บัญชามังกรเดือด บทที่ 927 ตงจุนมู่หลง
และตัวตนที่เป็นถึงคนสมาชิกของอาณาจักรมังกร และเผ่ามังกรซ่อนรูปทั้งห้าหัวหน้า
และทั้งห้าหัวหน้า แต่ละคนนั้นก็มีความสามารถในการควบคุมแต่ละด้าน และก็ต่างก็เป็นชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ยิ่งภายในเผ่ามังกรซ่อนรูปแล้วนั้น พวกเขานั้นได้รับความเคารพจากสถานที่นั้น
แล้วทั้งห้าหัวหน้านี้ไม่ต้องเอ่ยเลย ซีจุนจินหู่ ในตอนนี้เป็นซีจุนฉินชวน
หนานจุนจูจู
เป่ยจุนเฮยสุ่ย
จงจุนหวงซาง
รวมถึงตงจุนมู่หลง
และทางแดนตะวันออกทางตอนฝั่งทะเล ที่ได้ถูกมู่หลงนั้นจัดการคอยดูแล
ที่สำคัญเลยก็คือ พวกเขานั้นได้เดินทางไปยังทางด้านภูเขา พร้อมกับคอยชมวิวทิวทัศน์ของทะเลที่สวยงาม
ในขณะนี้ ที่ด้านภูเขาด้านบนนั้น ที่ด้านหลังของภูเขา ที่มีหน้าผาที่สูงชันนั้น ได้มีตึกอาคารอยู่หลังหนึ่ง
และมีนามว่า หอทิงเฉา
ที่ด้านในอาคารนั้น เมื่อเปิดหน้าต่างออก และด้านหน้านั้นที่ได้หันได้กับด้านทะเลอันกว้างใหญ่
และด้านล่างของหน้าต่างนั้น ได้มีโต๊ะน้ำชาอยู่โต๊ะหนึ่ง ได้มีคนแกผอมและคนแก่อ้วนนั้นนั่งอยู่สองคน
ส่วนคนอ้วนนั้นผิวพรรณสีขาวสะอาด มองไปแล้วยิ้มตาหยี๋ และให้ความรู้สึกถึงความเมตตา
ส่วนคนผอมนั้นมีผิวพรรณค่อนข้างดำ แต่ว่าสตินั้นดีมาก ถึงแม้ว่าผมนั้นจะมีสีขาวอยู่บ้าง แต่ว่ายังมีความสามารถในการทำงานอยู่ และพุ่งเข้ามาด้านนี้
ที่บนโต๊ะน้ำชานั้น ได้วางกาต้มชาอู่หลงเอาไว้
ทั้งสองคนนั้นนั่งดื่มน้ำชา และไม่ได้เอ่ยอะไร
คลื่นลมทะเลที่นอกหน้าต่างนั้น ที่กระทบกับก้อนหิน และคลื่นที่สวยงามขนาดใหญ่ แต่ว่า ก็ไม่สามารถที่จะมากระทบทำอะไรได้กับใบหน้าที่แน่นิ่งของทั้งสองคนได้
นั่นก็คือคนที่หากไม่ได้ฝึกวิทยายุทธมาหลายสิบปี จะไม่สามารถที่จะบรรลุได้อย่างแน่นอน
ทั้งสองคนนั้นมองไปแล้วเหมือนนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ และผ่านไม่ไปนาน คนที่ผอมดำเหมือนกับกระบอกปืนนั้นในที่สุดก็เอ่ยปาก และถามไปอย่างไม่ได้ใส่ใจมาก “พี่ชายเฮยสุ่ยของเจ้า ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ได้มาที่นี่แล้ว”
“คงจะไม่ใช่เพราะมาดื่มชาปกติหรอกใช่ไหม”
ส่วนคนแก่ที่อ้วนขาวนั้น นั้นกลับเป็นคนของมังกรซ่อนรูปทางเหนือ คือเฮยสุ่ย
เมื่อได้ยินดังนั้น เขานั้นหัวเราะเสียงดัง แล้วดื่มลิ้มรสชา แล้วเอ่ย “แล้วทำไมจะไม่ใช่ล่ะ”
“ใบชาสีใสที่เก็บก่อนที่เทศกาลเช่งเม้ง เพียงแค่ว่ามีเจ้ามู่หลงอยู่ที่นี่ ถึงจะสามารถได้ดื่มชาดั้งเดิม”
