ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****251:**สายเลือดจักรพรรดิ (1)

เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างขื่นขม “พี่สาวที่รัก สถานการณ์ได้ดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว มีหรือที่ข้าจะไม่กล้าทำอะไรอีก? เพียงแค่บอกมาว่าเจ้าต้องการให้ทำอะไร!”

“ความจริงก็คือมันแป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ!” เทพธิดาชิงหยุนพูดออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ตาเฒ่าเฟิงบอกว่าซ่งจงได้รับการช่วยเหลือจากเหลยซานเอ๋อ นอกจากนี้นางยังเรียกเขาว่าฝ่าบาทน้อย!”

“เห็นได้ชัดว่าตาเฒ่าเฟิงนั้นกล่าววาจาไร้สาระ!” นักบวชฮัวอวิ๋นตอบกลับ “ซ่งจงนั้นเติบโตในสำนักเสวียนเทียน แล้วเขาจะเป็นฝ่าบาทของเหล่าอสูรกายได้อย่างไรกัน?”

“ใครสนใจกันว่านี่คือเรื่องไร้สาระหรือไม่!” เทพธิดาชิงหยุนกล่าวออกมา “นับตั้งแต่ที่เจ้าเป็นจ้าวสำนัก ถ้าหากเจ้ากล่าวสิ่งใด ทุกอย่างจะเป็นความจริง!”

“ว่าอะไร?” นักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้นจึงเข้าใจทันทีพร้อมตอบกลับ “เจ้าต้องการให้ข้าบอกว่าซ่งจงเป็นสายลับให้กับเหล่าอสูรกายงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง เจ้าเป็นจ้าวสำนัก ถ้าหากประกาศเรื่องนี้ออกไปทุกคนย่อมเชื่อเจ้า แม้ว่าซ่งจงรอดชีวิตกลับมา เขาจะกลายเป็นศัตรูของทุกคนทันที แม้ว่าเขาจะกล่าวอะไรออกมาก็จะไม่มีผู้ใดเชื่อถือเขา!” เทพธิดาชิงหยุนกล่าวอย่างเยือกเย็น “เช่นนี้เราไม่ต้องเกรงกลัวว่าเขาจะพูดความจริงออกมา นับตั้งแต่ที่เขาเป็นสายลับให้กับอสูรกาย ทุกสิ่งที่เขาพ่นออกมาจะเป็นเรื่องโกหกแม้ว่ามันคือเรื่องจริง!”

“เรื่องนั้น…” ฮัวอวิ๋นก้มหน้าลงพร้อมกับไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “พี่สาว การที่เราจะประกาศเช่นนั้นไม่ง่ายเลย ทุกคนรู้ดีว่าซ่งจงเกิดในสำนักเสวียนเทียนและเติบโตที่นี่ เขาแทบไม่เคยออกไปพบเจอกับโลกภายนอก แล้วจะกลายเป็นสายลับได้อย่างไร? แม้ข้าจะประกาศออกไปเช่นนั้น ก็คงไม่มีใครเชื่อถืออย่างแน่นอน!”

“ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราควรพูดถึงครอบครัวของเขาด้วย!” เทพธิดาชิงหยุนกล่าวออกมาอย่างเกลียดชัง “ถ้าข้าจำไม่ผิด บิดาของซ่งจงนั้นไม่รู้ชาติกำเนิดของตนเอง! เพียงกล่าวออกไปว่าเขาเป็นสายลับให้กับเหล่าอสูรกายและลูกชายของเขาก็เดินตามรอยเช่นกัน ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ผู้คนควรจะเชื่อถูกต้องไหม?”

