บัญชามังกรเดือด บทที่ 929 คอยคุ้มกัน
“แค๊ก……”
เป็นถึงตงจุน ที่มาทำความเคารพต่อหน้าตนเองนั้น ตอนนี้เหมือนกับเด็กน้อยมาก
ฉินเทียนทำเสียงกระแอมก่อนที่จะสะบัดมือแล้วเอ่ย “คุณนั้น ตงจุนเกรงใจกันไปแล้ว”
“พวกเขานั้นทำความผิดอะไร ไม่ต้องให้ข้าเอ่ย เจ้าน่าจะรู้ดี”
“เผ่ามังกรซ่อนรูปนั้นต่างก็มีกฎระเบียบ เจ้าดูแล้วจัดการเองได้เลย”
“ใช่แล้ว——”
ฉินเทียนนั้นเหมือนจะติดอะไรออก ก่อนที่จะรีบเอ่ยถาม “เรื่องสุสานของนางสนมงูนั้น ยังมีพวกเจ้าสมาชิกไม่กี่คนคอยคุ้มกันใช่ไหม”
“ข้านั้นที่หลุมฝังศพแล้ว ไม่มีทางเลือกที่จะไม่ไว้ทุกข์ แต่ว่าตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“สุสานที่นั่นโดนเปิดออกแล้ว แล้วต่อไปนี้จะปกป้องต่อไปหรือจะขุดขึ้น เจ้าและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องนั้นตัดสินใจเถอะ”
“ขอให้ท่านวางใจเถอะ!”
“พวกเรานั้นจะต้องจัดการให้อย่างดีครับ”มู่หลงนั้นรีบเอ่ยน้อมรับคำสั่ง
ฉินเทียนเมื่อยืนขึ้นแล้ว ก่อนที่จะรีบเดินไปด้านข้าง และในตอนที่เดินผ่าน ก่อนที่จะคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้
เกาเหมิ่งที่ตอนนี้เหมือนกำลังมองไปที่เทวทูต คิดไม่ถึงมองไปที่เรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า
ทันใดนั้นก็โดนจับ ตกใจจนแทบแย่ ก่อนที่จะเอ่ยอย่างร้อนรน “คุณฉิน คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“ผมไม่ได้ปล้นสุสานหลุมศพน่ะ!”
ฉินเทียนเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ“เรื่องที่นี่นั้นได้ถูกจัดการแล้ว ยินยอมแล้วตามมา เจ้าพาข้าไปที่ตงไห่ ไปหาราชาเปี้ยนเพื่อเอาเห็ดหลินจือเลือด”
“ไม่ใช่สิ ไปซื้อ!”
“ไม่ว่าพวกเจ้านั้นจะเรียกราคาเท่าไหร่ เห็ดหลินจือเลือดข้าจะต้องได้มัน!”
เมื่อเอ่ยไปแล้ว ส่วนอีกมือนั้นก็จับคอเสื้อของ เกาเหมิ่งเอาไว้ ก่อนที่อีกด้านนั้นจะเกิดตรงไปที่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์
เกาเหมิ่งที่มีพละกำลัง ตอนนี้นี้ราวกับว่าเป็นลูกนกไปแล้ว ที่ถูกฉินเทียนจับ และลากไปกับพื้น แล้วพาขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์
“ตงจุน!ท่านตงจุน ท่านเอ่ยอะไรบ้างสิ!”
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย——”เขาหันหลัง แล้วมองไปที่มู่หลงเพื่อขอความช่วยเหลือพร้อมทั้งสีหน้าที่หวาดกลัวหมดหวัง
ในตอนนี้เอง และสถานที่นี่ เขานั้นจะขอความช่วยเหลือได้ก็แต่มู่หลงเท่านั้น
มู่หลงเดิมทีแล้วไม่คิดเลยว่าฉินเทียนนั้นจะเอ่ยดี แต่ว่าลงมือเลย เขานั้นถอนหายใจ แล้วได้แต่อวยพรอยู่ลับๆ
แต่ว่า ทันใดนั้นเมื่อได้ยินว่าฉินเทียนนั้นจะไปหาราชาเปี้ยนเพื่อเอาเห็ดหลินจือเลือด เขานั้นอดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นแรง
“หยุดก่อนสิ——”
เขานั้นรีบหันตัว แล้วเอ่ยเสียงดังออกมาหนึ่งประโยค
อือ?
ฉินเทียนชะงัก ก่อนที่จะหันตัวแล้วมองไปที่มู่หลงแล้วเอ่ย “ยังมีเรื่องอะไรหรอ?”
มู่หลงนั้นรีบเดินเข้ามา แล้วเอ่ยอย่างเป็นห่วง “ข้าได้ยินว่าคุณฉินนั้นจะไปที่บนเกาะ เพื่อไปหาราชาเปี้ยนใช่ไหมครับ?”
ฉินเทียนพยักหน้า“มีเรื่องนิดหน่อย ไม่ไปไม่ได้สะด้วย”
มู่หลงเอ่ยด้วยความจริงใจ “สถานการณ์ที่นี่นั้นค่อนข้างซับซ้อน เพื่อความปลอดภัย ไม่งั้นให้ผมนั้นไปทักทายราชาเปี้ยนสะก่อน คุณคิดว่ายังไง?”
“หากต้องการให้ช่วยล่ะก็ ผมนั้นสามารถที่จะไปพร้อมกับคุณได้นะ”
ฉินเทียนนั้นอดไม่ได้ที่จะแอบใจเต้น แต่เขานั้นจะไม่รู้ได้ยังไง ว่าบนเกาะนี้นั้น ยังมีอันตรายที่ใหญ่ และไม่แน่นอน รอเขาอยู่
เมื่อคิดถึงรอบก่อนที่ไปทางตอนใต้ คนหมายเลขสองบนเกาะตงไห่ ที่จินยีโหวนั้นอยากที่จะแทรกแซงเรื่องของตอนใต้ แต่ว่าโดนฉินเทียนฉุดกลับมาได้
ในตอนนั้นฉินเทียนนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่ง และเกือบที่จะต่อสู้กับจินยีโหวแล้ว
แต่ความแค้นนี้ ตงไห่จะไม่ลืมเลือน
ตอนนี้ตนเองนั้นได้พาคนมาแค่สามคน มาถึงสถานที่ของฝั่งตรงข้าม เข้าไปในแดนของพวกเขา อีกถึงแม้จะมีคนอื่นมาด้วย แต่ฉินเทียนนั้นก็ยังไม่มั่นใจ ว่าจะสามารถมีชีวิตกลับไปได้ไหม
แต่ว่า ถ้าหากตนเองนั้นได้พามู่หลงมานั้นมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ไม่ว่าจะเอ่ยเช่นไร มู่หลงตัวตนของเขานั้นเป็นคนของเผ่ามังกรซ่อนรูปในแดนตะวันออก และชื่อของเขานั้นคือคนที่จัดการคนในเมืองตงไห่ พวกเน่าจะจะไว้หน้าให้บ้าง
แต่ว่า มู่หลงถึงแม้มองไปแล้วจะดูซื่อสัตย์ แต่ว่าฉินเทียนนั้นรู้สึกว่า เกรงว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
จะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
หรือว่าเพื่อที่จะให้ตนเองกับแส้มังกรนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีหรอ ?
เมื่อคิดถึงดังนี้ ฉินเทียนนั้นก็ยังปฏิเสธไปทั้งรอยยิ้ม เพราะว่าเขาพบว่า ตนเองไปที่ตงไห่ในรอบนี้นั้น จะต้องไปในนามของตนเองเท่านั้น ไม่ได้ไปในนามของแส้มังกร
ถ้าหากไปในนามของแส้มังกร งั้นเหมือนเดินทางไปทำธุรกิจ ก็จะเกิดความสะดวกสบาย แต่เกรงว่าจะมีข้อจำกัดเอา
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เขานั้นส่ายหัว แล้วเอ่ย “ตงจุนมีใจเช่นนี้ ข้าฉินนั้นก็ขอน้อมรับเอาไว้”
“แต่ว่าข้าฉินนั้นจะไปทำเรื่องธุระส่วนตัว ไม่อยากที่จะลำบากพาตงจุนไปด้วยหรอก”
“งั้นก็ได้”มู่หลงเห็นได้ชัดว่าเขานั้นแอบผิดหวัง เขาคิด แล้วก่อนที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกที “ไปที่ตงไห่รอบนี้ ก็เป็นระยะทางไม่ใช่สั้นๆเลย คงจะยากที่จะหลบลีกจากสิ่งกีดขวางพวกนั้น”
“ตอนนี้ท้องฟ้าก็ค่ำแล้ว ไม่งั้นคุณฉินพักที่นี่ก่อนหนึ่งคืนก็ได้ พวกเราจะพาท่านไปที่ห้องพักเอง”
“พรุ่งนี้ตอนเช้า ข้านั้นจะพาท่านนำขบวนไปด้วยตนเองเอง”
ฉินเทียนนั้นแอบลังเล และส่วนเกาเหมิ่งก็รีบตอบสนองเอ่ยทันที“ใช่แล้วคุณฉิน!”
“ตอนนี้ดึกแล้ว พวกเรารีบไปที่เกาะนั่น ก็ครึ่งคืนแล้ว”
“คงจะไม่ดีหรอกหากพวกเราไปหาราชาเปี้ยนในตอนกลางดึกเช่นนี้?”
“ก็พักอยู่ที่นี่กับพวกเราเถอะ!ข้าจะไปจัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่านฉินเอง!”
เมื่อเอ่ยแล้ว เขานั้นก็เอ่ยอย่างเกร็งๆ“มันไร้สาระนะ คุณฉินกับพวกเราตงจุน นั้นคือเพื่อนกัน งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็เป็นแขกคนสำคัญของข้าเกาเหมิ่งเหมือนกัน!”
