บทที่ 1307 เจ็บนานๆ ไม่สู้เจ็บสั้นๆ / บทที่ 1308 พวกแกตั้งใจก่อกบฎ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1307 เจ็บนานๆ ไม่สู้เจ็บสั้นๆ

ตรงกับที่เรียกว่า เจ็บนานๆ ไม่สู้เจ็บสั้นๆ …

เยี่ยหวันหวั่นจ้องตั๊กแตนทอดหนึ่งจาน ไม่พูดมากความ แทบจะใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิตกินจานมังกรบินจนหมดเกลี้ยง

กดความอยากอาเจียนรุนแรง เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย “อร่อย”

อร่อย MMP แกสิ!

“งั้นเอามาอีกจาน ปกติพี่เฟิงกินสองสามจานแน่ะ” เป่ยโต่วเอ่ยปาก

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก เป่ยโต่ว เชื่อไหมว่าบิดาจะต่อยแกเป็นไอ้โง่ในหมัดเดียว แม่งเอ๋ย!?

ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก เสียงหัวเราะเย็นชาก็ดังมาจากนอกประตู

วินาทีถัดมา ประตูห้องอาหารส่วนตัวก็ถูกเปิดออก ชายสิบกว่าคนพรั่งพรูเข้ามาภายใน

ที่นำหน้าเป็นชายวัยกลางคนแต่งชุดสูทรองเท้าหนังและสวมแว่นตากรอบทอง

“ท่านผู้นำพันธมิตร ยังไม่ตายอีกเหรอครับ” ชายชุดสูทมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วหัวเราะเอ่ย

เยี่ยหวันหวั่นหันมองชายสวมแว่นตา แม้น้ำเสียงท่าทางของคนคนนี้จะเย่อหยิ่งเหลือคณา แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับตื้นตันสุดหัวใจ ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายโผล่มากะทันหัน เจ้าเป่ยโต่วนั่นก็เกรงว่าจะยังสั่งตั๊กแตนทอดอีกสองจานมาให้ตัวเอง…

เห็นชายสวมแว่นตา ชีซิงมีสีหน้าไร้อารมณ์ ส่วนเป่ยโต่วขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองเยี่ยหวันหวั่นพร้อมเอ่ยเสียงเบา “พี่เฟิง…เขาคือหลี่โม่เฉิน เป็นลูกนอกสมรส ที่ผู้อาวุโสสามของพันธมิตรอู๋เว่ยหลี่ซือตามหากลับมาจากข้างนอกเมื่อห้าปีก่อน”

ได้ยินคำพูดของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นประหลาดใจเล็กน้อย แบบนี้ก็หมายความว่า ชายสวมแว่นตานี่ก็คือคนของพันธมิตรอู๋เว่ย แต่เขากลับกล้าหยิ่งผยองระรานผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย มีสิทธิ์อะไรกัน

“เฮ้อ พี่เฟิงหลายปีมานี้ที่พี่จากไป พันธมิตรอู๋เว่ยไม่เหมือนพันธมิตรอู๋เว่ยเมื่อก่อนแล้ว ภายในแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ผู้อาวุโสหลายคนรวมตัวกันสร้างฝ่ายของตัวเอง และอำนาจส่วนใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ยตอนนี้ก็อยู่ในกำมือของตาแก่พวกนั้น เจ้าหลี่โม่เฉินนี่ก็เป็นแค่ลูกคุณชาย อาศัยอำนาจของผู้อาวุโสสาม ไม่มองใครในสายตา ในพันธมิตรอู๋เว่ยก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา” เป่ยโต่วถอนใจเสียงเบา

ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนผู้นำพันธมิตรยังไม่หายตัวไป ทั่วทั้งบนล่างพันธมิตรอู๋เว่ย ใครหรือจะกล้าไม่เคารพผู้นำพันธมิตร!