“เรื่องนั้น…” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินที่นางกล่าว เขาขมวดคิ้วทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น

เทพธิดาชิงหยุนที่เห็นเช่นนั้น นางสั่นศีรษะตนเองอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดต่อพวกเขา ที่จริงแล้วเฉียนหวู่ไม่น่าลงมือเช่นนั้น นางทำมากเกินไปจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เขาเป็นถึงศิษย์หลักของพี่หง เรื่องนี้ทำให้เจ้ารู้สึกเหมือนกำลังหักหลงสหายของตนสินะ แต่ในตอนนี้เรื่องราวนั้นเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ถ้าหากไม่สร้างเรื่องให้ซ่งจงกลายเป็นสายลับ ไม่เพียงแต่เจ้าจะสูญเสียชื่อเสียงของตนเองทั้งหมด ข้ายังจะต้องโดนลากลงไปในเหวกับเจ้าด้วย ช่วงเวลาที่เรื่องของข้ากับตาเฒ่าเฟิงถูกเปิดเผย แน่นอนว่าข้าจะหลุดพ้นตำแหน่งผู้นำหอเฉวียนจี้ทันที แม้ว่าหอคุมกฎจะไม่สามารถจัดการกับข้าได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าในตอนนี้!”

“เฮ้อ!” นักบวชฮัวอวิ๋นถอนหายใจยาวพร้อมตอบกลับอย่างไร้หนทาง “ลืมมันไปเถอะ ตั้งแต่ที่ข้ามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ข้าก็กลายเป็นคนชั่วช้ามาตั้งแต่แรกแล้ว!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างหดหู่พร้อมก้มศีรษะลงอย่างเจ็บปวดหัวใจ

“เฮ้อ!” เมื่อเทพธิดาชิงหยุนได้ยินเช่นนั้น นางถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวออกมา “ข้ารู้ว่าศิษย์พี่หงนั้นให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้มาก หากเจ้าทำให้ครอบครัวของเขากลายเป็นสายลับของอสูรกาย ศิษย์พี่หงของเจ้าที่อารมณ์ร้อนเช่นนั้นคงจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเจ้าทันที ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการกระทำของเฉียนหวู่ในครั้งนั้นจะสร้างคลื่นลูกใหญ่ในอนาคตเช่นนี้ อีกทั้งยังทำให้เจ้าต้องสูญเสียเหล่าพี่น้องของตนเองด้วย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดข้าเอง!”

“พี่สาวไม่ต้องกล่าวสิ่งใดต่อแล้ว!” นักบวชฮัวอวิ๋นโบกมือพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “แม้ว่าข้ากับศิษย์พี่หงจะรู้จักกันมายาวนานหลายร้อยปีแต่มันไม่อาจเทียบเท่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของเราได้ นอกจากนี้เขาเคยทำให้ข้าผิดหวังด้วยการปฏิเสธการแต่งงาน ทำให้ข้าเสียหน้าอย่างมากจนไม่อายเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง ถ้าหากไตร่ตรองอย่างละเอียด เขาควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้! อีกทั้งเขาไม่สามารถตำหนิข้าในเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบแล้ว อย่างมากที่สุดข้าก็คงพ่ายแพ้เขาสักครั้ง!”

เทพธิดาชิงหยุนรู้ว่าการที่ฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาเหมือนทุกอย่างเรียบง่าย แต่ภายในใจของเขานั้นแตกสลาย มันเป็นเพียงนางที่ไม่รู้วิธีปลอบใจเขาเท่านั้น นางจึงตอบกลับด้วยอารมณ์ที่เศร้าโศก “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น มาสรุปเรื่องนี้กันเถิด ถ้าซ่งจงกลายเป็นสายลับ เหรียญหัวหน้าทะเลตะวันออกที่เขาได้รับอาจถูกยึด แต่ไม่ต้องกังวลเนื่องจากเกาะไผ่เขียวนั้นเป็นของเจ้าแล้ว มันก็จะเป็นของเจ้าในอนาคต ตาเฒ่าเฟิงนั้นสร้างปัญหามากเกินไป เราจะให้เขาจ่ายในราคาที่สมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน!”

