ชายมีรอยสักบอกเฉินเกอทุกอย่างที่เขารู้ แต่ไม่ว่าเขาจะเชื่อถือได้หรือไม่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการกลั่นกรองของเฉินเกอเอง เฉินเกอหรี่ตาขณะกวาดมองกะโหลกศีรษะผู้หญิงทั้งห้าที่บนแขนของเขา ด้วยดวงตาหยินหยาง เขาพบว่าศีรษะเหล่านี้กำลังกรีดร้องโหยหวน และพวกมันก็น่าจะเป็นตัวแทนของดวงวิญญาณห้าดวง
“ผมไม่ใช่คนที่ฆ่าพวกเธอ ผมแค่เป็นหลอดเลือดหล่อเลี้ยงพวกเธอเท่านั้น” ชายมีรอยสักรีบโบกมือ “เพราะร่างกายที่พิเศษของผม ผมสามารถมองเห็นผีได้ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ว่าพลังนั่นอ่อนลงเมื่อผมโตขึ้นมา แต่ว่า มันก็ยังคงอยู่ที่นั่น บางทีอาจจะเพราะอย่างนั้น เงาจึงมาหาผมและใช้ร่างของผมเก็บดวงวิญญาณที่พิเศษออกไปเหล่านี้เอาไว้”
ผู้ชายคนนั้นชี้ไปที่แขนตัวเอง “ผู้หญิงทั้งห้าคนนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นแม่ของผีทารก– พวกเธอถูกเงานั่นเลือกด้วยตัวมันเอง พวกเธอเป็นคนเป็นที่มีร่างกายที่ต่างไปจากคนอื่น แต่อาจจะเพราะว่ามีความรู้สึกด้านลบมากเกินไปในตัวผีทารก มันตายในครรภ์ไปห้าครั้ง ความแค้นของมันเพิ่มพูนมากขึ้นจนผมสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวผมเอง ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือเงานั่น พวกเขาก็ดูเหมือนจะหวาดกลัวผีทารก”
“กระทั่งเงายังหวาดกลัวผีทารก?” เฉินเกอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนหวาดกลัวผลงานที่ตัวเองสร้างขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น “ผมยินดีร่วมมือกับคุณ แต่ในเงื่อนไขว่าคุณจะเชื่อฟังคำสั่งของผม”
“เป็นทางเลือกที่ฉลาดมาก อันที่จริง ผมยังรู้ความลับอื่นของเงานั่น หลังจากพวกเราหนีไปจากที่นี่ได้ ผมจะบอกคุณ” ชายมีรอยสักกลัวว่าเฉินเกอจะฆ่าเขาหลังจากหมดประโยชน์ ดังนั้นจึงรีบอธิบายว่าตัวเองยังมีประโยชน์ที่ยังไม่ได้บอกออกไป
“ได้” เฉินเกอยิ้มจาง เขาไม่ได้สนใจมากนัก อย่างไรเสีย เป้าหมายของเขากับชายมีรอยสักก็ต่างกัน ชายมีรอยสักต้องการหนีออกไป และคนที่นี่ส่วนใหญ่ก็น่าจะมีเป้าหมายเช่นเดียวกันในใจ แต่เป้าหมายของเฉินเกอคือการหาโอกาสสังหารเงานั่น แน่นอนว่ามันจะดีกว่าถ้าเขาสามารถจับตัวเงานั่นได้ทั้งเป็น
ทุกคนเข้าใจอันตรายของประตูที่หลุดออกจากการควบคุม กระทั่งคุณหมอเกายังอยู่ให้ห่างจากที่นี่ แต่สำหรับเฉินเกอ เมื่อเขาเตรียมการเสร็จแล้ว กระทั่งประตูที่ควบคุมไม่ได้ก็จะเปลี่ยนไปเป็นสมบัติขุมใหญ่
เมื่อกลับลงมาที่ชั้นล่าง ชายมีรอยสักก็ผลักกล่องไปที่มุมหนึ่ง นกหวีดกระดูกที่เขาถือเอาไว้ก่อนหน้านี้หายไปแล้ว– เขาน่าจะเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋า พอเห็นว่าเขามีท่าทีเชื่อฟัง เดินตามหลังเฉินเกอมา ผู้หญิงที่ห่อเสื้อผ้ามิดชิดก็ดูสับสน เธอเคยเจอชายมีรอยสักมาก่อนและเข้าใจว่าเขามีพลังเพียงใด “พวกคุณสองคน…”
เธอโน้มตัวมาข้างหน้าจงใจปัดผ่านชายมีรอยสักตอนที่เขาเดินผ่านเธอ เธอดูเหมือนจะมีบางอย่างจะพูดแต่ว่าชายมีรอยสักไม่สนใจเธอและเดินผ่านไป เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของเขาตอนนี้ เขาย่อมไม่คิดจะทำอะไรที่จะก่อความสงสัยของเฉินเกอขึ้นมา