ไม่ต้องพูดถึงลูกนอกสมรสของผู้อาวุโสสามหลี่โม่เฉินผู้นี้ แม้แต่ตัวผู้อาวุโสสามเอง เห็นผู้นำพันธมิตรก็ต้องเคารพนอบน้อมและซื่อสัตย์

ได้ยินเสียงกระซิบอธิบายของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นก็เข้าใจแล้ว

ตอนนี้ตำแหน่งผู้นำพันธมิตรของเธอนี้แทบจะถูกตาแกพวกนั้นที่คุมอำนาจพันธมิตรอู๋เว่ยแท้จริงทำเป็นหุ่นเชิดแล้ว แม้แต่ลูกนอกสมรสของผู้อาวุโสสามก็ยังกล้ามาหาเยือนหาเรื่อง…

“หลี่โม่เฉิน…แกมันหมาหาญเทียมฟ้า กล้าไม่เคารพผู้นำพันธมิตร” เวลานี้ชิวสุ่ยลุกขึ้นมาตวาดหลี่โม่เฉิน

“อะไรนะ ผู้นำพันธมิตร?” หลี่โม่เฉินเบ้ปาก แค่นหัวเราะเอ่ย “ผู้นำพันธมิตรหายตัวไปตั้งหลายปีขนาดนั้น เกรงว่าน่าจะตายอยู่ข้างนอกไปนานแล้ว ตอนนี้มีหมาแมวที่ไหนไม่รู้มาพูดว่าตัวเองเป็นผู้นำพันธมิตร ฉันก็ต้องคุกเข่าเทิดทูนงั้นเหรอ”

“แกมันไม่เจียมตัว!” ชิวสุ่ยขึ้นเสียงต่อว่า

“ที่นี่ไม่มีที่ให้แกพูด!” เวลานี้หลี่โม่เฉินพลันยกแก้วไวน์แดงในมือ ไวน์แดงทั้งแก้วถูกหลี่โม่เฉินสาดใส่หน้าชิวสุ่ยภายใต้การจ้องมองของทุกคน

“วอนหาที่ตาย!”

เป่ยโต่วโมโหลุกพรวดขึ้นในทันที

“หลี่โม่เฉิน วันนี้มารดาไม่อัดแกให้ตาย มารดาก็แซ่เดียวกับแก…” ชิวสุ่ยหน้าทะมึน ก้าวใหญ่ๆ ไปหาหลี่โม่เฉิน

แต่ชิวสุ่ยยังก้าวไม่ถึงสองเก้า ก็กลับถูกชายฉกรรจ์หลายคนขวางไว้ ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้หลี่โม่เฉิน

“ฮ่าๆๆ ชิวสุ่ย แกมันก็แค่หมาของพันธมิตรอู๋เว่ยเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องฉัน” ท่าทีของหลี่โม่เฉินไร้ซึ่งความกลัวเกรงจากการมีคนหนุนหลัง

————————————————————————————-

บทที่ 1308 พวกแกตั้งใจก่อกบฎ

หลี่โม่เฉินพูดพลางหัวเราะเยาะพลาง “ชิวสุ่ย แกรอดู ไม่ช้าเร็วบิดาจะเปลื้องผ้าแก ทำให้แกจำนนทั้งหัวใจ!”

“แก…”

ได้ยินอีกฝ่ายพ่นคำพูดหยาบคายแบบนี้ ชิวสุ่ยสีหน้าทะมึนเหมือนจะควบแน่นเป็นหยดน้ำได้อยู่แล้ว

ไม่รอให้ชิวสุ่ยพูดต่อ เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นพลันลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปทางหลี่โม่เฉิน

“ไสหัวไป”

ดวงตาเย็นเยียบถึงขั้วกระดูกของเยี่ยหวันหวั่นกวาดมองชายฉกรรจ์ที่ล้อมรอบตัวเอง

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นขมวดหัวคิ้วน้อยๆ ทันที หลบก็ไม่ได้ ไม่หลบก็ไม่ได้อีก

“โอ้…พวกแก ตั้งใจ…ก่อกบฏ?” เยี่ยหวันหวั่นยกมุมปากน้อยๆ วาดแววเย็นชาเยือกแข็งสุดขั้วกระดูก

ทันทีที่สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ตกอยู่ในห้วงความคิด ใบหน้าเผยสีหน้าลังเล

ไม่ว่ายังไงผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้ก็ยังเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย…

“ไสหัวไป!”

เยี่ยหวันหวั่นตะคอกเสียงเฉียบขาด

พวกชายฉกรรจ์เบี่ยงตัวน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว

เยี่ยหวันหวั่นย่ำเท้าทีเดียวเข้ามาประชิดตัวหลี่โม่เฉินในชั่วพริบตา

“นี่แกยังมองว่าตัวเองเป็นบอสของพันธมิตรอู๋เว่ยอยู่จริงๆ เหรอ!” หลี่โม่เฉินยกแก้วไวน์ในมือตั้งท่าจะฟาดมันใส่ตัวเยี่ยหวันหวั่น

แต่ยังไม่รอให้หลี่โม่เฉินลงมือ เยี่ยหวันหวั่นก็ยกแขนขึ้น

วินาทีถัดมา ได้ยินแค่เสียง ‘เพียะ’ ดังก้อง เยี่ยหวันหวั่นพลิกฝ่ามือวาดใส่ใบหน้าของหลี่โม่เฉินเสียงกังวาน

“แก…แกกล้า…” เวลานี้หลี่โม่เฉินมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

‘เพียะ!’

‘เพียะ!’

หลี่โม่เฉินยังพูดไม่จบ เยี่ยหวันหวั่นก็หัวเราะเยาะ พลิกมือตบหน้าเสียงกระจ่างอีกสองครั้ง

“แกเป็นตัวอะไร” เยี่ยหวันหวั่นมองหลี่โม่เฉิยที่ถูกตัวเองตบจนมึนงงพลางเอ่ยปากเสียงเย็น “พ่อแกเจอฉันยังไม่กล้าจองหองแบบนี้ ฉันถามแก แกเป็นตัวบัดซบอะไร!”

‘เพียะๆ!’

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็ตบเสียงดังใส่หน้าหลี่โม่เฉินอีกหลายที

จำต้องพูดว่าหนังหน้าของหลี่โม่เฉินนี่หน้าจริงจริงๆ มือเธอเจ็บตุบๆ แล้ว…

“ฉันจะฆ่าแก!”

หลี่โม่เฉินที่ได้สติกลับมาโกรธจัดทันใด ตั้งท่าจะลงมือ

แต่ชั่วเวลานี้เอง ร่างของเป่ยโต่วพลันวาบเข้ามาจากข้างหลังควบคุมหลี่โม่เฉินไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัว

“เป่ยโต่ว…แกไอ้ลูกโสเภณี…แกรอก่อน ฉันจะให้พ่อฉันฆ่าแก!” หลี่โม่เฉินคำราม

“โอ้ ไอ้ลูกหมา แกจะให้พ่อแกฆ่าฉัน? เอาสิ วันนี้บิดาฆ่าแกก่อน แกลงไปรอบิดาข้างล่าง” เป่ยโต่วพ่นลมจมูกดูถูก

“พวกแกมัวเหม่อหาอะไร มาอัดมัน!” หลี่โม่เฉินขยับไม่ได้จึงมองชายฉกรรจ์รอบด้านอย่างโมโห

ชายฉกรรจ์พวกนี้ทั้งหมดเป็นลูกน้องของพ่อเขา เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอด!

“นี่…”

หัวหน้าชายฉกรรจ์เผยสีหน้าลังเล หลี่โม่เฉินสามารถอาศัยอำนาจของผู้อาวุโสสามทำตัวไม่มีขื่อมีแป แต่พวกเขาหาทำแบบนั้นได้…

ถ้าลงมือกับผู้นำพันธมิตร…

“อยากตาย ก็ขยับแม้แต่นิดเดียวสิ” สายตาของเยี่ยหวันหวั่นราวกับกริชแหลมคม

สุดท้ายชายฉกรรจ์ที่หลี่โม่เฉินพามาก็ยังถูกสยบด้วยกลิ่นอายของเยี่ยหวันหวั่น ไม่กล้าขยับใดๆ ได้แต่ยืนอยู่กับที่ไม่เปล่งเสียงสักแอะ

“พวกแกหูหนวกเหรอวะ!” หลี่โม่เฉินเห็นคนใต้อาณัติตัวเองไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อยก็ตะคอกอย่างโมโหทันที

‘เพียะ!”

สิ้นเสียงของหลี่โม่เฉิน เยี่ยหวันหวั่นก็ตบหน้าหลี่โม่เฉินอย่างแรงอีกหนึ่งฉาด

ไม่เปิดโอกาสให้หลี่โม่เฉินเอ่ยปาก เยี่ยหวันหวั่นหยิบตะเกียบหนึ่งแท่งจากบนโต๊ะอาหารมากดแน่นลงบนลำคอของหลี่โม่เฉิน