บทที่ 99 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 99 สิ่งที่เรียกว่าความจริง (3)
“เอาล่ะ” ลั่วจื่อหานเอาผมที่ปรกหน้าของเธอเกี่ยวหู ปลายนิ้วสัมผัสหูของเธอ รู้สึกเย็นๆ “เป็นอะไรไป?”
อี้เป่ยซีมองดูรอบๆ เขยิบเข้าไปใกล้ “นาย รู้เรื่องอดีตของฟางหมิ่นไหม?”
“ฟางหมิ่น?” เขามองไปทางอื่น นึกถึงคำอธิบายทั้งหมดที่บ้านถังมีให้เขา เหมือนกับว่าโยนเรื่องทั้งหมดไปให้ฟางหมิ่นซะแล้ว “ถังเสวี่ยบอกอะไรกับเธอ”
น้ำเสียงมั่นใจ อี้เป่ยซีกระพริบตาใส่เขา “นายรู้ได้ยังไงน่ะ”
ลั่วจื่อหานยิ้มเยือกเย็น “ฉันนึกถึงคนอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ”
“หืม?”
เขาส่ายหน้า ลูบหัวของเธอ “ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวไว้ฉันจะไปสืบดู”
“อ่อ ได้ ขอบคุณนะ”
“มีอะไรอีกไหม?”
“มีอีกไหม? ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว แค่เรื่องนี้แหละ เขาไม่ได้มาที่มหา’ลัยเลย ก็แค่รู้สึกแปลกๆ” อี้เป่ยซีก้มหน้าแคะเล็บ ถูกลั่วจื่อหานดึงมือไว้
“คิดจะขอบคุณฉันยังไง?”
“หา?”
เขายิ้ม “หรือว่าไม่มีค่าตอบแทนเหรอ”
“นาย…ก็คิดซะว่าตอบแทนสังคมก็แล้วกัน” วินาทีต่อมาปากของลั่วจื่อหานก็ประกบบนริมฝีปากของเธอเบาๆ ค้างอยู่พักหนึ่งจึงคลายออกด้วยความพึงพอใจมาก
“คิดดีๆ ว่าควรขอบคุณฉันยังไง”
“นาย…ไม่ใช่ว่านาย…”
ลั่วจื่อหานมองดูแก้มแดงๆ ของเธอ ยื่นมือจิ้มๆ แต่ถูกเธอสะบัดออก “งั้นก็ติดไว้ก่อนเถอะ สถานที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย”
‘นายยังรู้ด้วยเหรอว่าไม่เอื้ออำนวย แล้วเมื่อกี้นายยังจะจูบฉัน’ อี้เป่ยซีเงยหน้าขึ้นมองด้วยความโมโห
“เป่ยซี” ลั่วจื่อหานเชิดคางของเธอขึ้น “อยากอยู่ตรงนี้มากเหรอ?”