“มือกรรไกร ไปดูที่ทางเข้า ดูซิว่ามีใครอยู่บนถนนอีกไหมแล้วก็ปิดประตูซะ” มือกรรไกรฝืนเดินไป– เขาเชื่อในตัวเฉินเกอ มีเงาวูบไหวอยู่ในหมอก และยังมีคนโบกมือมาให้พวกเขา แต่ว่าเงาเหล่านั้นรักษาระยะห่างเอาไว้ไม่กล้าเข้ามาใกล้เกินไป
“มีเงาอยู่บนถนน– ฉันไม่เห็นคนเป็น ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ปิดประตู ถ้าพวกเขาจะไม่เข้ามาที่นี่แล้ว” ความวุ่นวายใหญ่โตที่ในโรงแรม คนในเมืองหลี่ว่านนี้ย่อมต้องสังเกตเห็น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่พวกเขาจะมาตรวจดูสถานการณ์
หลังจากปิดประตู เฉินเกอก็กวาดตามองทุกคนในห้อง “เพราะเหตุผลต่าง ๆ ที่ต่างกันไป แต่พวกเราทุกคนก็มารวมตัวกันที่นี่คืนนี้ ผมคิดว่าคุณจะบอกว่าเป็นโชคชะตาก็ได้ ผมจะไม่ทำร้ายใครและไม่ทำอะไรให้พวกคุณเสียหาย ผมแค่อยากจะให้พวกเราอยู่ด้วยกันแล้วปรึกษาปัญหาบางอย่าง อย่างเช่นจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
เมื่อเฉินเกอพูดจบ ชายมีรอยสักก็เริ่มกระวนกระวาย เขาพยายามสบตากับเฉินเกอ “ยิ่งพวกเราพาคนไปด้วยมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะสำเร็จได้ยากขึ้น เงานั่นสามารถปลอมเป็นคนไหนในพวกเราก็ได้ และถ้าเขารู้แผนการของพวกเรา พวกเราก็ล้มเหลวแน่ ๆ หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์!”
“ใช่ เงานั่นสามารถปลอมเป็นใครก็ได้ในพวกเรา และยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะบอกทุกคน ผมหวังว่าจะไม่มีใครในนี้คิดจะทำอะไรโดยไร้เหตุผล– ผมจะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ทำร้ายเงานั่น” เฉินเกอลุกขึ้นและเดินไปยังโต๊ะทานอาหาร ถือกระเป๋าสะพายหลังไปด้วย
“นี่มันก็เป็นตัวตนของคุณนั่นแหละ…” ชายขี้เมาพึมพำเบา ๆ ตั้งแต่เขาเชื่อฟังเฉินเกอและเลือกยาถอนพิษที่ถูกต้อง ชายขี้เมาก็เริ่มจงรักภักดีต่อเฉินเกออย่างไม่สามารถสั่นคลอนได้ ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะน่ากลัวมาก เขาก็นับว่าเชื่อถือได้ในหมู่เพื่อนฝูง
“ผู้ชายคนนี้อยู่ในหลี่ว่านมานานมาก– เขารู้ว่าประตูอยู่ที่ไหนและจะนำพวกเราออกไปจากที่นี่ พวกเราทุกคนจะตามเขาไป และผมจะพยายามดูแลความปลอดภัยของพวกคุณให้ดีที่สุดและพาพวกคุณทุกคนออกไปจากที่นี่” เฉินเกอนั้นพูดอย่างจริงใจ ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ต้องการช่วยเหลือคนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างไรเสีย สำหรับภารกิจจากโทรศัพท์เครื่องดำแล้ว ยิ่งจำนวนผู้บริสุทธิ์ถูกช่วยเอาไว้ได้มากเท่าไหร่ รางวัลที่เขาจะได้รับก็เพิ่มมากเท่านั้น
“ผมขอโทษทีนะครับ แต่ว่าผมไม่ได้คิดจะออกไปจากที่นี่ชั่วคราว ผมรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร” นักเรียนมัธยมปลายสวมแว่นพูดขึ้นอย่างอาย ๆ
เฉินเกอมองไปยังเด็กนักเรียนและสังเกตเห็นว่าแม้ว่าฝ่ายหลังจะสวมแว่นอยู่แต่เขาก็หรี่ตาเหมือนสายตาของเขาแย่ลงหลังจากสวมแว่น “ถ้าฉันคิดไม่ผิด แว่นอันนั้นน่าจะเป็นของน้องชายของเธอ เป้ยเหวิน และชื่อของเธอก็คือเป้ยเยี่ย ใช่ไหม?”
