TQF:บทที่ 713 บันดาลโทสะ (3)

 

แต่โม่ซวนซุนไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่น้อย ราวกับทุกอย่างสมเหตุสมผล เลิกคิ้วคมและกล่าวเสียงเข้ม “ท่าทางพวกเจ้าเตรียมจะต่อกรกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่งานประลองสกัดยาใช่มั้ย”

 

“ถูกต้อง”

 

แม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะทำให้เหล่าปีศาจเฒ่าตรงหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็พยักหน้าเป็นการตอบ

 

ดูเหมือนโม่ซวนซุนจะเริ่มสนใจ เขาถามต่อ “หืม แล้วพวกเจ้าคิดจะจัดการอย่างไรกับเผ่าอสูรล่ะ พวกเขาได้ปล้นฆ่าสดมมนุษย์รึเปล่า ฆ่าผู้บริสุทธิ์ หรือสังหารหมู่สิ่งมีชีวิต ถึงทำให้พวกเจ้าต้องลงมือเอง”

 

“……”

 

เสียงนิ่งๆดังสะท้อนอยู่ในหูของทุกคน ไม่ใช่แค่แขกที่อึ้งไป แม้แต่คนของโถงวิหารสวรรค์ก็อ้ำอึ้งไปกับคำถามนี้

 

ราวกับพวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

 

ดังนั้นจึงไม่มีใครตอบเลยสักคน

 

เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาแล้วโม่ซวนซุนรู้สึกอยากจะฆ่าทิ้งเหลือเกิน แต่สีหน้ายังคงเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

“พวกเจ้ารู้มั้ยว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ การสังหารจะเพิ่มไฟบาปให้กับหนทางฝึกฝนวิทยายุทธของพวกเจ้า ถ้าในอนาคตพวกเจ้ามีโอกาสต้องใช้กรรม ไฟบาปนี้จะทำให้พวกเจ้าวิญญาณสลาย”

 

โม่ซวนซุนกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเย็นชาก่อนจะหลับตาลง ไม่พูดอะไรอีก

 

ส่วนทุกคนที่นี้อึ้งกิมกี่ไปกับคำพูดของเขา แม้ว่าผืนดินฉางไห่จะไม่มีกรรมสายฟ้าฟาด แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นปีศาจเฒ่าที่อยู่มาพันปี ย่อมรู้ว่าคำพูดของเขาไม่ได้โกหก

 

เมื่อหลายล้านปีก่อน ตอนที่ผืนดินฉางไห่มีผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์ เทพสวรรค์ที่ต้องก้าวสู่ขั้นนี้ พวกเขาล้วนต้องใช้กรรมสายฟ้าฟาดก่อน

 

ขณะนั้น ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าตอนแรกยังคงสงสัยอยู่บ้างกับเรื่องที่โม่ซวนซุนได้รับการสืบสานจากอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์รุ่นแรก ตอนนี้พวกเขาเชื่อเต็มร้อยแล้วว่าเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน

 

เพราะพวกเขาก็แค่เคยได้ยินเท่านั้น แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับเล่าออกมาได้ แค่นี้ยังบอกอะไรไม่ได้อีกหรือ

 

ทุกคนเผยแววตาอิจฉา พวกเขาเชื่อว่าถ้าคนตรงหน้าไม่ได้เสียชีวิตด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันละก็ จะต้องก้าวถึงขั้นนั้นได้อย่างแน่นอน

 

ขณะนั้นโม่ซวนซุนยังคงหลับตา ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่

 

“ชื่อเสียงผลประโยชน์ บุญคุณความแค้น ล้วนเป็นสิ่งว่างเปล่า ถือคนแกร่งเป็นใหญ่ ผู้อยู่เหนือคือเบื้องบน”

 

พูดจบโม่ซวนซุนที่นั่งอยู่ปลายแถวก็หายตัวไปท่ามกลางสายตาของทุกคน

 

หลังจากที่เขาออกไปแล้วสามีภรรยาโม่อู๋เซอก็รีบร่ำลากับเหล่าผู้อาวุโสและออกไป

 

เหลือเพียงคนในโถงใหญ่ที่อึ้งไปเสียสนิท ไม่มีใครพูดอะไร เงียบเชียบพิกล

 

2 วันให้หลัง

 

โม่ซวนซุนและอาจารย์อาจารย์หญิงเตรียมไปจากโถงวิหารสวรรค์แต่ใครจะรู้ว่าตาแก่ซอมซ่อจะไปกับพวกเขาด้วย

 

คนของโถงวิหารสวรรค์ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานประลองการสกัดยา หลังจากที่เจ้าโถงทราบก็อยากให้พวกโม่ซวนซุนเป็นตัวแทนของโถงวิหารสวรรค์ไปร่วมงาน

 

โม่ซวนซุนที่ตอนแรกคิดจะปฏิเสธรับปากทันที เขายอมไปร่วมงานในฐานะตัวแทนของโถงวิหารสวรรค์

 

ในช่วงไม่กี่วันนี้

 

กลางหุบเขานอกเมืองเกิดเสียงดังกระหึ่มที่ทำให้ผู้คนตกใจ

 

เพียงแต่ในหุบเขาที่รบกันอยู่ได้ถูกผู้แข็งแกร่งทั้งหลายสร้างเกราะป้องกันไว้ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ตู้มมม….”

 

“โบร๋ววว…..”

 

“โฮกกก….”

