ตอนที่ 933

Alchemy Emperor of the Divine Dao

จอมยุทธระดับทลายมิติ แน่นอนว่าไม่อยู่ในสายตาของจอมยุทธระดับดารา แต่พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นมีมากกว่ายี่สิบดาวเลยทำให้พวกเขารู้สึกสนใจ

การทะลวงผ่านขีดจำกัดของทุกระดับพลังไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แต่การที่ทำแบบนั้นได้หมายความว่าอนาคตของเขาจะต้องไร้ขีดจำกัด

เย่เชิงหยุนก็มาที่นี่ด้วย เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของหลิงฮันมาก่อน และเมื่อพบว่าหลิงฮันกำลังจะเคลื่อนไหว เส้นผมของเขาตั้งชันขึ้นทันทีและกระโดดลุกออกมาจากเก้าอี้ราวกับมีไฟกำลังรนก้นของเขาอยู่

—— ในฐานะที่เขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายตะวันออก ความแข็งแกร่งของเขาจึงเป็นที่รู้จัก จึงไม่มีใครกล้าท้าทายเขาหากผู้ใดต้องการท้าทายคนที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบเอ็ดดาว อย่างน้อยจะต้องมีจอมยุทธระดับทลายมิติสิบคนที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวถึงจะทำเช่นนั้นได้

ที่นี่อาจมีจอมยุทธที่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวน้อยกว่าห้าคน แล้วใครจะโง่ที่จะท้าทายเขา?

แต่เย่เชิงหยุนกับแสดงท่าทางแบบนั้น แล้วคนอื่นจะไม่รู้สึกแปลกใจได้อย่างไร?

ในไม่ช้า หลิงฮันก็เคลื่อนไหวและปล่อยฝ่ามือออกไปข้างหน้า

ปัง!

แสงสีทองส่องสว่างไปทั่วทุกที่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกตกตะลึงมาก

บางคนล้มลงกับพื้น บางคนนั่งตกเก้าอี้ ยกเว้นเย่เชิงหยุน แม้บางคนจะยังมีสติอยู่ แต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

มุมปากของเย่เชิงหยุนกระตุก เขารู้ว่าหลิงฮันแข็งแกร่งมาก แต่หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่อาจหยุดความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นในร่างกายได้

หลิงฮันยังเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่อีกรึ?

แบบนี้มันผิดปกติเกินไปแล้ว

ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขารู้แค่ว่าหลิงฮันขึ้นมาบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีการเปิดสวรรค์ ดังนั้นเขาจะต้องมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว และเพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับเกียรติยศ แต่ใครจะคิดว่า หลิงฮันแข็งแกร่งขนาดนี้

ในตอนที่เขายังเยาว์วัย…เขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับหลิงฮันหรือไม่?

ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายส่ายหัว ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกจักรพรรดิจากโลกใบเล็กมากเกินไป

บางที หลิงฮันอาจเป็นจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เป็นได้!

ความคิดที่เกิดขึ้นภายในใจของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที พลังต่อสู้ในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตเสียหน่อยและเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า

อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่ไม่ขาดแคลนบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์คืออัจฉริยะ

หลังจากนั้น หลิงฮันก็เดินไปยกเก้าอี้และนั่งลง ในตอนนี้ไม่มีใครนั่งอยู่บนเก้าทั้งสิบตัวนอกเหนือจากเขา

ปากของราชินีที่เก้าอ้าเล็กน้อยและจ้องมองหลิงฮันด้วยดวงตาที่กลมโต

นางยังเยาว์วัย จึงไม่แปลกที่จะตกใจกับการโจมตีของหลิงฮัน

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมไปเลย!” นางปรบมือไม่หยุดเหมือนสาวน้อยที่ไร้เดียงสา

ถึงกระนั้นการกระทำของนางก็ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย และทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

เย่เชิงหยุนกดฟันและยกเก้าอี้ขึ้นมา แต่เขาไม่กล้านั่งข้างหลิงฮัน และไปนั่งอยู่ด้านหลังแทน

คนที่ยังมีสติอยู่ก็ค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นและตะเกียกตะกายขึ้นไปนั่งบนเก้า พวกเขาเป็นเหมือนกับเย่เชิงหยุนที่ไม่กล้านั่งใกล้กับหลิงฮัน

ความแข็งแกร่งของหลิงฮันเหนือกว่าพวกเขามาก

ในเมื่อเก้าอี้ทั้งสิบตัวมีเจ้าของกันหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันอีกต่อไป

เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและคนอื่นรู้สึกตกใจเล็กน้อย หรือว่าการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของหลิงฮัน เขาจะคำนวณเอาไว้หมดแล้ว? หากเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องประเมินความแข็งแกร่งของหลิงฮันสูงขึ้นไปอีก

