บทที่ 928 คุกเข่าให้ดีๆ

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 928 คุกเข่าให้ดีๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หลงแล้ว ฝั่งตรงข้ามสายนั้นก็คือเซียวเจี้ยนจาง ที่แทบจะทนไม่ไหวแล้ว

ในมุมมองของเซียวเจี้ยนจาง เดิมทีนั้นที่กลัวจนแทบจะแย่ และเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขานั้นรู้สึกว่า เมื่อมู่หลงนั้นได้ยินแล้ว จะต้องโกรธขึ้นมาอย่างแน่นอน

คิดไม่ถึงเลยว่า น้ำเสียงของมู่หลงนั้น จะราบเรียบอย่างน่าฉงนใจ ราวกับว่า เขานั้นได้ทราบเรื่องพวกนี้แล้ว อีกทั้งยังมีแผนการที่จะคอยรับรองและจัดการอีกด้วย

ก็เรื่องแค่นี้เองหรอ?ก่อนที่เขานั้นจะคิดไม่ออกอยู่สักพัก

“ยังมีเรื่องอีกไหม?”น้ำเสียงของมู่หลงนั้นที่ยังคงหนักแน่น

“อ่า——”เซียวเจี้ยนจางที่เมื่อได้สติแล้วก็รีบเอ่ยออกมา “ไม่มีแล้ว!”

“ข้านั้นจะต้องเอาคำพูดของท่านนั้นไปบอกพรรคพวกของเราครับ!”

“พี่ใหญ่ พวกเรารอท่านอยู่นะครับ!”

“เป็นยังไงบ้าง ท่านมู่หลงนั้นตอบตกลงบ้างหรือยัง?”เซียวเจี้ยนจางที่เพิ่งจะวางโทรศัพท์ ส่วน เกาเหมิ่งนั้นก็รีบเข้ามาถามอย่างอดใจรอไม่ได้

เซียวเจี้ยนจางเอ่ยอย่างพอใจ“ใช่แล้ว ท่านมู่หลงพี่ใหญ่นั้นได้เอ่ยแล้ว เขานั้นจะรีบมาถึงที่นี่!”

“นายฉิน เจ้านั้นอาจจะยังไม่รู้มากนัก แต่ว่าเจ้าคงรู้ถึงพละกำลังของ ท่านมู่หลงใช่ไหมล่ะ?งั้นเจ้าก็รอตายได้เลย!”

“ในตอนที่รอท่านมู่หลงมาถึงนั้น เมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้านั้นคงจะตายจนหาที่ฝังศพไม่ได้หรอก!”

ฉินเทียนขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “งั้นก็ดี”

“ตามที่ได้นัดไว้ พวกเรานั้นจะให้เวลาท่านมู่หลงของพวกเจ้านั้นครึ่งชั่วโมง”

เวลาครึ่งชั่วโมงนั้น จะเอ่ยว่าเร็วก็เร็ว จะเอ่ยว่าช้าก็ช้า

ทุกคนนั้นเหมือนกับว่ารอมาแล้วกว่าทศวรรษ เมื่อได้ยินเสียงเครื่องบินนั้นมาถึง ก็รู้สึกว่าแค่เพียงอึดใจเดียวเฉยๆ

“มาแล้ว มาแล้วล่ะ!”

“นี่คือเครื่องบินรบของ ท่านมู่หลง!”

“ท่านมู่หลงมาแล้ว!”ในสถานที่นั้น เซียวเจี้ยนจางคนแรก และสมาชิกของเผ่ามังกรซ่อนรูปคนอื่นๆนั้น ต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันขึ้นมา

เซียวเจี้ยนจางที่ตื่นเต้นนั้น จนลุกขึ้นยืนด้วยอัตโนมัติ

เมื่อยืนได้แค่ครึ่งเดียว เสียงตึ๊ง ก่อนที่จะมีเสียงระเบิดข้างๆ และแรงอันมหาศาลนั้น ทำให้พื้นที่แตกเหมือนกับรังแตน

เซียวเจี้ยนจางเหมือนกับวิญญาณโดดออก และร้องออกมาด้วยความตกใจจนขาอ่อน ก่อนที่จะล้มลงไปนอนกับพื้นอีกที

ฉินเทียนที่ได้ถือปืนดาบศิลาที่ยังมีเขม่าอยู่ แล้วเอ่ยยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าให้เจ้ายืนแล้วหรอ?”

