“สกาเล็ต โปรดช่วยข้าด้วย….” เมื่อรู้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะอ้อนวอนต่อเซียวอวี๋ ตอเรสก็คร่ำครวญขอร้องกับสกาเล็ต
สกาเล็ตมองอย่างเย็นชา นางไม่ใช่ผู้หญิงใจอ่อน นางทราบดีว่า หากไม่ใช่เพราะเซียวอวี๋อยู่ที่นี่ด้วย ตัวนางคงเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ นางจ้องมองตอเรสก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ตอนนี้เจ้าเป็นเชลยของเขา ไม่ใช่ของข้า ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจคือเขา อีกอย่าง ตอนนี้ข้าเป็นทาสของเขาแล้ว แล้วข้าจะขอร้องแทนเจ้าได้อย่างไร?” ตอนนี้สกาเล็ตรู้สึกดีที่เห็นตอเรสตกอยู่ในสภาพนี้ ในใจเกิดเป็นความสุขที่อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ เป็นความสุขอย่างแท้จริง “อั่ก….สกาเล็ต ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ดีเอง…ข้าจะทำทุกสิ่งตามที่เจ้าต้องการ ได้โปรด…บอกให้เขาปล่อยข้าเถอะ ข้าจะช่วยน้องสาวและแม่ของเจ้า…” ตอเรสกล่าวอ้อนวอนด้วยน้ำตา “พวกเจ้ากำลังวางแผนทำอะไร? บอกมาให้หมด” เซียวอวี๋กระชากหัวของตอเรสขึ้นก่อนจะตบไปที่ใบหน้า “ได้…ได้…ข้าจะบอกทุกเรื่อง!” ตอเรสไม่กล้าขัดขืนแม้จะเสี้ยว มันทราบว่าหากทำให้เซียวอวี๋โกรธขึ้นมา มันจะต้องเผชิญชะตากรรมยิ่งกว่าตายไม่รู้จบ เซียวอวี๋นำเก้าอี้ออกมาจากแหวนมิติก่อนจะนั่งลง จากนั้นจึงเริ่มทรมาณตอเรสอีกครั้ง หลังจากผ่านการทรมาณกว่าชั่วโมง เซียวอวี๋ก็เค้นข้อมูลสำคัญจากปากตอเรสได้ทั้งหมด นั่นยังรวมถึงตำแหน่งที่อยู่ของมารดาและน้องสาวของสกาเล็ต ซึ่งตอนนี้ ทั้งคู่ถูกจับอยู่ที่เมืองเม็ก ได้ยินคำสารภาพของตอเรส เซียวอวี๋ก็เลิกคิ้ว ขณะที่สกาเล็ตพลันรู้สึกสิ้นหวัง เมื่อเป็นเช่นนี้ มิรันด้าคงจัดเตรียมกองทัพไว้ที่เมืองเม็กแล้ว อันที่จริง แผนการทั้งหมดที่เตรียมไว้นั้นไม่ได้มีไว้เพื่อจัดการกับสกาเล็ต แต่สกาเล็ตยังรู้ว่ามิรันด้าเองยังต้องแก่งยิงชิงตำแหน่งรัชทยาทกับองค์ชายองค์อื่นๆ ที่เขาลงมือจัดการกับหอการค้าฝูลู่ก็เพื่อเตรียมรับมือกับองค์ชายที่เหลือ “เกิดชาติหน้าก็อย่าได้เป็นสวะเช่นนี้อีก จงเป็นคนดี…ลาก่อน” หลังได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เซียวอวี๋ก็กล่าวเบาๆก่อนจะยกไวน์ขึ้นจิบ ขวานในมือพลันสับลง ศีรษะของตอเรสกระเด็นหลุดจากร่างจนทำให้ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ถึงกับสั่นเทา ในใจของพวกเขายิ่งปักใจเชื่อว่าเซียวอวี๋นั้นเป็นปีศาจ สกาเล็ตชื่มชนกับการตัดสินใจของเซียวอวี๋ แม้เขาจะดูคล้ายอันธพาลเจ้าอารมณ์ ทว่าการตัดสินใจทุกย่างก้าวของเขากลับเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เขาไม่ทิ้งตัวแปรที่อาจจะสร้างปัญหาในภายภาคหน้าเอาไว้และเพียงลงมือตัดไฟแต่ต้นลม บางที การเลทือกติดตามเขาอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของนาง อันที่จริง นอกจากการพึ่งพิงเซียวอวี๋แล้ว สกาเล็ตก็ไม่เหลือหนทางอื่น ผู้หญิงตัวคนเดียวในสถานการณ์เช่นนี้ นางทำได้เพียงพึ่งพาบุรุษ หลังจากตอเรสถูกกำจัดไปแล้ว สกาเล็ตก็ยืนอยู่ด้านหลังของเซียวอวี๋อย่างนอบน้อมก่อนจะเอ่ยปากถาม “นายน้อย พวกเราควรทำอย่างไรต่อ?” สกาเล็ตเป็นคนฉลาด นางไม่ได้เรียกเซียวอวี๋ว่าคุณชายอีกต่อไป น้ำเสียงที่ใช้ก็เปลี่ยนเป็นเคารพ แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ตัวนางเปลี่ยนฐานะของตัวเองเป็นบ่าวรับใช้ของเซียวอวี๋แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็เท่ากับผลักดันให้เซียวอวี๋ต้องช่วยมารดาและน้องสาวของนาง เป็นสตรีที่หัวไวนัก! เซียวอวี๋ชื่นชอบผู้หญิงฉลาด หากแต่ในตอนนี้มันออกจะมีปัญหาเล็กน้อย ตามคำกล่าวของตอเรสนั้น เมืองเม็กในตอนนี้ประจำการด้วยทหารหลายหมื่นนาย นั่นยังรวมถึงพวกผู้ใช้มนตราและนักรบทรงพลัง ขณะที่มารดาและน้องสาวของสกาเล็ตถูกขังไว้ที่คุกใต้ดิน มันจึงเป็นการยากที่จะช่วยทั้งคู่ออกมา เซียวอวี๋รู้สึกปวดหัว กองกำลังที่เรียกใช้ได้ตอนนี้ก็มีเพียงสองคน หากมีคนอื่นๆอยู่ที่นี่ด้วย เช่นนั้นมันก็ไม่ยากที่จะเปิดฉากโจมตีใส่เมืองโดยตรง หากแต่ในเวลานี้ การพิชิตเมืองเม็กกลับยากเย็นดุจปีนป่ายขึ้นสวรรค์ ในอดีต บิดาของเขาเคยพิชิตเมืองเม็กมาครั้งหนึ่งแล้ว เขาย่อมไม่กลัวว่าจะยึดมันอีกครั้งไม่ได้ เมื่อสกาเล็ตเอ่ยถามเช่นนี้ เซียวอวี๋ก็จำต้องตอบนาง “อะแฮ่ม….ตอนนี้ข้ายังไม่มีแผนเจาะจงอะไร แต่ข้ารับรองได้ว่าข้าจะช่วยแม่และน้องสาวของเจ้า รวมทั้งบ่าวไพร่ที่จงรักภักดีต่อเจ้าออกมา กองทหารของข้านั้นตั้งทัพอยู่ทางตะวันตกของเมืองเม็ก ข้าต้องติดต่อพวกเขาก่อน จากนั้นพวกเราจะโจมตีเมืองเม็ก…ข้าจะบอกความลับของข้าต่อเจ้า เจ้าคงสงสัยสินะว่าข้านั้นเป็นใคร ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้า ข้าคือเซียวอวี๋ ลอร์ดแห่งดินแดนไลอ้อน บิดาของข้าคือ เซียวซานเทียน ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยยึดเมืองเม็กมาแล้ว” ตอนนี้ สกาเล็ตได้แต่ต้องพึ่งพาเขา ดังนั้นเซียวอวี๋จึงไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตน ทั้งยังหยิบยกชื่อเสียงของบิดามาใช้หากิน เซียวอวี๋รู้ว่าผู้คนของจักรวรรดิแลนซ์นั้นเกรงกลัวเซียวซานเทียนมาก เป็นไปดังคาด เมื่อได้ยินนามของเซียวซานเทียน ไม่เพียงแต่สกาเล็ตเท่านั้น กระทั่งเหล่าคนที่ยืนฟังโดยรอบก็ยังกลืนน้ำอึกหนึ่ง “เซียว…เซียวซานเทียน….