เซียวจิ่งสือกำลังว่างไม่มีอะไรจะทำ จึงหยิบมือถือมาเปิดดูข่าว แล้วก็เห็นรูปถ่ายของพาดหัวข่าวหน้าแรกดูคุ้นตามากเหลือเกิน พอมองดูอย่างละเอียดก็สะดุ้งตกใจ นั่นมันตัวเขาที่กำลังประคองอันซิงเข้าโรงแรมเมื่อหลายวันก่อนไม่ใช่หรือไง
เซียวจิ่งสือกุมขมับอย่างปวดหัวหนึบ นึกในใจว่า “เจ้าพวกปาปารัสซี่นี่มันจะเกินไปแล้วนะ เรื่องแค่นี้ยังไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดไปได้อีก”
ขณะกำลังปวดหัวอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เซียวจิ่งสือรับสายอย่างหงุดหงิด
“คุณชายเซียว ทำไมถึงมีข่าวหลุดออกมาว่านายกับผู้หญิงบ้านตระกูลอันนั่นคั่วกันเข้าแล้วล่ะ?” เสียงเพื่อนจิกกัดดังมาจากปลายสาย
“ข่าวจริงมีแค่ไหนกัน งานอดิเรกของฉันนายไม่รู้หรือไง? นี่มันตัดตอนนั่งเทียนเขียนข่าว อย่าไปฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระหน่อยเลย” เซียวจิ่งสืออธิบาย
“ฉันก็ว่างั้นล่ะ ถึงว่าทำไมอยู่ดีๆ คุณชายเซียว จะเปลี่ยนรสชาติซะอย่างงั้น งั้นตอนนี้นายคงกำลังปวดหัวอยู่ละสิ ตากล้องพวกนั้นก็อยู่ทุกซอกทุกมุมจริงๆ เอาล่ะ นายไปจัดการเรื่องของนายก่อนเถอะ” เพื่อนรู้ว่าข่าวนี้จะทำให้เกิดเรื่องมากมายตามมา และความยุ่งยากได้ถามหาเซียวจิ่งสืออีกแล้ว
เซียวจิ่งสือมาถึงล็อบบี้ของบริษัท แล้วพบว่าขณะที่พนักงานทักทายเขานั้น สายตาเหมือนจะแฝงความหมายบางอย่างไว้ เซียวจิ่งสือเข้าใจดี คงเป็นเพราะข่าวนั่นล่ะมั้ง พวกพนักงานหรือต่อให้เป็นเพื่อนสนิทใกล้ชิดสุดๆ พอได้เห็นข่าวก็ต้องสงสัยกันบ้าง เพียงแต่เซียวจิ่งสือมีแค่ปากเดียว จะไปอธิบายความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ทั้งโลกรับรู้ได้อย่างไรกัน และในตอนนี้เซียวจิ่งสืออยากจะอธิบายกับคนคนหนึ่งเป็นที่สุด แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ชัดเจนได้หรือไม่
เซียวจิ่งสือห้ามใจไม่ได้ที่จะนึกอยากไปหาหลินหว่าน ในใจเขามีแต่หลินหว่าน ต้องบอกเล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวให้เธอฟังต่อหน้าไปเลย
เซียวจิ่งสือโทรหาหลินหว่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีใครรับสาย เซียวจิ่งสือรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา หลินหว่านคงได้เห็นข่าวแล้วโกรธมาก จึงไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา งั้นก็ต้องไปหาแล้ว พอคิดถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็ขับรถไปยังสถานที่ที่หลินหว่านมักจะไปตอนอารมณ์ไม่ดี…
หลินหว่านเห็นข่าวเซียวจิ่งสือเข้าโรงแรมกับอันซิง ก็หน้าตึงด้วยความโกรธ ดวงตาพร่ามัวโดยไม่รู้ตัว นิ้วเรียวกำหมัดแน่น
ใช่แล้ว ผู้ชายที่เมื่อหลายวันก่อนยังออดอ้อนป้อนคำหวานกับเธออยู่ ตอนนี้ไม่ทันไรก็ไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นเสียแล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็คืออันซิงที่ใช้วิชามารให้ร้ายเธอมาหลายครั้ง
หลินหว่านไม่อยากร้องไห้ เธอแหงนหน้าขึ้นหักห้ามน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้อารมณ์ของเธอเลวร้ายไปกว่านี้ แต่ว่า พอนึกถึงหญิงร้ายชายเลวคู่นี้แล้ว น้ำตาก็ออกมาคลอเบ้าอย่างห้ามไม่อยู่
หลินหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยังดีที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียวจิ่งสือเสียก่อน ไม่ถึงกับตกหลุมลึกเกินไปนัก มานั่งเสียใจให้กับผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนี้มันไม่คุ้มกันหรอก หลินหว่านบอกกับตัวเองในใจ ออกไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหลายตัว หาของกินอร่อยๆ ชีวิตนี้มันสั้น ต้องให้ตัวเองมีความสุขสักหน่อย
หลินหว่านทำใจได้ เช็ดน้ำตาให้แห้ง เปลี่ยนชุดสวยแล้วออกไปชอปปิง
หลินหว่านมาที่ห้างสรรพสินค้า เลือกดูเสื้อผ้าที่มาใหม่ พนักงานที่เข้ามาต้อนรับเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง เด็กสาวหน้าตาสะสวย พูดจาหวานหู แนะนำเสื้อผ้าแต่ละประเภทอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังคอยเสนอชุดที่ดูเหมาะกับหลินหว่านเป็นครั้งคราว เชียร์ให้หลินหว่านไปลองชุด
หลินหว่านสวยอยู่แล้ว เด็กสาวหยิบชุดไหนมาให้สวมก็ดูดีไปหมด เด็กสาวเอ่ยชมอย่างลืมตัวว่า “คุณพี่สวยจังค่ะ”
เมื่อมองดูตัวเองจากในกระจก หลินหว่านอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นกอง เห็นว่าเด็กสาวกระตือรือร้นที่จะขายเสื้อผ้าคงจะลำบากไม่น้อย หลินหว่านยิ้มน้อยๆ พูดว่า “งั้น ฉันเอาตัวนี้ค่ะ”
เด็กสาวยิ้มออกมาอย่างดีใจ รีบห่อสินค้าให้หลินหว่าน
เช่นนี้เอง หลินหว่านเดินๆ หยุดๆ อยู่ในห้าง กว่าจะทันรู้ตัวเธอก็หิ้วของในมือพะรุงพะรังแล้ว มีทั้งเครื่องสำอาง เสื้อผ้า และรองเท้า
ภายในห้าง ร่างบอบบางของหลินหว่านหิ้วของเต็มไม้เต็มมือไปหมด ทันใดข้าวของลื่นหลุดมือร่วงกระจายเต็มพื้น ตอนนั้นเองเสียงทุ้มนุ่มลึกของชายคนหนึ่งดังมา “คุณผู้หญิง ให้ผมช่วยไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ! ซื้อของเยอะเกินไปหน่อยน่ะ” หลินหว่านรีบเก็บข้าวของบนพื้น ได้ยินเสียงคนเสนอความช่วยเหลือก็รีบแสดงความขอบคุณ
“หลินหว่าน?” เสียงเรียกชื่อหลินหว่านอย่างไม่แน่ใจจากชายคนนั้น
หลินหว่านได้ยินเขาเรียกชื่อเธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางสุภาพใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน กำลังมองนิ่งมาที่เธอ นี่มันรุ่นพี่สวี่เหวินอีไม่ใช่หรือไง?
หลินหว่านแปลกใจจนพูดไม่ออก เป็นนานกว่าจะเอ่ยทักออกมาว่า “รุ่นพี่”
สวี่เหวินอีเป็นรุ่นพี่ของหลินหว่าน สมัยเรียนเขาดูแลรุ่นน้องสาวสวยน่ารักคนนี้เป็นพิเศษ สวี่เหวินอีเพิ่งจะได้สติจากการได้พบกันโดยบังเอิญครั้งนี้ รีบเข้าไปช่วยหลินหว่านถือของ และหลินหว่านก็ยอมรับโดยไม่พูดอะไรอีก
ทั้งสองได้พบกันโดยบังเอิญ ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ สวี่เหวินอีออกปากชวนหลินหว่านไปทานข้าวที่ร้านใกล้ๆ จะได้พูดคุยรำลึกความหลังกัน
ภายในร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่ตกแต่งเรียบง่ายดูดีแห่งหนึ่ง สวี่เหวินอีกับหลินหว่านนั่งหันหน้าเข้าหากัน สวี่เหวินอีพูดทำลายความเงียบขึ้นก่อนพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น “หลินหว่าน ที่จริงฉันเพิ่งจะอ่านข่าวมาเอง จึงรู้เรื่องของเธออยู่บ้าง ตอนนี้เธอคงจะทุกข์ใจมากสินะ”