“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม! ข้าต้องใช้เกาะไผ่เขียวเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

อย่างไรก็ตาม เทพธิดาชิงหยุนรับรู้ได้ว่ารอยยิ้มนั้นปกปิดสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ใบหน้าของเขาพร้อมที่จะร้องไห้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากเรื่องราวได้ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เทพธิดาชิงหยุนไม่ได้กล่าวอะไรต่อพร้อมจากไป นักบวชฮัวอวิ๋นส่งนางออกไป จากนั้นเขากลับมายืนมองพระจันทร์ที่สว่างไสวเต็มฟ้า เขาพึมพำกับตนเองอย่างช่วยไม่ได้ “ดวงจันทร์เปล่งประกายเจิดจ้าในขณะที่หัวใจข้ามืดสนิท ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าข้านักบวชฮัวอวิ๋น จะได้ลงมือทำเรื่องที่ชั่วร้ายเช่นนี้ในชีวิต! ศิษย์พี่หง น้องชายผู้นี้ทำให้ท่านผิดหวังและผิดคำพูด! อ้วนน้อยเจ้าก็ไม่สามารถกล่าวโทษข้าได้เช่นกัน ใครกันขอให้เจ้าเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเราทุกคนเช่นนี้? ถ้าหากเจ้าไม่ตาย ข้าก็คงไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ ดังนั้นขอโทษด้วยที่ข้าทำให้เจ้าผิดหวัง!”

เมื่อเขากล่าวจบ นักบวชฮัวอวิ๋นนั่งลงที่โต๊ะทำงานพร้อมเขียนบางสิ่งอย่างเร่งด่วน

ในตอนนี้ซ่งจงได้ตื่นขึ้นมาแล้วหลังจากหมดสติไปเป็นเวลานาน

หลังจากที่ซ่งจงตื่นขึ้นมาแล้ว เขาลืมตามาพบกับใบหน้าที่สวยงามและเต็มไปด้วยสติปัญญา

อย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่สวยงามนั้นทำให้ซ่งจงตกใจจนแทบตายอยู่ตรงนั้น เขาเกรงกลัวจนตัวสั่น เหตุผลนั้นไม่มีอะไรมากแต่เป็นเพราะซ่งจงนั้นจดจำใบหน้านี้ได้อย่างดีมันคือใบหน้าของ ราชันเหยี่ยวฟ้าเหลยซานเอ๋อ

แน่นอนว่าเหลยซานเอ๋ออยู่ในระดับตำนานของกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก ผู้ฝึกตนหลายพันคนตายตกไปในมือของนาง แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันยังไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้! สำหรับซ่งจงที่เผชิญหน้ากับบุคคลอันตรายเช่นนี้ เขาจะไม่เกรงกลัวได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของซ่งจง เหลยซานเอ๋อตกใจพร้อมถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวทันที จากนั้นนางกล่าวออกมาอย่างน่าเวทนา “ฝ่าบาทน้อย เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนั้น? ข้าเป็นคนดีนะ!”

เมื่อมองใบหน้าของเหลยซานเอ๋อ ซ่งจงรู้สึกผิดเล็กน้อยพร้อมกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “เรื่องนั้น คือว่า… เหอะ ๆ”

หลังจากตอบกลับเช่นนั้น เขาไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อ เขาตระหนักได้ว่าเหลยซานเอ๋อปฏิบัติกับเขาราวกับว่าเป็นคนสำคัญของอสูรกายไม่ใช่ผู้ฝึกตนของโลกมนุษย์ ซ่งจงนั้นไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ ในตอนนี้เขาทำได้เพียงเงียบไว้ ถ้าหากเหลยซานเอ๋อรู้ความจริง นางคงจะฉีกเขาเป็นชิ้นเพื่อให้อาหารปลา

เมื่อเหลยซานเอ๋อมองซ่งจงที่หัวเราะออกมาอย่างโง่เขลา นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฝ่าบาทน้อย ข้าคือเหลยซานเอ๋อ อินทรีย์สายฟ้า ข้าเป็นทูตของจักรวรรดิทะเลตะวันออก ท่านมาจากไหน เหตุใดจึงถูกไล่ล่าโดยผู้ฝึกตนมนุษย์?”

“เรื่องนั้น…” ซ่งจงลูบหัวตนเองพร้อมตอบกลับอย่างขมขื่น “ข้าจำไม่ได้จริง ๆ! เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าเป็นเช่นนั้น?”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้นซ่งจงเริ่มมองไปรอบ ๆ และพบว่าเขาอยู่ในห้องที่สวยงาม ทุกอย่างตกแต่งอย่างลงตัวด้วยสีชมพู แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ได้จะต้องร่ำรวยอย่างมาก อีกทั้งซ่งจงนอนอยู่บนเตียงของนาง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยผ้าไหมที่นุ่มสบาย ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก

สำหรับเหลยซานเอ๋อ นางนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อได้ยินซ่งจงกล่าวเช่นนั้น นางตกใจอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาทน้อย เพื่อช่วยเหลือพวกเราท่านได้ต่อสู้กับผู้ฝึกตนที่น่ากลัวและถูกพลังของเขาระเบิดใส่ กระดูกของท่านแตกหักจำนวนมาก ท่านจึงได้รับบาดเจ็บที่สมองและสูญเสียความทรงจำไปชั่วคราว เป็นเช่นนี้?”

“อา!” ซ่งจงพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “อาจจะเป็นเช่นนั้น!”

“โอ เป็นเรื่องที่แย่จริง ถ้าหากสูญเสียความทรงจำจริง ๆ ท่านจะกลับบ้านได้อย่างไร?” เหลยซานเอ๋อรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

“ฮ่าฮ่า!” ซ่งจงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้าจะรอจนกว่าจะฟื้นคืนความทรงจำได้ เอาล่ะ ทำไมเจ้าจึงเรียกข้าว่าฝ่าบาทน้อย?”

“ท่านยังต้องถามอีกงั้นหรือ? ท่านคือผู้สืบทอดสายเลือดบริสุทธิ์ของจักรพรรดิอสูรกาย เหล่าอสูรกายทุกตนจะต้องเรียกท่านว่าฝ่าบาทน้อย!” เหลยซานเอ๋ออธิบายด้วยรอยยิ้ม

“สายเลือดของจักรพรรดิอสูรกาย?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างขื่นขมพร้อมกล่าวต่อ “มันคืออะไร?”

“โอ เรื่องนี้ท่านก็ลืมเลือน?” เหลยซานเอ๋อหัวเราะอย่างขื่นขมพร้อมอธิบาย

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ปรากฏว่าเหล่าอสูรกายต่าง ๆ ที่อยู่บนระฆังทองแดงนั้นเป็นลูกหลานของจักรวรรดิอสูรกายทั้งสิ้น อสูรกายเหล่านี้ได้แก่เทพเจ้ามังกร พยัคฆ์ขาว เต่าดำ หงส์อัคคี นกฟีนิกซ์ กวางเก้าสีและอื่น ๆ ทั้งหมดถูกเรียกว่าจักรวรรดิอสูรกาย หลังจากผ่านมาหลายชั่วอายุคน มีการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดทำให้ทั้งหมดแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามเหล่าอสูรกายต่าง ๆ จะมีสายเลือดที่ใกล้ชิดกับจักรพรรดิอสูรกายอย่างมาก ทั้งหมดมักจะสืบทอดความทรงพลังของจักรพรรดิอสูรกายและถูกสร้างให้เป็นผู้นำ เมื่อเวลาผ่านไปทั้งหมดถูกเรียกว่าสายเลือดแห่งจักรพรรดิอสูรกาย!

หลังจากที่ซ่งจงเข้าใจความหมายของเลือดจักรพรรดิ เขายังคงมีความสับสนอยู่ ท้ายที่สุดเขาถามออกไปอย่างระมัดระวัง “ซานเอ๋อ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามีสายเลือดแห่งจักรพรรดิอสูรกาย?”

“สวรรค์ ท่านลืมทุกสิ่งจนหมดสิ้น!” เหลยซานเอ๋อยกฝ่ามือลูบหน้าของตนเองก่อนที่จะอธิบาย “ฝ่าบาทน้อยท่านเป็นสายเลือดที่ยิ่งใหญ่ของเต่าดำ ท่านมีเส้นสายธารโลหิตและยังมีลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเต่าดำ สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้!”