บทที่ 633 ขอสู้กับเขาได้มั้ย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“อ้า!”

ทันทีที่เย่เทียนนับถอยหลังเสร็จ นักสู้ตัวสูงก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดอันรุนแรงที่ส่งจากภายในสู่ภายนอก เขาทนไม่ได้จนโอดครวญออกมา แล้วล้มลงกับพื้นดังปึ้ง

ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนถึงกับช็อกไปตามๆ กัน เย่เทียนแค่ตบไปที่นักสู้ตัวสูงเบาๆ แล้วทำไมเขาถึงล้มแล้วล่ะ?

“คุณยังจะมัวอึ้งอยู่ทำไม? เขาล้มไปแล้ว ยังไม่รีบขึ้นมาประกาศชัยชนะให้ผมอีก? เย่เทียนไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น พอเห็นกรรมการยังไม่ขึ้นมา จึงเบ้ปากอย่างไม่พอใจ

พอกรรมการได้ยินอย่างนั้น ถึงตั้งสติได้ และรีบขึ้นไปบนเวทีตรวจดูอาการของนักสู้ตัวสูง

“ผมขอประกาศว่า ผู้ชนะในแมตช์นี้เป็นชายนิรนามที่มาจากฝั่งตะวันออก…..!”

ผ่านไปไม่นาน กรรมการก็หันมาโบกมือให้พนักงานที่อยู่ข้างล่าง ถึงได้เดินเข้าไป จับมือของเย่เทียนอยากที่จะประกาศผลการต่อสู้ แต่กลับไม่รู้ว่าเย่เทียนชื่อว่าอะไร

“ผมชื่อเย่เทียน เย่เทียนมาจากเย่เทียน เทียนที่มากจากเย่เทียน!”

ทำไมเย่เทียนจะไม่เข้าใจสายตาที่กรรมการสื่อมา จึงได้อธิบายไปพร้อมกับรอยยิ้ม

“ผมขอประกาศว่า ผู้ชนะในแมตช์นี้เป็นผู้เข้าแข่งขันชายนิรนามที่มาจากฝั่งตะวันออกเย่เทียน!”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกไป เหล่าผู้ชมใต้เวทีที่เสียเงินก็ได้โห่ร้องออกมาอย่างไม่พอใจ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมผู้เข้าแข่งขันตัวสูงถึงล้มไปทั้งอย่างนั้นล่ะ?”

“ล้มมวยชัดๆ! นี่มันต้องเป็นการล้มมวยแน่นอน!”

“ประท้วง! ประท้วง! ผู้เข้าแข่งขันตัวสูงต้องล้มมวยแน่นอน!”

“คือ….”

พอเห็นทุกคนกำลังโห่ร้อง กรรมการก็ทำหน้าไม่ถูกขึ้นมา และไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

ความจริงแล้ว ถึงเขาจะเป็นคนตรวจดูอาการของนักสู้ตัวสูงจริง แต่ก็มองไม่เห็นความผิดปกติตรงไหน จึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเป็นการล้มมวยเหมือนกัน

“เขาไม่ได้ล้มมวย!”

ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงที่ค่อนข้างชราก็ได้ดังเข้ามาในหูของทุกคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “เขาใช้วิชาสกัดจุดของประเทศจีน”

พอทุกคนได้ยินอย่างนั้น ก็รีบหันมองไปทางต้นเสียง ดวงตาสีดำของเย่เทียนก็หันมองไปด้วยเหมือนกัน อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก

คนที่พูดเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบ ใส่ชุดกิโมโนที่ค่อนข้างหลวม เหมือนกระบี่ที่แหลมคมเล่มหนึ่ง เห็นแล้วก็รู้เลยว่าเป็นคนที่แข็งแกร่ง และไม่กล้าสบตากับแววตาที่ดูไม่สะอาดคู่นั้น

เขาไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นชายที่ครองสังเวียนมานานเป็นอาทิตย์ ชายที่มาจากประเทศหมิง ปรมาจารย์แห่งดาบ อิจิโร ยามาโมโตะ นั่นเอง!