หลินหว่านมองดูรุ่นพี่ที่ตรงหน้าซึ่งเคยช่วยเหลือเธอมามากมายหลายครั้ง พริบตานั้นหลินหว่านรู้สึกเหมือนกลับไปสมัยเป็นนักเรียนอีกครั้ง ตอนนั้นโลกบริสุทธิ์สะอาดกว่านี้มากนัก
“รุ่นพี่คะ พี่ยังไม่เปลี่ยนไปเลย ยังอบอุ่นนุ่มนวลเหมือนเดิมเลย ที่จริงฉันก็ไม่เป็นอะไรมากนักหรอกค่ะ หลังเรียนจบ ผ่านเรื่องราวมากมาย เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ ค่ะ พี่อย่าลืมสิคะ ฉันน่ะคือหลินหว่าน ยอดคนไร้ผู้ต่อต้านนะคะ” หลินหว่านแอ็คท่ายอดมนุษย์
ชั่วขณะนั้นดูเหมือนทั้งสองจะย้อนกลับไปสู่วันคืนที่ชีวิตเรียบง่ายไร้กังวลสมัยเป็นนักเรียน พากันหัวเราะเสียงดังลั่นออกมาพร้อมกัน
ด้านนอกหน้าต่างกระจก เซียวจิ่งสือในชุดสูทสากลเต็มยศสีหน้าปั้นยาก เขารู้ว่าตอนนี้หลินหว่านอาจได้รับผลกระทบจากข่าวที่ได้รับ อารมณ์ไม่ดี อาจมาเดินเล่นที่ห้างใกล้ๆ เซียวจิ่งสือร้อนใจต้องการเจอตัวหลินหว่านโดยเร็วที่สุด เพื่อบอกความจริงกับเธอ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพตรงหน้า
ได้เห็นหลินหว่านนั่งอยู่ตรงหน้ากับชายแปลกหน้าคนหนึ่งพูดคุยหัวเราะกัน ภาพแบบนี้มันนัดเดทของคู่รักชัดๆ! ชั่ววูบนั้นหัวอกของเซียวจิ่งสือเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
หญิงสาวเป็นจุดอ่อนของชายหนุ่ม ต่อให้หนักแน่น รู้มารยาทสังคมดีอย่างเซียวจิ่งสือก็ยังไม่วายนอตหลุด เซียวจิ่งสือพุ่งเข้าหาชายแปลกหน้าอย่างโกรธจัด คว้าคอเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ ถลึงตาเข้าใส่ พร้อมกับตวาดเสียงดังว่า “อยากตายหรือไง ถึงกล้ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันฮึ?”
สวี่เหวินอีตกใจกับสถานการณ์ฉับพลันที่เกิดขึ้นจนนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเซียวจิ่งสือก็อารมณ์ขึ้นทันที พูดท้าทายว่า “ใครเป็นผู้หญิงของคุณ? ตอนนี้มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ผมจะยุ่งแล้วมีอะไรไหม?”
เซียวจิ่งสือได้ฟังก็ยิ่งโมโห ง้างหมัดรอเหมือนเทพเจ้าที่กราดเกรี้ยว กำลังจะซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าของสวี่
เหวินอีเต็มแรง
ทันใดนั้น เสียงหลินหว่านตวาดลั่นมาอย่างโกรธจัด “เซียวจิ่งสือ พอได้แล้ว!”
เซียวจิ่งสือคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงนุ่มนิ่มอย่างหลินหว่านจะมีด้านนี้ด้วย เขานิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น
หลินหว่านได้แต่ให้สวี่เหวินอีจากไปก่อน เพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่านี้
สวี่เหวินอีเข้าใจดีว่าตอนนี้อย่าหาเรื่องมาเพิ่มจะดีกว่า ปัญหาหัวใจของคนอื่นเข้าไปยุ่งด้วยไม่ดีนัก สวี่เหวินอีขึงตาใส่เซียวจิ่งสือแล้วคว้าข้าวของจากไป
หลินหว่านจ้องเซียวจิ่งสือด้วยสายตาดุดัน พูดด้วยความรู้สึกสับสนในชีวิตว่า “คุณเป็นใครถึงมาทำร้ายคนที่นี่ สวี่เหวินอีเป็นรุ่นพี่ของฉัน เราเพิ่งเจอกันโดยบังเอิญ ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย คุณล่ะ? คุณพูดหวานกับคนหนึ่ง แล้วไปมีอะไรกับอีกคนหนึ่ง เซียวจิ่งสือ ต่อไปอย่ามายุ่งกับฉันอีก! คุณทำให้ฉันผิดหวังมาเกินพอแล้ว! ฉันไม่อยากเจอหน้าคุณอีก!”