บทที่ 632 สู้บนสังเวียน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

พอเห็นชายตาสามเหลี่ยมที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้น สายตาของทุกคนที้มองไปที่เขาก็มีแต่ความเห็นใจ

“โอ้ว! เตะไปตำแหน่งนั้น ไอ้หนุ่มนี่ไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ?”

“โหดแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ดูดีๆ สิว่าเขาทำร้ายใครเข้า?”

“เหมือนฉันจะจำได้ว่าชายตาสามเหลี่ยมนี่มันจะเป็นคนที่อยู่กับปรามจารย์ซามูไรไม่ใช่เหรอ? ทีนี้ไอ้หนุ่มนั่นซวยแน่!”

ทุกคนต่างหันมากระซิบกระซาบกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือไม่มีใครคิดว่าเย่เทียนจะเป็นฝ่ายชนะเลย

“แม้แต่มีดยังจับไม่แน่น เรียกนายว่าสวะนี่มันไม่ได้เกินไปจริงๆ!”

เย่เทียนไม่ได้สนใจคำซุบซิบของคนอื่นเลย ใช้ขาเกี่ยวมีดสั้นที่ชายตาสามเหลี่ยมทำตกเมื่อกี้ขึ้นมา กะจังหวะแล้วนั่งลงบนตัวของชายตาสามเหลี่ยม จากนั้นก็จ่อมีดสั้นไปที่คอของเขา “เสียงดังน่ารำคาญ แหกปากพอรึยัง?”

พอรับรู้ถึงอะไรเย็นที่แตะอยู่ตรงคอ ชายตาสามเหลี่ยมก็รีบหุบปากทันที จ้องมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น ทำท่าเหมือนไม่เสียใจ ตะคอกออกไปว่า “แน่จริงแกก็ฆ่าฉันสิ! ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มีทางปล่อยแกไป! คุณยามาโมโตะก็ไม่มีทางปล่อยแกไปเหมือนกัน!”

“คุณยามาโมโตะ?”

เย่เทียนพึมพำกับตัวเอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “ในเมื่อนายพูดมาแบบนี้แล้ว ฉันก็อยากเจอหน้ายามาโมโตะบ้าบออะไรนั่นแล้วสิ!”

ระหว่างที่พูด เย่เทียนก็ชักมีดสั้นที่จ่อคอชายตาสามเหลี่ยมกลับ จากนั้นก็แทงกลับไปทันที!

ฉึก!

ใบมีดคมๆ ปักเข้าไปที่แขนของชายตาสามเหลี่ยม เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาเหมือนก๊อกที่ถูกเปิด เสื้อถูกย้อมแดงอย่างรวดเร็ว

“อ้า!”

รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นมาจากแขน ชายตาสามเหลี่ยมก็โอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ยังไม่มีใครมาอีกเหรอ?”

เย่เทียนใช้หางตาเหลือบมองไปยังทุกคนที่กำลังมุงดูอยู่อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าที่สงสัยขึ้นมา

ปกติแล้ว ถ้ามีการทะเลาะวิวาทแบบนี้เกิดในบ่อน และตอนนี้ก็ถึงขั้นมีเลือดตกยางออกแล้ว แต่รปภ.ของบ่อนก็ยังไม่มาเลย ยังไงมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นะ

“หรือไอ้หมอนั่นจะไม่ใช่คนของ แก๊งภูเขา? หรือแก๊งภูเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบ่อนนี้?”

เย่เทียนบ่นอยู่ในใจ จึงไม่ได้ทรมานชายตาสามเหลี่ยมนั่นต่อ ปัดๆ ก้นแล้วลุกขึ้นมา ไม่อยากสนใจชายตาสามเหลี่ยมอีก แล้วเดินออกไปข้างนอกราวกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง

เหล่านักพนันที่มุงดูจะไปกล้าขวางคนโหดแบบเย่เทียนได้ยังไง จึงรีบหลีกทางให้เย่เทียนออกไปแต่ว่า พอเย่เทียนเดินไปถึงหน้าประตูและกำลังจะออกจากโซนพนันตรงชั้นหนึ่งนั้น ก็มีหญิงสาวใส่ชุดกระโปรงสายเดี่ยวสั้นๆ ที่เซ็กซี่เดินเข้ามา กอดแขนของเย่เทียนไว้อย่างรู้งาน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มหวานๆ ว่า “สุดหล่อ คุณนี่มันช่างดูเป็นลูกผู้ชายจริงๆ เลยนะคะ!”

“คนสวย คุณไม่ใช่สเป็กของผม”

ระหว่างที่รับรู้ถึงความอ่อนนุ่มที่อยู่ตรงแขน เย่เทียนก็มองหญิงสาวด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม เตรียมที่จะดึงแขนออก

“คุณเย่ พี่เหมยกุ้ยให้ฉันฝากคำพูดมาถึงคุณค่ะ”

ทันทีที่เย่เทียนมีการขยับ หญิงสาวก็ได้ใช้แรงกอดแขนของเขาเอาไว้ ลดเสียงให้เบาลงแล้วพูดไปว่า “พี่เหมยกุ้ยบอกว่าก่อนหน้านี้คุณรีบจากไปเธอลืมบอกคุณว่า คนที่คุณตามหา ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายบนชั้นห้าค่ะ”

“ชั้นห้า? นั่นมันสนามมวยใต้ดินไม่ใช่เหรอ?”

เย่เทียนขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยพูดมาก่อนแล้ว แต่ละชั้นของเมืองที่ไม่เคยหลับแห่งนี้มีกิจการที่แตกต่างกันออกไป ส่วนชั้นที่ห้าก็เป็นโซนของมวยใต้ดินนั่นเอง!

“ใช่คะ!”

หญิงสาวพยักหน้า แล้วดึงแขนของเย่เทียนมาโอบไว้ที่เอวของตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “คนที่คุณตามหา มีส่วนเกี่ยวข้องกับ อิจิโร ยามาโมโตะ ค่ะ”

ภาพที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนที่มองอยู่ไกลๆ เข้าใจว่าทั้งสองกำลังต่อรองกันในเรื่องอย่างว่าแน่นอน

“อิจิโร ยามาโมโตะ เหรอ? แล้วหมอนี่เป็นใครอีกล่ะ?”

เย่เทียนตกใจ พอนึกถึงคุณยามาโมโตะที่ชายตาสามเหลี่ยมพูดขึ้นก่อนหน้านี้ สีหน้าก็ดูสงสัยขึ้นมาทันที

“ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในเมืองที่ไม่เคยหลับ จนถึงตอนนี้เขาได้ครองสังเวียนมาหนึ่งอาทิตย์ติดต่อกันแล้ว ถ้าคุณเย่ออยากท้าดวลกับเขาละก็ คุณก็ต้องเอาชนะคนให้ได้สามคนก่อนถึงจะมีสิทธิ์ค่ะ”

หญิงสาวส่ายหน้า แสร้งพูดอย่างไม่พอใจว่า “เอาล่ะ ข้อความที่พี่เหมยกุ้ยฝากฉันมาก็มาถึงแล้ว สุดหล่อ ขอให้คุณโชคดีนะ”

พูดจบ หญิงสาวก็เดินบิดไปอย่างสบายใจ ท่าทางที่แสดงออกมาเหมือนตกลงกับเย่เทียนไม่ได้

…..

ชั้นห้าของเมืองที่ไม่เคยหลับ คนกลุ่มใหญ่กำลังมองดูไปยังกลางสังเวียนอย่างตั้งอกตั้งใจ และตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

บนสังเวียนมีชายสองคนกำลังสู้เอาเป็นเอาตายกันราวกับสัตว์ป่า การออกหมัดที่สะใจ คอยกระตุ้นความรู้สึกของทุกคนอย่างไม่ขาดสาย จนส่งเสียงกู่ร้องออกมา

บ่งบอกว่าการต่อสู้เขาสู่ช่วงไคลแม็กซ์อย่างไม่ต้องสงสัย ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนต่างงัดทุกอย่างที่มีออกมา เพื่อที่จะล้มอีกฝ่ายให้ได้

ปั้ง!

