บทที่ 2337 การมาถึงของเขา / บทที่ 2338 การมาถึงของเขา 2

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2337 การมาถึงของเขา

กู้ซีจิ่วจึงหลับตาลงเสีย

ค่ายกลของเธอสามารถป้องกันสัตว์ร้ายจากด้านนอกได้จริงๆ แต่เจ้าตัวนี้มุดออกมาจากพื้นที่ใกล้ตัวเธอ เว้นแต่เธอจะเคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่นในค่ายกล มิเช่นนั้นจะไม่มีประโยชน์เลย!

หากเป็นเมื่อก่อน สัตว์ร้ายเช่นนี้ไม่ควรค่าให้เธอออกกระบวนท่าด้วยซ้ำ แต่ตัวเธอในตอนนี้แม้กระทั่งเด็กน้อยคนหนึ่งก็ยังทุบเธอได้เลย นับประสาอะไรกับอสรพิษตัวใหญ่เช่นนี้?

เห็นทีว่าวันนี้เธอคงถูกลิขิตให้จบชีวิตในท้องงูเสียแล้ว เพียงแต่ถึงแม้มันจะเขมือบเธอลงไปก็ย่อยไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากตอนนี้เธอเป็นมนุษย์พิษคนหนึ่ง เป็นประเภทที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดติดพิษจนตายได้…

เซี่ยจื้อน้อยกระโจนขึ้นมาทันที เส้นขนทั่วร่างลุกชัน แยกเขี้ยวใส่งูใหญ่ ท่าทางคล้ายจะสู้ตายกับงูใหญ่

แต่ตอนนี้มันยังอยู่ในวัยแบเบาะ ตัวเท่าลูกสุนัขวัยประมาณสองเดือน เมื่อเทียบกับงูใหญ่ตัวนี้แล้ว ก็เหมือนลูกปิงปองที่วางอยู่ข้างลูกบาส ขนาดแตกต่างกันเกินไป…

มันถึงขั้นที่ยังไม่เปลี่ยนร่างด้วยซ้ำ หน้าตาไม่ต่างจากหมาป่าเงินเลย เจ้างูใหญ่ไม่มีทางกลัวมัน และกล่าวได้ว่าไม่แยแสมันเลย!

ความสนใจของมันอยู่ที่ร่างของกู้ซีจิ่ว!

หดกายไปด้านหลังเล็กน้อย อ้าปากกว้าง นี่คือท่าทางที่พร้อมจะเคลื่อนไหวจู่โจม!

เซี่ยจื้อน้อยร้อนรนแล้ว!

คำรามคราหนึ่ง กระโจนเข้าใส่เจ้างูใหญ่อย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น แสยะเขี้ยว กัดเข้าที่จุดตายของมัน…

เกิดเสียงดัง ‘กิ๊ง!’ ฟันของมันงับลงบนเกล็ดของอีกฝ่าย เสมือนงับโดนแผ่นโลหะ ถูกสะท้อนกลับมาในทันที ไม่เพียงแต่ขยำเนื้อมันไม่ได้เท่านั้น ฟันยังเกือบหักด้วย…

เจ้างูใหญ่หงุดหงิด สะบัดตัวอย่างรุนแรง เซี่ยจื้อน้อยถูกมันสลัดออกไป เกิดเสียงดังตูมไม่รู้ว่าตกไปอยู่ซอกหลืบรูใดแล้ว

เซี่ยจื้อน้อยไม่รู้จักค่ายกลนี้ของกู้ซีจิ่ว พอผุดลุกขึ้นมาอีกครั้งจึงงุนงงอยู่บ้าง เมื่อเงยหน้ามองอีกครั้งก็พบว่ารอบกายคือดงโขดหินขนาดมหึมา มันมองไม่เห็นเงาร่างของกู้ซีจิ่วแล้ว…

เจ้างูใหญ่ก็มองไม่เห็นเซี่ยจื้อน้อยที่ถูกมันโยนออกไปไกลแล้วเช่นกัน อ้าปากกว้างอีกครั้ง เจ้างูขู่ฟ่อ หมายจะพุ่งโจมตีกู้ซีจิ่ว!

‘ฟุ่บ!’ ลำแสงสีรุ้งพุ่งเข้ามาปานกระแสไฟฟ้า วาบผ่านอากาศ พุ่งกวาดเข้าไปในปากที่อ้ากว้างของงูใหญ่…

เจ้างูใหญ่ไม่ทันระวัง ถูกลำแสงสีรุ้งนั้นอุดปาก ขณะเดียวกันก็มีเรี่ยวแรงมหาศาลกระชากมันจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว ลากมันให้ถอยห่างออกไปหนึ่งจั้ง

และในระยะห่างหนึ่งจั้งนี้ ทำให้เจ้างูใหญ่ติดกับค่ายกลทันที แยกแยะทิศทางไม่ได้อีกต่อไป

อาหารที่กำลังจะถึงปากหนีหายไปเช่นนี้ เจ้างูใหญ่โกรธเกรี้ยวนัก!