 

ถ้ามีคนนอกเห็นที่นี่คงจะตกใจจนลูกตาหลุด เพราะลมปราณทั้งฟ้าดินของที่นี่ได้เปลี่ยนไป เกิดศึกระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูร ภาพที่ไม่รู้ว่าไม่เกิดขึ้นมากี่ร้อยแล้วบัดนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

 

สัตว์อสูรคำรามเสียงสะท้านฟ้าสะเทือนไปทั้งปฐพี ลมปราณอันน่าสยองแผ่ซ่านไปทั่ว ลมปราณอันดุร้ายมีอยู่ทุกที่

 

แต่คนที่ต่อสู้กับพวกมันแกร่งเกินไป ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะต่อกรได้

 

ประกายแสงต่างๆวาบผ่านไป เลือดเทลงมาเป็นฝน เผ่าอสูรชนิดต่างๆตายลง ซากศพสัตว์อมตะกองพะเนิน

 

ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธแกร่งกล้าล้วนมีสีหน้ายินดีปรีดา เก็บซากศพสัตว์อมตะทั้งหมดไว้อย่างมีความสุข ก่อนจะมุ่งไปอีกทิศหนึ่ง

 

ภายในไม่กี่วันพวกเขาก็ฆ่าสัตว์อมตะไปอีกเป็นเบือ หลังจากนั้นพวกเขาหาสัตว์อมตะไม่เจออีกจึงได้แต่กลับบ้านไป

 

นอกจากชิงยางจะมีประเด็นร้อนแรงแล้ว เรื่องที่ทุกคนตกใจที่สุดก็คือกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่ไม่น้อยหน้าใครแม้แต่น้อยหายวับไปในคืนเดียวอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ตึกจงหยวนก็ปิดตัวลงหมด

 

อิทธิพลใหญ่ต่างๆส่งสายสืบออกไปเพียบก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ส่วนผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่เดินทางมาชิงยางเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะน้อยลงเลยสักนิด ไม่มีใครรู้ว่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธเหล่านั้นโผล่มาจากไหนกัน

 

เมื่อก่อนคนที่เข้าร่วมงานประลองการสกัดยาอย่างมากสุดก็มีแค่ล้านคนเท่านั้น นักสกัดยาจริงๆก็มีราวๆแสนคน สุดท้ายแล้วคนที่เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ในทั้ง 2 สำนักไม่เกิน 3000 คน

 

แต่สถานการณ์ตอนนี้แค่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่เดินทางเข้าชิงยางก็มีมากถึง 2 ล้านคนแล้ว แม้แต่นักสกัดยาที่ลงชื่อเข้าร่วมก็มีมากกว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัว แค่จำนวนคนสมัครก็มีมากถึง 2 แสนคน ตัวเลขนี้น่าตกใจจริงๆ

 

ไม่ว่ายังไงเหล่าปีศาจเฒ่าในสำนักต่างๆก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะผู้ฝึกฝนวิทยายุทธเหล่านี้อยู่ในระดับระหว่างจักพรรดิอมตะและก้าวสู่เทพเทวา ไม่อยู่ในสายตาพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

 

อีกอย่างคนของสำนักตันซือและสำนักวั่นตันอยากให้คนเข้าร่วมเยอะๆ พวกเขาจะได้ค้นพบลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากขึ้น ตอนที่พวกเขาเห็นจำนวนคนสมัครไม่กังวลแต่ดีใจซะมากกว่า

 

แต่เรื่องที่ทำให้พวกเขาแปลกใจคือตึกจงหยวนที่ชิงยางปิดไปโดยไร้สาเหตุเหมือนกับที่เมืองอื่นๆ ราวกับทุกคนหายตัวไปหมด

 

เรื่องนี้ทำให้ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธนับไม่ถ้วนเกิดการคาดเดา จากนั้นไม่นานก็มีข่าวที่เชื่อถือได้มากที่สุด นั่นก็คือสำนักและอิทธิพลต่างๆเพ่งเล็งทรัพยากรของตึกจงหยวนอยู่ จึงลงมือกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน

 

สำหรับข่าวนี้มีคนเชื่ออยู่บ้าง ถึงอย่างไรความยิ่งใหญ่ของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ไปล้ำเส้นผลประโยชน์ของหลายฝ่าย จะเป็นอริกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ไม่แปลก แน่นอนว่าบางคนก็ไม่ค่อยเชื่อ อย่างไรซะกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็แข็งแกร่งออกปานนั้น จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน

 

ไม่ว่าอย่างไรตึกจงหยวนและกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็หายไปจากสายตาของทุกคนจริงๆ กับลูกศิษย์อิทธิพลอื่นๆแล้วไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่ในหมู่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธไร้สำนักและสำนักเล็กๆต่างโอดครวญไม่หยุด ไม่มีตึกจงหยวน พวกเขาก็ไม่โอกาสได้ซื้อทรัพยากรที่ถูกและดีอีกแล้ว

 

ทั้งผืนดินฉางไห่เกิดความโกลาหลขึ้น แต่บ้านตระกูลฟางในชิงยางยังสงบเหมือนก่อน

 

พวกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงคุยเรื่อยเปื่อยกันทุกวัน ราวกับไม่มีใครเก็บเอาความวุ่นวายข้างนอกนั่นมาใส่ใจ

 

มีบ้างที่พวกเขาพูดถึงตึกจงหยวนและกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน ไม่ว่าจะเป็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวหรือหยูเฮงน้อย ต่างมีแววตาอาฆาตแว้บผ่านไป

 

 

เพราะพวกนางเสียสัตว์อมตะไปอีกเกือบร้อยตัว สมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวตนโดนรุมล้อมบุกโจมตีจากคนของอิทธิพลใหญ่ต่างๆ

 

ความแค้นฝังกระดูกอีกครั้ง!

 

ทั้ง 2 ไม่ได้พูดอะไร แต่ไม่ว่าใครก็มองเห็นแววตาอาฆาตในตาของทั้งคู่

 

 

——————————————————————