ชายตัวเตี้ยซัดกำปั้นออกไปอย่างแรง แต่นักสู้ตัวสูงกลับไม่ได้หลบออก และใช้ร่างกายรับมันเอาไว้ตรงๆ

วินาทีต่อมา ไม่รอให้ชายตัวเตี้ยได้ทันตั้งสติ นักสู้ตัวสูงก็ยื่นมือออกไปทันที จับไปที่เข็มขัดของชายตัวเตี้ย ส่งเสียงคำรามออกมาจากปาก แล้วอุ้มชายตัวเตี้ยขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงอีกฝ่ายลงพื้นอย่างแรง

ตูม!

เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว สังเวียนทั้งสังเวียนสะเทือนไปทีหนึ่ง

ซิ่ว!

นักสู้ตัวสูงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ อาศัยตอนที่กำลังได้เปรียบยกขาถีบไปที่หัวของชายตัวเตี้ยทันที

ชายตัวเตี้ยที่น่าสงสาร หลังจากที่หัวโดนถีบเข้าไป ไม่มีแม้แต่เสียโอดครวญก็ได้สลบไปเลย

กรรมการรีบพุ่งขึ้นเวที เช็คดูสภาพของชายตัวเตี้ยอย่างละเอียด แล้วประกาศว่านักสู้ตัวสูงเป็นฝ่ายชนะ

“มีใครอีก? มีใครที่อยากขึ้นมาอีก!”

นักสู้ตัวสูงที่ชนะทำตัวราวกับเป็นไก่ที่ชนะ มองไปรอบๆ อย่างหยิ่งผยอง เหมือนไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้!

“ฉันเอง!”

แต่ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลางฝูงชน ค่อยๆ เดินขึ้นสังเวียน นอกจากเย่เทียนแล้วยังจะมีใครได้อีก?

“ไอ้หนู แกลงไปดีกว่า! จากท่าทางที่อ่อนปวกเปียกของแก ฉันใช้แค่มือข้างเดียวก็ล้มแกได้แล้ว!”

นักสู้ตัวสูงมองเย่เทียนขึ้นๆ ลงๆ แล้วส่ายหน้าอย่างไม่ให้เกียรติ

เย่เทียนไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นมือขวาออกไปแล้วคว่ำนิ้วโป้งลงอย่างกวนประสาทเท่านั้น

“เชี่ย! ไอ้หนุ่มนั่นมันกล้าเป็นฝ่ายไปหาเรื่องก่อนเลย!”

“นี่พวกเรา นี่มันเป็นโอกาสดีที่จะได้เงินก้อนโตเลยนะ ฉันแทงฝั่งนักสู้ตัวสูงแสนหนึ่ง!”

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างพากันคิดว่าเย่เทียนจะแพ้ หลักๆ ก็เพราะเมื่อเทียบกับนักสู้ตัวสูงแล้วสรีระดูผอมแห้งเกินไป!

จากการถูกเย่เทียนกวนประสาทในตอนแรก แทบจะทันทีที่เริ่มแข่ง เขาก็พุ่งใส่เย่เทียนอย่างรุนแรงอย่างรวดเร็ว

เย่เทียนเบ้ปาก ขยับขา แล้วโผล่ไปอยู่ด้านข้างของนักสู้ตัวสูงราวกับภูตผี สับฝ่ามือลงไปที่ลำคอของนักสู้ตัวสูงเบาๆ

“ไอ้หนู นี่แกเกาแก้คันให้ฉันอย่างนั้นเหรอ?”

นักสู้ตัวสูงเบิกตาโตด้วยความอึ้ง เมื่อกี้เขามองความเร็วของเย่เทียนไม่ออกเลย แต่แรงกระแทกที่เกิดขึ้นตรงลำคอมันไม่เบาไปหน่อยเหรอ? มันต่างอะไรกับการตบยุงเนี่ย?

เย่เทียนยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก แล้วเริ่มทำการนับถอยหลัง “สาม!สอง!หนึ่ง!”

ทันทีที่สิ้นเสียง จู่ๆ ร่างกายของนักสู้ตัวสูงก็กระตุก ความรู้สึกอ่อนแรงวิ่งไปทั่วตัว ร่างกายที่สูงใหญ่ล้มลงกับพื้น…..