“ฉัน…ฉันเปล่า” เธอถอยหลังห่างจากลั่วจื่อหานทันที “ฉัน ฉันยังมีเรียน ไปก่อนล่ะ” ไม่รอให้คนข้างหลังตอบสนองก็วิ่งไปอย่างรวดเร็วแล้ว ลั่วจื่อหานหันหลังมองแผ่นหลังของเธอ ยิ้มน้อยๆ
‘ถังเสวี่ยเอ๋ยถังเสวี่ย ฉันประมาทเธอเกินไปจริงๆ’ ใบหน้าของลั่วจื่อหานราวกับน้ำแข็ง ดูแล้ว เขายังสั่งสอนบ้านถังไม่มากพอ ยังต้องจัดการพวกเขาให้ดีกว่านี้
“ส่งคนจับตาดูถังเสวี่ยไว้” ผู้ชายในชุดสูทกับรองเท้าหนังโผล่มาจากด้านหลังของลั่วจื่อหานตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“ครับ”
ลั่วจื่อหานจึงหันหลังแล้วเดินไปยังทางออกของมหาวิทยาลัย “ผู้หญิงคนนั้นว่ายังไงบ้าง”
“รับทุกอย่างไว้เอง ไม่ได้ปริปากอะไร”
“ถังเฉิงนี่ก็ใช้ได้จริงๆ ส่งของขวัญชิ้นนั้นไปเถอะ”
“ครับ”
จนกระทั่งไม่มีคนเห็นเงาของลั่วจื่อหานแล้ว มีคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมด้านข้าง เธอมองทิศทางที่อี้เป่ยซีจากไปด้วยความโมโห กำมือแน่นจนส่งเสียงกร็อบๆ
“อี้เป่ยซี” ในดวงตาหลิงจื่อเซี่ยราวกับว่าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอลอยหน้าลอยหน้าแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”
“ฮ่าๆ…” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังมาจากด้านหลังของเธอ หลิงจื่อเซี่ยหันหลังไป เห็นสาวผมบรอนด์นัยน์ตาสีฟ้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ก้าวย่างสง่างามและหยิ่งผยอง สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“เธอเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะฉัน”
“อี้เป่ยซีพูดถูกจริงๆ วันๆ ทำตัวเหมือนเป็นคุณหนูใหญ่ เหนื่อยมากสินะ บางทีชีวิตสามัญชนเมื่อก่อนเหมาะกับเธอมากกว่าซะอีก”
สีหน้าหลิงจื่อเซี่ยเผยอาการขมขื่น “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เธอเป็นใคร?”
“ฉันเป็นใคร?” เธอหัวเราะ “ฉันก็เหมือนกับเธอ คนที่หวังว่าอี้เป่ยซีจะหายไปอย่างสมบูรณ์” พูดจาเจ้าเล่ห์ ราวกับว่ามีความแค้นอันยิ่งใหญ่กับอี้เป่ยซีจริงๆ บุคลิกของเธอทำให้หลิงจื่อเซี่ยตัวสั่นเทิ้ม
“เธอกลัวอะไร ไม่ได้จะกำจัดเธอซะหน่อย” เธอหัวเราะแผ่วเบา “หลิงจื่อเซี่ย ฉันช่วยเธอได้นะ”
“ตอนนั้นฉินแยว่เข่อก็พูดกับฉันแบบนี้”
“ฉินแยว่เข่อ? เขากับพี่สาวเขาก็เป็นแค่ขยะเท่านั้น เห็นผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า ก็คาบมันเหมือนกับลูกหมาตัวน้อย คนแบบนี้จะเป็นอะไรได้”
ผู้หญิงคนนี้พูดพลางหันหามาหลิงจื่อเซี่ย “แต่เธอไม่เหมือนกัน ขอเพียงอี้เป่ยซีหายไปโดยสิ้นเชิง เธอถึงจะมีโอกาสแทนที่ ไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไมฉันต้องเชื่อเธอด้วย”
“ฉันว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว พวกเราร่วมมือกันไม่จำเป็นต้องเชื่อใจ เธอก็แค่ฟังที่ฉันพูด จะทำหรือไม่ทำมันเรื่องของเธอ จะกำจัดอี้เป่ยซี ฉันไม่จำเป็นต้องมีเธอ”
มือของหลิงจื่อเซี่ยผ่อนคลายเล็กน้อย “เธอ…ทำได้จริงเหรอ?”
“ฉันคิดว่าด้วยสมองของคุณหนูใหญ่อย่างหลิงจื่อเซี่ยตอนนี้ก็คงรู้แล้วว่าเรื่องในอดีตกับเรื่องปัจจุบันมีผลกระทบมากแค่ไหน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่พวกไม่มีสมองอย่างพวกเธอจะทำได้”
ตาของเธอเบิกกว้างทันที “เธอหมายความว่า…”
เธอพยักหน้า มือหนึ่งเล่นกับหางม้าของตัวเอง “ฉันมีเวลาไม่มาก คิดจะเอายังไง?”