“คุกเข่าให้ดีๆ!”

“เจ้ามัน——”เซียวเจี้ยนจางถึงแม้จะโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา แต่เมื่อต้องเผชิญกับปืนดาบศิลาที่ยังมีเขม่าออกมา จึงทำได้เพียงแค่อดทนกลั้นไว้ และกัดฟันจนเอ่ยไม่ออก

เครื่องบินหนึ่งลำที่เป็นเครื่องบินรบเฉพาะของเผ่ามังกรซ่อนรูป ค่อยๆบินลงมา เมื่อประตูเปิดออก ก่อนที่จะพบเห็นชายร่างผอมผิวดำ ร่างกายสูงราวกับไม้ไผ่นั้น ได้ออกมาปรากฏอยู่ต่อหน้าของทุกคน

เขานั้นมากับผู้ติดตามแค่สองคน มองไปแล้วเหมือนเขานั้นจะถ่อมตนเอามาก แต่ว่าสายตาเมื่อมองมาแล้ว นั้นได้ปรากฏถึง พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่ได้เผยออกมา  

“ท่านมู่หลง!”

เกาเหมิ่งตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งไปด้วยความตื่นเต้น และโค้งคำนับเก้าสิบองศา ก่อนที่จะเอ่ยเสียงดัง “ข้าน้อยขอคารวะท่านมู่หลง!”

“ไม่คิดเลยว่าเรื่องในวันนี้นั้น จะส่งกระทบถึงท่านมู่หลง”

“ไอเจ้าพวกโจรพวกนั้นที่ไม่สนกฎหมาย หยิ่งผยองจองหอง ขอให้ท่านมู่หลง จัดการด้วยครับ!”

และคนอื่นๆที่อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้นั้น ต่างก็ได้ก้มหน้าลงกันหมดแล้ว  

และเมื่อเปรียบเทียบการต้อนรับในตอนที่ เซียวเจี้ยนจางนั้นมา พวกเขานั้นคุกเข่าให้แค่ข้างเดียว และเอ่ยคำมั่นสาบาน ตอนนี้ นี่สิจะถึงจะเป็นคำพูดที่แท้จริง และน่ากลัวเอาสะจริงๆ   

ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เอ่ยอย่างเกรงใจกับเซียวเจี้ยนจาง ต่างก็เป็นคำพูดที่จอมปลอม นั้นเพื่อที่จะพยายามช่วยเหลือการแสดงของเซียวเจี้ยนจางเท่านั้นแหละ เพื่อทำให้เขานั้นพอใจ

แต่ว่ามู่หลงนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือตัวตน เขานั้นต่างก็สามารถที่จะกดขี่คนพวกนี้ได้

“ท่านมู่หลงช่วยด้วยครับ!”

“ช่วยด้วยครับท่านมู่หลง!”

ในขณะเดียวกันเอง เซียวเจี้ยนจางนั้นก็ตื่นเต้นจนสุดขีด และไม่สนใจอะไรอีก ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน แล้วพุ่งไปยังด้านหน้าของมู่หลง ก่อนที่จะคุกเข่าลงไป

เพราะแรงบันดาลใจของพวกเขานั้น อู่ข่ายและเหมยควนรสมถึงสมาชิกสิบกว่าคนนั้น ต่างก็พุ่งเข้ามาแล้วคุกเข่าลง

พวกเขานั้นร้องไห้จนขี้มูกโป่ง และโกรธเสียใจเป็นอย่างมากต่อการกระทำของฉินเทียน อีกทั้งยังขอให้ท่าน ท่านมู่หลงลงมือจัดการ สั่งสอนฉินเทียน และแก้แค้นให้พวกเขา

มู่หลงที่สีหน้านั้นยังคงแน่นิ่ง ราวกับว่าสำหรับคำกล่าวหาของเซียวเจี้ยนจาง เขานั้นเหมือนกับไม่ได้ฟังเลยสะด้วยซ้ำ