“เห้ย ไม่แปลกใจเลยที่จะเป็นคนรวย ที่ทางฝั่งตงไห่ ที่ได้เกิดมาจากสถานที่แห่งนี้ที่สวยงามและมีลูกค้า และก็มีแต่ที่นี่ ถึงจะสามารถหาใบชาดีๆได้”
“ไม่เหมือนทางตอนแดนเหนือ ลมอากาศที่หนาวเย็นยะเยือก แม้แต่นกยังไม่อยากจะขี้”
ส่วนชายหนุ่มที่มีผิวดำ เขานั้นก็คือหัวหน้ามังกรซ่อนรูปตะวันออกนามว่ามู่หลง
เมื่อได้ยินเสียงของเฮยสุ่ย มู่หลงนั้นยิ้มอย่างไม่มีเสียง “พี่ชายชอบดื่ม กลับไปแล้วผมนั้นจะหาคนมาช่วยห่อไปให้สักไม่กี่กรัมนะ”
“งั้นก็ขอบคุณน้องชายมากๆนะ!”
เฮยสุ่ยนั้นยกแก้วน้ำชาขึ้นมา ก่อนที่จะค่อยๆเป่า แล้วถามอย่างสบายใจ “น้องชายมู่หลง นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กลับไปรายงานที่ฐานทัพใหญ่?”
มู่หลงเอ่ยอย่างเบาๆ “ก็พักหนึ่งแล้วล่ะ จำได้ว่ารอบก่อนที่เข้าไปรายงานนั้น ตอนนั้นยังอยู่ในตอนที่เลือกตั้งหาผู้นำอยู่เลย”
เฮยสุ่ยพยักหน้า “ในรอบนั้น ท่านหัวหน้านั้นในรอบก่อนนั้น ได้เตะพวกผู้อาวุโสออกตั้งหลายคนที่ไม่ยอมเชื่อฟัง แล้วเอาคนสนิทสำรองนั้นเข้าไปในงานสมาคมผู้อาวุโส”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้น ก็สามารถที่จะควบคุมสมาคมผู้อาวุโสได้แล้ว แล้วรีบจัดการเคลื่อนไหววางหมากตัวสำคัญ”
มู่หลงขมวดคิ้ว ก่อนที่จะเอ่ยอย่างไม่พอใจ“ไม่ใช่ว่าข้าเอ่ยแล้ว ที่การจัดการหลายปีมานี้ ก็ยังมีความรู้สึกหดหู่ใจอยู่บ้าง”
“เขานั้นจะปล่อยให้พวกสมาคมอาวุโสนั้นก่อเรื่องแบบนี้หรอ?”
เมื่อเอ่ยแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าไม่ค่อยถูก แล้วมองไปที่เฮยสุ่ย และเอ่ยอย่าง “เป็นเพราะข้านั้นเอ่ยผิดไปแล้วล่ะ”
“ข้าลืมไปแล้ว ว่าพี่ชายเฮยสุ่ย นั้นก็คือคนของสมาคมผู้อาวุโส ตอนแรกนั้นคือผู้อาวุโสใหญ่นั้นได้ส่งเจ้านั้นไปอยู่ที่ตำแหน่งเป่ยจุน”
เฮยสุ่ยนั้นยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วเอ่ย “ต่างก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยนั้นแหละ เพียงแต่จะเอ่ยหากว่าข้านั้นคือคนของสมาคมผู้อาวุโส นั้นจะค่อนข้างที่จะเกินจริงไปหน่อย”
“อ้าย ที่ยุทธภพ ก็ไม่เพียงเป็นแค่สถานที่ต่อสู้ แต่ยังมีพวกความแค้นความสัมพันธ์อีก บางครั้งถึงตัวจะอยู่ที่ยุทธภพ แต่ทุกคนนั้นก็มิอาจจะช่วยเหลือตัวเองได้”
“แต่ว่ายังไงข้านั้นก็ยังชื่นชมในน้องชายมู่หลงนะ หลายปีมานี้ที่พยายามทำตัวดีมาตลอด ไม่เลือกข้าง เลือกพวก และซื่อสัตย์มาก”
“น้องชายมู่หลง หากในอนาคตสมาคมผู้อาวุโสและอานกั๋วนั้นสู้กัน ข้าอยากจะรู้ว่า เจ้านั้นจะเลือกสนับสนุนใคร?”
สีหน้าของมู่หลงนั้น เปลี่ยนเป็นสงสัยหนักกว่าเดิม
“พี่ชายเฮยสุ่ย รอบนี้ที่ท่านมา คงไม่ใช่เพราะมารบกวนข้าแทนพวกท่านอาวุโสหรอกใช่ไหม?”
เฮยสุ่ยนั้นโน้มตัวไปด้านหน้า ก่อนที่จะเอ่ยถาม “ถ้าหากว่าใช่ล่ะ?”
“ผู้อาวุโสใหญ่อยากที่จะให้ข้านั้นมาบอกพี่ก็คือ ในช่วงของการเลือกหัวหน้านั้นใกล้มาถึงแล้ว เมื่อถึงเวลาเพียงแค่ท่านสนับสนุนเขา พวกเขานั้นจะไม่ลืมเรื่องมิตรภาพนี้เลย”
มู่งหลงนั้นเอนหลังลง ก่อนที่จะเอ่ยพูดเบาๆ “งั้นก็เกรงว่าจะทำให้พี่ชายเฮยสุ่ยและผู้อาวุโสใหญ่นั้นผิดหวังแล้วล่ะ”
“ถ้าหากมาถึงช่วงที่เลือกผู้นำมาถึงช่วงการโหวตคะแนนแล้ว ถ้าหากข้านั้นไปเลือกผู้อาวุโสเหมือนรอบก่อน งั้นข้าคงจะขอสละสิทธิ์”
“พวกเราแดนตงไห่ จะไม่เข้าร่วมข้อพิพาทใดรวมถึงของภายในองค์กรทั้งนั้น”
เฮยสุ่ยนั้นไม่ค่อยพอใจ อยากที่จะเอ่ยอะไร ก่อนที่มู่หลงนั้นจะเอ่ยเบาๆ “พี่ชายเฮยสุ่ย อยากที่จะเพิ่มชาอีกไหมล่ะ?”
เฮยสุ่ยถอนหายใจ ก่อนที่จะปล่อยไป แต่ว่า เขานั้นเปลี่ยนบทสนทนา ก่อนที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “เจ้ามาหลบที่แดนตงไห่ และทำตัวให้ขาวสะอาด และไม่เอ่ยถามเรื่องของโลกเลย”
“แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“แต่ว่าเจ้าอย่าเข้าใจผิดนะ นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่ข้านั้นมาที่ตงไห่นะ”
“จุดประสงค์ของข้าเลยจริงๆ เกรงว่าเจ้านั้นไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถที่จะเดาได้หรอก”
อือ?”มู่หลงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แล้วจุดประสงค์นั้นมันคืออะไรกัน?”
เฮยสุ่ยหัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ย“เป็นแม่สื่อ!”
“จริงๆมันก็ไม่ใช่ความลับอะไร ที่ข้ามาที่นี่นั้น เพื่อที่จะมาเป็นแม่สื่อแทนคนอื่น ส่วนใครนั้น เจ้าอย่าเอ่ยถามเลย”
“เมื่อถึงเวลา แน่นอนว่าจะต้องรู้เองอย่างแน่นอน”
“เพราะว่าเร็วๆนี้ พวกเรานั้นจะต้องมาเจอหน้ากันอีกแน่”
“น้องรัก ลาก่อน!”