ท่านเป็นทายาทของเซียวซานเทียน….” สกาเล็ตกล่าวเสียงสั่นเครือ นางร้อยคิดพันคำนวณก็คาดไม่ถึงว่าตัวนางจะมีที่พึ่งพิงเป็นทายาทของเซียวซานเทียนผู้โด่งดัง นามของเซียวซานเทียนนั้นประดุจฟ้าร้องดังกรอกหูผู้คนในจักรวรรดิแลนซ์ ครั้งเมื่อจักรวรรดิแลนซ์เคยยกทัพรุกรานเข้าสู่อาณาจักรพยัคฆ์เมฆา พวกเขาเคยเกือบจะยาตราทัพเข้าสู่นครหลวงของอาณาจักรพยัคฆ์เมฆาได้แล้ว ทว่าช่วงวิกฤตินั้นเอง พวกเขาก็ถูกกองทัพของเซียวซานเทียนไล่ตีจนแตกพ่าย เซียวซานเทียนยังได้บังคับให้จักรพรรดิของจักรวรรดิแลนซ์ต้องยกร่างสัญญาสงบศึก เมื่อเวลาผ่านไป นามของเซียวซานเทียนก็กลายเป็นนามอันยิ่งใหญ่ประทับในหัวใจของผู้คนจากจักรวรรดิแลนซ์ ตอนนี้ ทุกคนต่างรู้สึกเชื่อมั่นเต็มหัวใจ ในสายตาของพวกเขาแล้ว เซียวซานเทียนนั้นคือเทพผู้ไร้พ่าย และทายาทของเทพสงครามผู้นั้นแน่นอนว่าต้องเป็นเทพสงครามไร้พ่ายอย่างแน่นอน! “ใช่แล้ว ข้าคือบุตรชายคนเล็กของเซียวซานเทียน พี่น้องของข้าตกตายในสงคราม ตอนนี้จึงเหลือเพียงข้าที่เป็นผู้สืบทอด ตัวข้านั้นอาศัยอยู่ที่ดินแดนไลอ้อน แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าดินแดนไลอ้อนนั้นใหญ่เพียงใด? เหอเหอ บอกต่อเจ้า ทั้งเทือกเขาอัลคาเกนนั้นเป็นของข้า!” พวกคนใกล้ชิดของเขานั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอายที่จะใส่สีตีไข่เสียใหญ่โต “ดินแดนไลอ้อน…ใช่ดินแดนที่มีพวกโจรชุกชุมหรือไม่?” สกาเล็ตถามอย่างประหลาดใจ ด้วยความยิ่งใหญ่ของหอการค้าฝูลู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีเส้นทางสินค้าไปยังจักรวรรดิเมฆาตะวันออก และระหว่างที่ผ่านดินแดนไลอ้อน พวกเขาก็จะประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ถูกกองโจรเข้าปล้นชิงสินค้าจนบางทีก็ไม่หลงเหลือสิ่งใด แต่เพราะเพื่อผลประโยชน์ก้อนโต พวกเขาก็ต้องกัดฟันเดินทางผ่านเส้นทางนั้นต่อ อย่างไรก็ตาม สกาเล็ตนั้นรู้ว่า ในปีที่ผ่านมา กองโจรที่เคยชุกชุมนั้นแทบถูกกวาดล้างไปทั้งหมด ตอนนี้ดินไลอ้อนกลายเป็นดินแดนที่มีกฏระเบียบเรียบร้อยแล้ว แม้ลอร์ดของดินแดนจะได้ชื่อว่าโลภมากและเรียกเก็บภาษีอัตราสูง แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้อันตรายเหมือนแต่ก่อน ด้วยเหตุนี้ จักรวรรดิเมฆาตะวันออกจึงกลายเป็นแหล่งลงทุนสำคัญของหอการค้าฝูลู่ สกาเล็ตนั้นคาดไม่ถึงว่านางจะได้พบกับลอร์ดของดินแดนไลอ้อนที่นี่ “แค่กๆ….ใช่แล้ว แต่โจรพวกนั้นถูกข้ากำจัดไม่มีเหลือ อีกทั้งข้ายังได้สร้างไมตรีกับจักรวรรดิเมฆาตะวันออก ตอนนี้จักรพรรดิองค์ใหม่ของพวกเขาโถวปาหงนั้นเป็นสหายสนิทของข้า ข้ามีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับพวกเขาทางการค้า แต่ข้านั้นขาดแคลนบุคคลากรทางด้านนี้ เมื่อเจ้าร่วมมือกับข้า ข้าสัญญาว่าหอการค้าฝูลู่ของเจ้าจะต้องยิ่งใหญ่กว่าตอนนี้หลายเท่า” เซียวอวี๋กระอักกระอ่วน แต่เรื่องแบบนี้เขาชำนาญอยู่แล้ว ดังนั้นจึงโม้ต่อได้อย่างไม่ติดขัด สกาเล็ตนั้นเคารพเซียวซานเทียน แน่นอนว่านางย่อมต้องชื่นชมทายาทของเขา ดังนั้นนางจึงให้เคารพต่อเซียวอวี๋มากขึ้น เมื่อนางสามารถผูกติดกับบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ได้เช่นนี้ อนาคตของนางย่อมกว้างไกลไม่มีสิ้นสุด…….