หลิงฮันไม่ได้ตั้งใจ เขาเพียงแค่ควบคุมฝ่ามือเพื่อให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดเหลือรอด แต่ไม่คิดว่าจะเหลือคนครบสิบคนพอดี

ดังนั้น หม่าชิง หยางซื่อและคนอื่นๆจึงสามารถเข้าร่วมได้

ผู้อาวุโสฝ่ายขวาและแม่ทัพทั้งเจ็ดคนยังคงหันไปจ้องมองหลิงฮัน จอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ควรค่าแก่การจดจำชื่อ

แต่นั่นคือทั้งหมด

ราชินีที่เก้ารู้สึกตื่นเต้นมากและพูดกับหลิงฮันว่า “เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้ามีชื่อว่าหลิงฮัน” หลิงฮันลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยความเคารพ

ราชินีที่เก้าปรบมืออีกครั้ง “ครั้งนี้พวกเราจะต้องเป็นฝ่ายชนะไม่ผิดแน่ ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าทำงานเพื่อพี่สาวของข้า แต่ก็จะไม่มีใครเรียกข้าว่าคนโง่อีกต่อไป!”

“เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนแยกย้ายกลับไปได้แล้ว!” ในเมื่อตัวแทนสิบคนได้ถูกกำหนดแล้ว นางจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปและสั่งให้ทุกคนแยกย้ายได้

ผู้คนไม่กล้าขัดคำสั่งของนางและเริ่มแยกย้ายจากไป คำสั่งของราชินีที่เก้าเป็นเหมือนคำสั่งของจักรพรรดินี จึงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง

อัจฉริยะจากเจ็ดในสิบคนมาจากสำนักนภาสีชาด พวกเขาหกคนต่างยืนหลบอยู่ด้านหลังหลิงฮันด้วยแววตาที่หวั่นเกรง

ทั้งที่ในหมู่พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบเก้าดาวถึงยี่สิบดาว แต่พวกเขาก็ตระหนักดีว่ากว่าจะบรรลุถึงระดับนี้ยากลำบากแค่ไหน ซึ่งทำให้พวกเขามองหลิงฮันด้วยความหวั่นเกรงและเคารพบูชา

– ฝ่ามือก่อนหน้านี้ของหลิงฮันทำให้พวกเขาทึ่งมาก

ตลอดทางกลับสำนัก พวกเขาเดินตามติดหลิงฮันอย่างใกล้ชิดราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันของหลิงฮัน ทำให้หลายคนที่เห็นรู้สึกแปลกใจ

……

“โอ้ว?” จ้าวหลุนยิ้ม เขายังคงฝึกฝนอยู่ใต้น้ำตก เพราะเขากำลังฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังลับ เขาไม่อาจขยับไปไหนได้และต้องคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของน้ำตาเพื่อให้เกิดการรู้แจ้งบางอย่าง

“คนจากโลกใบเล็กมีพลังต่อสู้มากกว่ายี่สิบดาวอย่างนั้นรึ?” จ้าวหลุนดูประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากที่จั่วเซียวบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

“ขอรับ นายน้อย!” จั่วเซียวกล่าวด้วยความเคารพและสายตาที่ชื่นชม ความแข็งแกร่งของเจ้ามดปลวกที่มาจากโลกใบเล็กดูเหมือนจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขาเล็กน้อย และตอนนี้ยังได้เป็นตัวแทนของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะอีก

“ในเมื่อเขามีคุณสมบัติที่ได้เป็นตัวแทน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฆ่าเขา มิฉะนั้นจักรพรรดินีคงจะโกรธ” จ้าวหลุนยิ้มอย่างเย็นชา

แม้เขาจะเป็นอัจฉริยะ แต่การดำรงอยู่ของจักรพรรดินีก็ยังคงทำให้หัวใจของเขาต้องหวั่นไหว

ในหัวใจของทุกคนในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ จักรพรรดินีคือการดำรงอยู่ที่อยู่เหนือทุกคนและไม่มีใครล่วงเกินได้

“นายน้อย แล้วท่านจะทำอย่างไร?” จั่วเซียวถาม เขารู้อยู่แล้วว่านายน้อยของเขาไม่มีทางปล่อยหลิงฮันไปเด็ดขาด

จ้าวหลุนหัวเราะและพูดว่า “ปล่อยมันไปก่อน รอจนกว่าการต่อสู้ของทั้งสามจักรวรรดิจะเริ่มต้นขึ้นและค่อยลงมือฆ่าเจ้าเด็กนั่นก็ยังไม่สาย”

ใบหน้าของจั่วเซียวปรากฏรอยยิ้มและพูดว่า  “ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงแม้เจ้าเด็กนั่นจะมีชีวิตอยู่ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย แต่เขาก็จะถูกทุกคนจากฝ่ายตะวันตกเกลียดชัง”