เพียงแต่เจ้างูยังไม่ทันลุกขึ้นมาค้นหาผู้ก่อกวน ลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งที่สว่างจ้าแยงตาเจ้างูใหญ่ก็พุ่งเข้ามาปลิดชีพมันทันที…

….

เจ้างูใหญ่ตายแล้ว

สิ้นชีพภายในสองกระบวนท่าจากลำแสงสีรุ้งสายนั้น หัวงูถูกทุบจนแหลกเละ!

จวบจนยามที่จะตายมันก็ยังมองไม่เห็นเลยว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่เล่นงานมัน…

เพียงมองเห็นเงาร่างสีแดงสายหนึ่งอย่างเลือนราง…

แต่ก็เพียงเท่านี้เอง

เดิมทีกู้ซีจิ่วหลับตารอความตายอยู่ ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เธอจึงลืมตาขึ้น

เป็นค่ายกลที่ตนก่อขึ้น เธอย่อมมองเห็นสถานการณ์ภายในค่ายกลอย่างชัดเจน

เธอมองเห็นเซี่ยจื้อน้อยวิ่งพล่านดั่งแมลงวันไร้หัว มองเห็นเงาร่างสีแดงที่วนรอบตัวงูใหญ่อยู่สองครา แล้วงูใหญ่ก็ล้มลง…

ความเร็วของเงาแดงว่องไวเกินไป ส่วนเธอก็ตาลายอยู่บ้าง มองเห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายไม่ชัด แต่หัวใจพลันบีบแน่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด!

เธอเม้มปากนิดๆ มองเงาแดงสายนั้นร่อนลงตรงหน้าตน

ดวงตะวันใหญ่ยิ่ง แสงตะวันก็เจิดจ้านัก ซ้ำอีกฝ่ายยังยืนย้อนแสงด้วย ยามที่กู้ซีจิ่วมองเขา ถูกแสงแดดแยงตา มองเห็นรูปโฉมของอีกฝ่ายไม่ชัด

แต่ไม่จำเป็นต้องมองให้ชัดเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร

ตี้ฝูอี

ราชันย์มารผู้นั้น

ในที่สุดเขาก็มาแล้ว…

————————————————————————————-

บทที่ 2338 การมาถึงของเขา 2

เขามาตามหาคุณชายไผ่ขจีเพื่อล้างแค้นให้องค์หญิงน้อยหรือ?

น่าเสียดายที่คุณชายไผ่ขจีไม่อยู่ กลับจับพลัดจับผลูมาช่วยชีวิตเธอไว้ …

เธอคิดจะลุกขึ้นนั่ง จนปัญญาที่ร่างกายอ่อนปวกเปียกยิ่งนัก ไม่มีแรงขนาดนั้น ดังนั้นเธอจึงไม่ขยับตัวเสียเลย พยายามช้อนตามองเขา หยักยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่”

น้ำเสียงเธอแหบพร่าอย่างยิ่ง แต่สุ้มเสียงกับสุขุม สายตาก็เย็นชา

“เจ้ามาเพื่อย่วนย่วน…”

เธอพูดยังไม่จบ ข้อมือก็ถูกผู้อื่นจับอย่างแรงแล้ว

“ข้ามาเพื่อเจ้า!”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกว่าถูกพิษ?!”

น้ำเสียงตี้ฝูอีข่มกลั้นโทสะเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

ฝ่ามือของเขาที่กุมข้อมือเธอไว้เปียกชื้น กู้ซีจิ่วอยากชักมือตนกลับมา แต่เห็นได้ชัดว่าเสียแรงไปโดยเปล่าประโยชน์

และเป็นเพราะออกแรงถึงได้หน้ามืดขึ้นมา ลำคอขื่นคาว แทบจะกระอักเลือดออกมาอีกคำแล้ว

เธอหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสะกดเอาไว้ ตาลายจนเห็นดาวทองแล้ว…

“อย่าขยับ!”

ตี้ฝูอีเอ่ยเสียงหนักยิ่งนัก เจือความแหบไว้ด้วย

“วางเรื่องอื่นลงก่อน ให้ข้าดูแผลเจ้าหน่อย…”

กู้ซีจิ่วจึงไม่ขยับอีก หลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้เขาจับชีพจรที่ข้อมือเธอ

เธอยังคงมีสติยิ่งนัก ต่อให้ในใจไม่อยากแตะเนื้อต้องตัวกับเขาอีกแล้ว ก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาอย่างหัวชนฝายิ่งนักเช่นกัน

เธอรู้ว่าต่อให้เขาตัดรักหมดอาลัยแล้ว ก็ไม่คิดจะทำร้ายเธอจริงๆ อยู่ดี…

อีกอย่างวิชาแพทย์ของเขาก็ยอดเยี่ยมจริงๆ ต่อให้สู้เธอไม่ได้ แต่ก็เก่งกว่าคุณชายไผ่ขจีแน่นอน…

“แผลอยู่ตรงไหน?”