อีกทั้งผู้คนอื่นๆ และสายตาของพวกเขานั้น ก็ไปหยุดรวมกันอยู่ตรงหน้าของฉินเทียน

ฉินเทียนนั้นนั่งลงไม่ได้ขยับ ก่อนที่จะยิ้มอย่างเยือกเย็น

มู่หลงทำเสียงคร่ำครวญ ก่อนที่จะรีบเดินไป

และเมื่อมองเห็นคุณชายท่านมู่หลง กลับเดินไปที่นั่นด้วยตนเอง ทำให้เซียวเจี้ยนจางและคนอื่นๆนั้นต่างก็บ้าคลั่งขึ้น

“นายสกุลฉินนั้น หากให้พวกเราท่านมู่หลงนั้นลงมือ ยังจะไม่รีบรอรับความตายอีก!”

“ขอให้ท่านมู่หลงลงโทษพวกมันอย่างสาสมด้วยครับ!”

“ฆ่ามันส่ะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายสกุลฉินหรอ เจ้าเก่งมากไม่ใช่หรอ?ตอนนี้นายท่านมู่หลงของพวกเรามาแล้ว ทำไมล่ะ กลัวจนเยี่ยวราดเลย?”

“พวกแกรอความตายได้เลย!”

ทุกคนนั้นคิดว่า มู่หลงนั้นจะลงมือเอง เพื่อกำจัดสั่งสอนฉินเทียน

มู่หลงในที่สุดก็เดินมาถึงที่ด้านหน้าของฉินเทียน เขานั้นสุดหายใจลึกๆ ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา แล้วเอ่ยอย่างเกรงใจ “ใช้คุณฉินใช่ไหม?”

“ลำบากท่านแล้วครับ”

อือ?

เสียงของมู่หลงนั้นเรียบมาก ส่วนเซียวเจี้ยนจางและเกาเหมิ่งในหูของพวกเขานั้น เหมือนได้ถูกระเบิดจ้า  !

คุณชายท่านมู่หลง คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาก้มหน้าให้กับฉินเทียน อีกทั้งยังเลยว่า ลำบากท่านแล้วอีกด้วย?

ที่แปลกใจไปยิ่งกว่านั้นอีก นั่นก็คือเมื่อต้องเผชิญหน้ากับท่านมู่หลง ฉินเทียนนั้นยังนั่งสบายใจ และไม่ได้สนใจอีกทั้งยังไม่ได้ทำความเคารพกลับอีกด้วย

เขานั้นทำเพียงแค่ก้มหัวเบาๆ ก่อนที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “มองดูแล้ว คนของท่านมู่หลงนั้น น่าจะรู้ถึงตัวตนของข้าแล้วใช่ไหมล่ะ”

ตัวตนอะไรกัน?

เจ้านี่สรุปแล้วตัวตนของเขานั้นคืออะไรกัน?

เซียวเจี้ยนจางและคนอื่นๆนั้น ต่างก็เบิกตากว้าง

“ไอบ้า!”

“กูจะฆ่ามึง!”

ส่วนมุมไหล คนที่ถูกฉินเทียนนั้นถีบจนกระเด็นออกไป อิงโส่วนั้นได้พ่นเลือดออกมาในอากาศ และในตอนนี้ก็ได้มีความแค้นนั้นฟื้นคืนกลับมาแล้ว 

เมื่อต้องเห็นท่าว่า ท่านมู่หลงนั้นอยู่ในอาการตื่นตระหนก แล้วฉินเทียนนั้นกลับไม่ได้เคารพท่านมู่หลงอีก เขานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ก่อนที่จะตะโกนเสียงดัง แล้วพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

ในรอบนี้ ฉินเทียนนั้นไม่ได้ลงมือ แม้แต่การเตรียมมือป้องกันหรือเตรียมโจมตีกลับก็ไม่มี

เขานั้นทำเพียงแค่หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วมองไปที่มู่หลง

เมื่อกะพริบตาอิงโส่วนั้นก็มาถึงด้านหน้า กระโดดเข้ามา และอยากที่จะโจมตีฉินเทียน

เขาที่เพิ่งจะกระโดดมา

“ออกไปส่ะ!”