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่– คุณน่าจะจำคนผิดแล้ว” เด็กนักเรียนพยายามรักษาความใจเย็นเอาไว้ แต่ว่าเขาก็ยังเด็กเกินไป เฉินเกอสามารถเจอจุดบกพร่องในการแสดงของเขาได้อย่างง่ายดาย
“บนรถเมล์มาที่นี่ ฉันเจอเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเธอ และเขาก็บอกฉันทุกอย่าง” เฉินเกอคว้าแขนเด็กนักเรียนมัธยมเอาไว้แน่น “เธอบังเอิญฆ่าพ่อของเธอ แต่เพื่อหนีจากการตัดสินของกฎหมาย เธอก็เลยฆ่าน้องชายของเธอที่ดูเหมือนเธอเปี๊ยบอย่างเลือดเย็นและทำให้ดูเหมือนว่าเธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ว่า อันที่จริงแล้ว เธอยังมีชีวิตอยู่และใช้ชีวิตและตัวตนของน้องชายของเธอแทน”
แต่ละคำของเฉินเกอนั้นทำให้ใบหน้าของเด็กนักเรียนชายซีดขาวลงไประดับหนึ่ง
“เดิมที มีแค่ฉันที่รู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้ ทุกคนที่นี่รู้ความลับของเธอแล้ว ฉันสงสัยนัก ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะฆ่าพวกเราทั้งหมดเพื่อรักษาความลับใหญ่หลวงของเธอเอาไว้ไม่ให้เปิดเผยสู่โลกภายนอกหรือเปล่า?”
ก่อนที่เฉินเกอจะทันพูดจบ ชายมีรอยสักที่ข้าง ๆ เขาก็พูดขึ้น “ถ้าเขาไม่ยอมไป อย่างนั้นเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในอุปสรรคของพวกเรา ตอนนี้พวกเรารู้ความลับของเขาแล้ว เขาย่อมหาทางแก้แค้นพวกเรา เขาจะรายงานการเคลื่อนไหวของพวกเราให้เงา ผมแนะนำให้พวกเราจัดการกับเขาก่อนที่เขาจะมีโอกาสหักหลังพวกเรา”
เขาแตะที่รอยสักบนแขนตัวเอง แล้วหันไปหามีดที่ถูกทิ้งเอาไว้บนรถเข็นอาหาร “กำจัดอันตรายทั้งหมดก่อนที่มันจะมีโอกาสขยายใหญ่ พวกเรามีแค่โอกาสเดียวตอนนี้– พวกเราต้องไม่ประมาทถ้าอยากจะหนีออกไปให้ได้”
“ทุกคนที่นี่มีความลับของตัวเอง ฉันเข้าใจที่เธออยากจะอยู่ แต่ในเมื่อเธอได้ยินความลับของพวกเรา ทางเลือกก็หลุดออกไปจากมือเธอแล้ว” โทรศัพท์เครื่องดำให้เฉินเกอช่วยชีวิตเหยื่อผู้บริสุทธิ์เพิ่มเพิ่มรางวัลตอบแทนของเขา แต่ว่าเป้ยเยี่ยนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่เหยื่อ ดังนั้นเฉินเกอจึงไม่คิดจะปล่อยเด็กนักเรียนคนนี้ไปง่าย ๆ
เมื่อถูกลูกค้าส่วนใหญ่ภายในโรงแรมจ้องมอง เป้ยเยี่ยในที่สุดก็ยอมคล้อยตาม “เอาละ ผมจะไปกับพวกคุณทุกคน”