ผ่านไปสักพัก ตี้ฝูอีก็ปล่อยมือเธอ กระซิบถามเธอ

“ชายโครงด้านซ้าย…”

ตี้ฝูอีชะงักไปแวบหนึ่ง ตำแหน่งนี้เป็นจุดสงวนอยู่บ้าง จะต้องเลิกอาภรณ์ของเธอขึ้น

“ล่วงเกินแล้ว”

เขาเม้มปากนิดๆ เลิกเสื้อของเธอขึ้น ในที่สุดก็มองเห็นแผลนั้นแล้ว สูดลมหายใจอันเย็นเยียบเข้าไปแวบหนึ่ง

แผลนั้นดูคล้ายกับปากของเด็กน้อยที่กำลังอ้าเผยอด้วยความโกรธเกรี้ยว รอบๆ แผลมีวงสีม่วงอมเขียววงหนึ่งสีแดงวงหนึ่งซ้ำยังมีสีเหลืองไหม้อีกวงหนึ่งด้วย…ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

บนปากแผลทายาไว้แล้ว แต่ยานั้นกลับไม่ตรงกับโรคพอจะฝืนห้ามเลือดได้เท่านั้น ทำให้ปากแผลสมานเข้าหากันไม่ได้…

พิษเช่นนี้…

เขาก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน

เขากำมือแน่น ตอนนั้นเขาแค่สังเกตเห็นว่านางบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่เห็นนางเลือดออกตรงไหน และไม่ได้กลิ่นอื่นใด หลงนึกว่านางบาดเจ็บภายในธรรมดาๆ ด้วยวิชาแพทย์ของนาง สามารถรักษาตัวได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงยอมปล่อยให้นางจากไปโดยไม่ติดตามมา…

เขารู้จักสภาพร่างกายของนางดี ยากนักที่จะติดพิษได้ ถึงขั้นที่เขาเคยนึกสงสัยว่าชาตินี้จะมีวันที่นางถูกพิษหรือไม่? กลับนึกไม่ถึงเลยว่าหนนี้…

เขาคำนวณพลาดไปแล้ว!

อวิ๋นชิงหลัวมีความแค้นลึกล้ำอันใดกับนางกันแน่ พบหน้ากันครั้งแรกก็ลงมือต่อนางอย่างโหดเหี้ยมปานนี้เชียวหรือ?

เดิมทีเขานึกว่าอวิ๋นชิงหลัวแค่อยากขโมยลูกเซี่ยจื้อกับเด็กคนนั้นมาจากกู้ซีจิ่ว ด้วยเหตุนี้จึงถูกภูตผีสิงใจให้อยากสังหารคนเพื่อปิดปากขึ้นมาชั่วขณะ

แต่พอเห็นพิษนี้ของนางแล้ว เป็นการใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยแท้ ไม่เพียงแต่อยากให้กู้ซีจิ่วตายเท่านั้น ยังคิดจะทรมานนางด้วย…

เขามองสีหน้าของกู้ซีจิ่ว สีหน้าซีดเซียวอย่างร้ายกาจ เบ้าตาเขียวคล้ำ ริมฝีปากเป็นสีม่วง แห้งผาก…

เนื่องจากไม่มีเวลาจัดการ ตอนนี้นางจึงยังอยู่ในคราบของนางกำนัลเย่

ถึงอย่างไรก็เป็นการแปลงโฉม ต่อให้ผิวหนังแทบจะแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน แต่อย่างไรก็มีผิวหนังหุ้มอยู่ชั้นหนึ่ง ไม่อาจมองเห็นสีสันที่แท้จริงของผิวพรรณนางได้ชัดเจน

ตี้ฝูอียื่นมือไปจัดการทำความสะอาดดวงหน้าพริ้มเพราของนาง ใช้น้ำยาพิเศษสำหรับทำความสะอาดอุปกรณ์แปลงโฉมของนาง เผยโฉมหน้าดั้งเดิมออกมา…

ตี้ฝูอีสูดหายใจอีกครา เมื่อใบหน้าดั้งเดิมของนางถูกเผยออกมาสัญญาณของการถูกผิดก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ริมฝีปากที่เคยอิ่มเอิบชุ่มฉ่ำหมองคล้ำแห้งระแหง ดวงหน้าที่ซีดขาวอมเขียวอมเหลือง ขนตาที่เดิมทีดกหนาก็แฝงความเหลืองโรยรา ราวกับพร้อมจะหลุดร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ…