธอยกอาหารเข้าไปในห้องของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉานอนอยู่บนเตียงซึ่งดูคล้ายกับเตียงของจักรพรรดิ เขามองไปยังอวี๋หวั่นซึ่งวางอาหารไว้และกำลังจะเดินออกไป “จะไปเช่นนี้หรือ?”
อวี๋หวั่นชะงัก
อาหารก็ทำเสร็จแล้ว เธอยังจะต้องอยู่ที่นี่อีกหรืออย่างไร?
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้าบาดเจ็บก็เพราะเจ้า เจ้าจะไม่คอยดูแลให้ข้ากินอาหารหน่อยหรือ?”
มุมปากของอวี๋หวั่นกระตุก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใต้ซากหลังคาเป็นเพียงภาพลวงตา คนผู้นี้จะมามีวุฒิภาวะและอ่อนโยนได้อย่างไรกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็นเพียงคนรวยหัวดื้อคนหนึ่ง
“ท่านได้รับบาดเจ็บที่ขา แล้วมือเป็นอะไร” อวี๋หวั่นถาม
“มือเจ็บ” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
……………………………………
[1] เต่าเอ๋าพลิกตัว ชาวจีนโบราณเชื่อว่าเต่าเอ๋าคือเต่าเทพที่ค้ำท้องฟ้าเอาไว้ เมื่อเต่าเอ๋าพลิกตัวจะเกิดแผ่นดินไหว