ด้านหลังของปรมาจารย์ยังมีชายสองคนกับหญิงสาวอีกคนยืนอยู่ สวมใส่ชุดกิโมโนเหมือนกัน เป็นวัยรุ่นสามคนที่พกดาบติดตัว บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนของปรมาจารย์แห่งดาบ

ในสถานที่ที่วุ่นวายอย่างสามเหลี่ยมทมิฬ ยิ่งมีกำลังมากก็ยิ่งมีสิทธิ์มีเสียงมากอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากที่อิจิโร ยามาโมโตะ อธิบายไป ยังจะมีใครกล้าโห่อีก แต่กลับกันเลย ทุกคนเริ่มพูดชมกันขึ้นมาแทน

“ที่แท้ก็เป็นวิชาลึกลับที่มาจากตะวันออกนี่เอง!”

“วิชาของตะวันออกนี่มันร้ายกาจจริงๆ จิ้มแค่ทีเดียวก็ทำให้ แอนดรูว์สู้ต่อไม่ไหวแล้ว”

“ไม่ได้ ฉันเองก็จะไปฝึกวิชาที่ตะวันออกเหมือนกัน!”

อิจิโร ยามาโมโตะ นั้นไม่ได้สนใจคำวิจารณ์ของทุกคนแม้แต่น้อย เมื่อเห็นเย่เทียนกำลังมองมาที่ตน ดวงตาที่ดูไม่สะอาดคู่นั้นก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที และต้องจัดท่านั่งให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังสังเกตเห็นความผิดปกติของอิจิโร ยามาโมโตะ จึงได้โน้มตัวลง ลดเสียงแล้วพูดด้วยภาษาหมิงว่า “ปรมาจารย์แห่งดาบคะ ชายชาวตะวันออกนั่นดูไม่ปกติเท่าไหร่นะคะ”

“ฉันเคยพูดเอาไว้นานแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ห้ามดูถูกคนจีนเด็ดขาด”

อิจิโร ยามาโมโตะ แอบส่ายหน้าเบาๆ แล้วยืดตัวตรงสบตากับเย่เทียนอย่างไม่เกรงกลัว ในใจก็แอบเกิดความรู้สึกที่อยากสู้อันรุนแรงขึ้นมา

มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลก คิดดูว่าเขานั้นอายุปูนนี้แล้ว ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้นานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถึงอิจิโร ยามาโมโตะ จะยืนยันด้วยตนเอง แต่เพื่อความชัดเจน ทางบ่อนก็ได้เรียกหมอมาตรวจดูอาการของนักสู้ตัวสูงเหมือนกัน

ไม่ตรวจยังดี พอตรวจแล้วก็ทำให้ผู้ชมในสนามตกใจยิ่งกว่าเดิม

นั่นก็เพราะว่า อวัยวะภายในของนักสู้ตัวสูงได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง!

พอประกาศผลตรวจนี้ออกไป สายตาที่ทุกคนมองไปที่เย่เทียนก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม

“มันเป็นไปได้ยังไง? การตบเบาๆ แค่ครั้งเดียวทำไมถึงทำให้เครื่องในเสียหายได้ล่ะ?”

“มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ! ศิลปะการต่อสู้ตะวันออกน่าช่างสมกับเป็นศิลปะการต่อสู้ตะวันออกจริงๆ มันช่างน่าตกใจเหลือเกิน”

“ไม่ได้ไม่ได้ ฉันจะไปตะวันออก! ฉันจะฝึกศิลปะการต่อสู้ของตะวันออก!”

คนนอกวงการจะดูแค่สนุก คนในวงการจะดูที่วิธีการ

หลังได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้นักสู้ตัวสูงล้มลงแล้ว ผู้คนข้างล่างที่เตรียมจะขึ้นสังเวียนต่างก็พากันลังเลขึ้นมา

แต่ว่า คนที่ยอมมาสู้บนสังเวียนแบบนี้ ส่วนมากก็จะเป็นคนที่ขัดสนเรื่องเงินทั้งนั้น หลังจากที่ลังเลไปหลายนาที ในที่สุดก็มีชายร่างกำยำ ใส่ที่พันของนักมวยไว้ในมือเดินขึ้นบนเวที

พอเขาขึ้นสังเวียน มันก็ทำให้ผู้ชมที่อยู่ข้างล่างฮือฮาขึ้นมาทันที

“นั่นมันไชยเชื้อ! ยอดนักมวยไทยไชยเชื้อ!” ”ไหนบอกว่าเขาไปต่างประเทศแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลับมาแล้วล่ะ?”