“หลังจากนี้หากท่านนั้นมาที่เมืองเจียงเหอ หรือมีเรื่องอะไร ข้าจะจัดการให้เอง!”
ส่วนเจ้าคนนี้จนกระทั่งวันนี้ที่ยังเดาไม่ได้ถึงตัวตนของฉินเทียน แต่ว่า ดูจากการกระทำของตงจุน นั้นทำให้เขานั้นประหลาดใจจริงๆ
ไม่ว่าฉินเทียนนั้นตัวตนของเขานั้นจะคืออะไร เขานั้นรู้ว่า ไม่สามารถไปทำให้เขานั้นไม่พอใจได้!
อีกด้านหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็คิดคำถามหนึ่งออก ว่าฉินเทียนนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้ น่าจะต้องแจ้งราชาเปี้ยนก่อนล่วงหน้าแน่
และให้ฉินเทียนพักที่นี่ แล้วก็ให้เวลาราชาเปี้ยนนั้นได้เตรียมตัวเช่นกัน
ฉินเทียนมองไปแล้วสีหน้าซีด แน่นอนว่าดึกแล้ว แต่ว่าตอนนี้หากรีบไป แล้วไปเยี่ยมเยือนในตอนดึก มันก็ไม่เหมาะสม
เขานั้นถอนหายใจออก ก่อนที่จะเอ่ย “ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้ในตอนนี้ ข้านั้นจะไปรอท่านที่ด้านหน้า”
“แต่ว่า ไม่อยากที่จะให้ไม่ค่อยอยากที่จะรบกวนใจของท่าน นายพลเกาและตงจุน พวกเรานั้นจะไปหาโรงแรมข้างนอกพักสักคืนก็โอเคแล้วล่ะ”
เมื่อเอ่ยแล้วไม่รอให้มู่หลงและ เกาเหมิ่งเอ่ยถามอีก เขานั้นได้พาไป๋หลิง ฉวนซานและจินถัง ออกไปลอยบินออกไป
“หล่อมาก!”
“พี่เทียน พี่หล่อมากจริงๆเลยนะเนี่ย!”
“พี่บอกข้าได้ไหม ว่าตงจุนทำไมเขาถึงได้กลัวพี่นัก?”
กำลังขับกลับไปยังโรงแรม ไป๋หลิงที่มีรูปร่างคล้ายกับสาวน้อยนั้น ที่ดวงตานั้นเต็มไปด้วยดวงดาวประกาย เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นฉินเทียนนั้นยิ้มไม่เอ่ยฉวนซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ให้ข้าเดาเถอะ”
“เป็นเพราะว่าซีจุนใช่ไหมล่ะ?”
“ข้ารู้ ว่าพี่เทียนกับซีจุนนั้นคือเพื่อนที่ดีต่อกัน หรือว่าตงจุนนั้นมองแล้วชอบในสีหน้าของซีจุนหรอ?”
“สุดท้ายแล้ว พวกเขานั้นก็เหมือนกับคนกลุ่มหนึ่ง ที่สถานะนั้นก็พอๆกันนะ”
“แต่ว่าข้านั้นไม่เข้าใจสักน้อยเลย——”
“ที่ไปตงไห่ในรอบนี้ จะต้องเกิดอันตรายแน่ๆ แล้วพี่เทียนทำไมถึงไม่ให้มู่หลงเดินทางมาด้วยกันนะ?”
“มีเขาคอยคุ้มกัน พวกเรานั้นจะต้องเหมือนกับประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งแน่ๆ”
ฉินเทียนหัวเราะเอ่ย“มีบางเรื่อง หลังจากนี้พวกเจ้านั้นก็จะค่อยรู้เองล่ะ”
“ที่ฉวนซานเอ่ยมานั้นก็ถูกอยู่บ้าง ที่ไปตงไห่ในรอบนี้ จะต้องไม่ได้รับความสันติภาพแน่ เมื่อถึงเวลา คนบนเกาะของพวกเขานั้น จะต้องได้รับอันตรายแน่”
“ไม่แน่นะ ว่าชีวิตน้อยๆของพวกเรานั้นอาจจะต้องไปที่ที่นั่นก็ได้ ไม่ได้มีอะไรแปลกเลย”
“พวกเจ้ามากับข้า ไม่กลัวหรือไงกัน?”
“ถ้าหากกลัว พวกเจ้านั้นกลับไปที่สำนักเถอะ”
คำพูดพวกนี้ ฉินเทียนนั้นเอ่ยออกมาจากใจ ทั้งไป๋หลิง จินถังและฉวนซาน ตอนนี้พวกเขานั้นต่างก็มีสำนักเป็นช่วงวัยรุ่นจองตนเอง
แต่ว่าพวกเขานั้นเด็กเกินไปจริงๆ เมื่อเข้ามาที่ยุทธภพ ยังไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ฉินเทียนนั้นไม่อยากให้พวกเขานั้น ต้องไปตายที่ตงไห่กับตนเอง