หลิงจื่อเซี่ยกัดริมฝีปาก พยักหน้าแน่วแน่ ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะ สายตาที่มองเธอนั้นมีความดูถูกยิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย “ได้” พูดจบก็หันหลังจากไป
“เธอชื่ออะไร ฉันจะติดต่อเธอยังไง”
ผู้หญิงคนนั้นหันหลังให้เธอ “ลู่เซิง เวลาที่เราต้องติดต่อกัน จะมีคนหาเธอเอง ไม่ต้องใจร้อน ตอนนี้สิ่งที่ควรร้อนใจที่สุดก็การแต่งตัวของเธอ” เธอปิดจมูกของตัวเอง “รสนิยมช่างต่างจากอี้เป่ยซีเหลือเกิน แต่งตัวให้มันดีๆ หน่อยสิ” เดินกระแทกส้นสูงจากไปแล้ว หลิงจื่อเซี่ยสำรวจดูเสื้อผ้าของตัวเอง
‘ยัยผู้หญิงตาไม่มีแวว รสนิยมของเธอกับอี้เป่ยซี เด็กสาวที่มีแต่เสื้อผ้ากีฬาธรรมดาคนนั้นจะมาเทียบกับระดับเธอได้อย่างไร’
‘อี้เป่ยซี ครั้งนี้เธอตายแน่’
ลู่เซิงเดินเลี้ยวไม่กี่รอบก็มาถึงชั้นบนสุดของอาคารเรียน เห็นเงาดำก็รีบเดินไปหาพร้อมโอบเอวของเขาไว้ “เขารับปากแล้ว” น้ำเสียงอ่อนหวาน ไม่มีบุคลิกเหมือนเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย
ลู่เยี่ยจิ่งหัวเราะ “ประหยัดแรงพวกเราไปเยอะจริงๆ”
“จิ่ง ฉันไม่เข้าใจ ทำไมต้องลงทุนลงแรงกับอี้เป่ยซีขนาดนี้ ฉันแค่บอกพ่อ เขาก็จะไม่โผล่หน้ามาให้คุณเห็นอีกแล้ว”
“ไม่ แบบนั้นมันดูถูกเธอเกินไปแล้ว อีกอย่าง เป็นศัตรูกับบ้านอี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่มีลั่วจื่อหานเพิ่มเข้ามา…”
ใบหน้าของลู่เซิงถูไถอยู่บนหลังของเขา “ฉันยังนึกว่าคุณอาลัยอาวรณ์อดีตพี่สะใภ้คนนี้ซะอีก” เธอตั้งใจเน้นคำว่าพี่สะใภ้ คอยสังเกตปฏิกิริยาเขาด้วยความอึดอัดเล็กน้อย
“คุณก็น่าจะรู้ว่าผมไม่ชอบให้คนอื่นมาซักไซ้ผมที่สุด” ลู่เยี่ยจิ่งคลายมือของเธอออก หันหลังประกบริมฝีปากของเธอ กระหน่ำจูบเธอโดยไร้ความอบอุ่นใดๆ กลืนกินลมหายใจของเธอทีละน้อยๆ เขาโอบรัดเอวที่บอบบางของเธอ พลิกตัวแล้วกดเธอเข้ากับราวบันได ผ่านไปเนิ่นนาน จนกระทั่งเธอหายใจหอบจึงปล่อยมือ
ลู่เซิงหน้าแดง “จิ่ง พ่อฉันคิดว่า เดือนหน้าพวกเรากลับประเทศไปหมั้นกันก่อน คุณ…”
“ไม่ล่ะ ถ้าเรื่องของพี่ชายยังไม่จบ ผมไม่มีอารมณ์”
“แต่ว่าจิ่ง…”
ลู่เยี่ยจิ่งเอานิ้วชี้จุ๊ปากของเธอ ยิ้มมีเสน่ห์ “เซิง ผมรับปากคุณ หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว ผมจะจัดพิธีหมั้นให้คุณอย่างสมเกียรติแน่นอน”
ลู่เซิงก้มหน้า ผงกหัว
“เอาล่ะ พวกเรากลับกันก่อน” ลู่เยี่ยจิ่งกลับหลังหัน หันหลังให้เธอ ลู่เซิงรีบตามหลังเขาไป
————