“ช่างมันสิ! ทีนี้มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว!”

เย่เทียนไม่ได้ใส่ใจกับคำวิจารณ์ที่อยู่ใต้สังเวียนเลย ดวงตาสีดำคู่นั้นมองไชยเชื้อที่กำลังขึ้นมาบนสังเวียนขึ้นๆ ลงๆ แล้วก็ได้ยิ้มอย่างขบขันออกมาที่มุมปาก

เมื่อเทียบกับเย่เทียนแล้ว ไชยเชื้อจะเตี้ยกว่าประมาณครึ่งหัว กล้ามเนื้อที่เผยออกมาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ราวกับมีพละกำลังอันไม่มีที่สิ้นสุดรวมอยู่ในนั้น บ่งบอกว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอะไรแน่นอน

“เริ่มสู้ได้!”

ทันทีที่กรรมการพูดจบ ไชยเชื้อก็กำหมัดแน่น แล้วทำท่าเหมือนจะเข้าโจมตี

ไม่ทันที่เขาจะได้เคลื่อนที่ เย่เทียนก็ชิงพุ่งไปก่อนแล้ว พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าของไชยเชื้อแล้ว แล้วซัดกำปั้นอันหนักหน่วงออกไป

เป้าหมายที่เข้ามาเพื่อสืบข้อมูลของซูเหมยจากอิจิโร ยามาโมโตะ จึงไม่มีเวลามากพอให้ต้องเสียที่ไชยเชื้อนัก

เย่เทียนเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว แต่การตอบสนองของไชยเชื้อก็ไม่ได้ช้า แทบจะทันทีที่เย่เทียนเหวี่ยงหมัดออกไป เขาก็หลบออกจากการโจมตีของเย่เทียนได้อย่างน่าประหลาด และถือโอกาสเข้าประชิด แล้วชกสวนเย่เทียนกลับไป

เย่เทียนถึงกับอึ้ง รีบชักมือกลับมาป้องกัน ขวางหมัดที่สวนมาของไชยเชื้อไว้

ซิ่วซิ่ว!

ไม่รอให้เย่เทียนทันได้ตอบสนอง ไชยเชื้อก็ไม่ปล่อยให้โอกาสที่ได้เปรียบสูญเสียไป จึงรีบกระหน่ำหมัดใส่เย่เทียนราวกับห่าฝนที่บ้าคลั่ง

แต่ไม่ว่าไชยเชื้อจะโจมตียังไง ก็ถูกเย่เทียนกันได้จนหมด

หลังการโจมตีที่รวดเร็วราวๆ หนึ่งนาที กลับทำอะไรเย่เทียนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว นั่นมันก็ทำให้สีหน้าของไชยเชื้อเคร่งขรึมขึ้นมา

“เวลาซะจริง”

แต่ไม่ทันที่ไชยเชื้อจะได้เปลี่ยนแปลงอะไร เย่เทียนก็ได้ส่ายหน้า กะจังหวะดีๆ แล้วซัดกำปั้นออกไป ชกใส่กลางอกของไชยเชื้ออย่างจัง!

ไชยเชื้อส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดร่างกายกระเด็นไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วกระแทกลงบนพื้นเวทีอย่างแรง

ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ชมที่อยู่ใต้เวทีต่างช็อกไปตามๆ กัน นึกไม่ถึงว่าสถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้ ไชยเชื้อที่เมื่อกี้ยังแข็งแกร่งกลับมาแพ้ไปอย่างรวดเร็ว

“ว้าว! ชายชาวตะวันออกนั่นโคตรแข็งแกร่งเลย!”

หลังจากที่กรรมการประกาศผลไปแล้ว เย่เทียนก็กวาดตามองไปยังทุกคนที่อยู่ใต้เวที “ยังมีใครจะขึ้นมาอีกมั้ย? ถ้าไม่มีแล้ว ผมก็สามารถสู้กับอิจิโร ยามาโมโตะ ได้แล้วใช่มั้ย?”

ระหว่างที่พูด เย่เทียนก็ได้มองไปที่อิจิโร ยามาโมโตะ สายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความท้าทาย……