เสียงที่ได้ยินอย่างชัดเจนในหูของเขานั้น มาจากมู่หลง ตงจุนที่ยืนนิ่งไม่ขยับ ก่อนที่ทันใดนั้นจะหลบไปหนึ่งก้าว

เขาหลบในก้าวนี้นั้น และก้อนหินที่เท้านั้นก็ได้ลอยออกไปก่อนที่จะมีเสียงตุ๊บ ไม่แปลกใจเลย ก่อนที่จะไปโดนบนหัวของอิงโส่ว อย่างพอดี

พลั๊ว!

ก่อนที่จะมีเสียงร้องอย่างโหยหวนตามมา อิงโส่วนั้นตกลงบนพื้น ก่อนที่ศีรษะนั้นจะเต็มไปด้วยเลือดสดที่ไกลนอง ก่อนที่จะชักไปสองที แล้วก็หมดลมหายใจไป 

ในรอบนี้ ได้ไปพบกับพญายมแล้วจริงๆ

ผู้คนในสถานที่นั้น ต่างก็มีสีหน้าตกใจงุนงงสุดขีด

นี่ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

ท่านมู่หลงทำไมเขาถึงจะต้องลงมือกับลูกน้องของตนเองด้วย?หรือว่า ลงมือผิดกันนะ?

และฉากต่อไปนั้น ยิ่งทำให้เบิกดวงตาของผู้คนยิ่งขึ้นไปอีก 

มู่หลงนั้นสุดหายใจ ก่อนที่จะเอ่ยอย่างจริงจัง“การจัดการที่ไม่เข้มงวด ผมนั้นยากที่จะหลบหนีจากความผิดนี้”

“ต้องการที่จะลงโทษเช่นไร ขอให้คุณฉินเอ่ยเถอะ ผมนั้นจะไปทำตาม แล้วไม่ถอยหลังยอมแพ้อย่างแน่นอน”

เอ่ยแล้ว น้ำเสียงของเขานั้นก็ต่ำลง “พวกเจ้าไอพวกล้มเหลว ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกแล้วฟังคำประกาศของคุณฉินส่ะ!”

“มิฉะนั้น ข้า จะบิดหัวสมองของพวกเจ้าส่ะ!”

อย่ามองว่ามู่หลงนั้นตลอดที่ผ่านมาเขานั้นเป็นคนถ่อมตน แต่ตอนนี้เมื่อโกรธขึ้นมานั้นได้เต็มไปด้วยออร่าความอาฆาตพุ่งออกมา  

เซียวเจี้ยนจางและคนอื่นๆนั้นต่างก็ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน และแต่ละคนนั้นต่างก็เข้ามา แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าของฉินเทียน ไม่หยุดที่จะก้มหัว และเอ่ยร้องชีวิต

ไม่คิดเลยว่าเมื่อมู่หลงนั้นมาถึงแล้ว จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ฉินเทียนนั้นก็แอบเขินเล็กน้อยจนถึงกับอายเลยทีเดียว

เดิมทีแล้ว เขานั้นจะรอให้ท่านมู่หลงมาก่อน แล้วค่อยเปิดเผยุธาตุแท้ออกมา เกี่ยวกับตัวตนแส้มังกร แล้วจัดการพวกเขาให้สาสม

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อยกมือก็ไม่ได้ตบหน้าใคร ส่วนตงจุนเมื่อมองไปแล้ว มีกลิ่นอายของความเป็นทหารอยู่บ้าง

ไม่เอ่ยไม่ได้ว่า ฉินเทียนนั้นก็มีความรู้สึกดีสำหรับเขา

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ฉินเทียนนั้นยังไม่ได้เปิดเผยตัวตน แต่กลับมีเรื่องทะเลาะกันเกิดขึ้น

ส่วนมู่หลงนั้นไม่ได้เอ่ยทำลายด้วยคำพูด ไม่ได้เรียกว่าฉินแส้มังกร แต่เรียกว่าคุณฉินแทน นี่หมายความว่า เจ้าคนนี้นั้นรู้เรื่องอยู่บ้าง

ในช่วงเวลาหนึ่ง เขานั้นก็รู้สึกเกร็งๆ และรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นเหมือนไม่ใช่ตัวเองสะแล้ว