เอ่ยว่าจะไปก็ไป และไม่ได้รีรอแม้แต่น้อย รอให้มู่หลงนั้นตามออกไป เฮยสุ่ยนั้นก็ไปไกลสะแล้ว
สีหน้าของมู่หลง ค่อยๆเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบไป และลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เขานั้นจะกดโทรศัพท์ออกไป
“ฮัลโหล เฮยสุ่ยเพิ่งจะมาหาข้าที่นี่——”
“เขานั้นมารบกวนเจ้าแทนพวกผู้อาวุโสใช่ไหม?อย่าไปสนใจเลย เจ้านั้นก็ยังคงทำตัวไม่สนโลกแบบนี้ไปก่อนก็ดีแล้ว”
“เจ้าต้องรู้ว่า ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะต้องรอบคอบมากๆ”
“ข้าเข้าจแล้ว”มู่หลงนั้นกลับเคารพเป็นอย่างมาก มองไปแล้วจะเหมือนเป็นผู้บังคับบัญชาเลย
คนในสายนั้นถอนหายใจ ก่อนที่จะเอ่ย “แต่ว่าเรื่องต่อหน้านี้นั้น เกรงว่าเจ้านั้นไม่สามารถที่จะอยู่ห่างได้เลย เรื่องนี้หากจะพูดใหญ่ก็ใหญ่ จะเอ่ยว่าเล็กก็เล็ก แต่ที่สำคัญเลยก็คือจะต้องมาเผชิญหน้าระหว่างนายเฒ่าหัวมังกรกับ สมาคมผู้อาวุโสน่ะ”
“เจ้าถึงจะกลัวแต่เจ้าก็ยังจะต้องดำเนินการต่อไป。”
มู่หลง “ท่านเอ่ยไม่ใช่หรอว่าให้รอบคอบระมัดระวังน่ะ?”
“แต่ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่?”
เสียงในโทรศัพท์นั้นค่อนข้างที่จะต่ำมาก เขาเอ่ยว่า คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องของฉินเทียน
“ท่านว่าอะไรนะ?แส้มังกรคนปัจจุบัน มาที่ตงไห่หรอ”
“อีกทั้งยังข้ามแม่น้ำไปยังเมืองเจียงเหอ?เขานั้นเป็นคนของเฒ่าหัวมังกร งั้นข้าควรจะทำยังไงดี?”
มู่หลงในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะสงบได้แล้ว
เสียงในโทรศัพท์นั้น เปลี่ยนเป็นต่ำทุ้มลงอีก ……และได้มีการสอบกระบวนการจัดการให้
“โอเค ข้าเข้าใจแล้วครับ!”
“ข้าจะไปจัดการให้ดีเอง”เมื่อได้ยินเสียงไอกระแอมออกมาจากโทรศัพท์ มู่หลงนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมาอีก “ท่านก็ต้องระวังในสุขภาพร่างกายนะครับ!”
“เมื่อช่วงก่อนข้านั้นได้รับเชิญจากราชาเปี้ยน ให้ไปเป็นแขกบนเกาะน้อยของเขา และนึกไม่ถึงเลยว่า เขานั้นจะซ่อนเห็ดหลินจือเลือดเอาไว้”
“ข้าคิดว่าน่าจะมีส่วนที่สามารถที่จะช่วยเหลือเรื่องอาการป่วยของท่าน ข้านั้นจะรีบไปเอามา แล้วส่งไปให้ท่านครับ”
“ท่าน……จะต้องดูแลเรื่องสุขภาพด้วยนะครับ!”
เมื่อวางสายแล้ว มู่หลงนั้นมองไปที่ทะเล แล้วแอบเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับว่าคิดเรื่องอะไรล่องลอยไป จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ทำให้เขานั้นตื่น
“ท่านมู่หลงช่วยข้าด้วย!”
“ข้าคือเซียวเจี้ยนจาง ข้าน้าโดนจับตัวอยู่ที่เมืองเจียงเหอ คนพวกนั้นเอ่ยว่า——”
มู่หลงเอ่ยเบาๆ “ทราบแล้วล่ะ”
“เจ้าเอ่ยกับคนพวกนั้นเลยว่า อีกครึ่งชั่วโมง ข้าจะรีบไปให้ถึงที่นั้น ให้พวกเขานั้นรออย่างใจเย็นก่อน”