TQF:บทที่ 712 บันดาลโทสะ (2)
ถ้าเป็นที่อื่น คนหนุ่มกล้าเสียมารยาทใส่ปีศาจเฒ่าพวกนี้พวกเขาคงอาละวาดถล่มไปแล้ว
ครู่เดียวปีศาจเฒ่าเหล่านี้ก็สงบจิตสงบใจลงได้ สายตาที่มองคนหนุ่มตรงหน้ามีแต่ความปิติยินดี โถงวิหารสวรรค์มีคนระดับอาจารย์จากสวรรค์อีกนับเป็นบุญของคนทั้งผืนดินฉางไห่
โดยเฉพาะพวกเขา ด้วยฐานะของพวกเขาอยากจะรู้ลิขิตสวรรรค์ก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก คิดมาถึงตรงนี้หน้าเหี่ยวๆของพวกเขาก็มีรอยยิ้มเบิกบาน บนใบหน้ามีท่าทีเอาอกเอาใจ
ทุกคนในโถงวิหารสวรรค์ ณ ที่นี้รู้ความคิดของพวกเขาดี พวกเขาเองก็เผยรอยยิ้มอันดีใจ อย่างไรซะยิ่งพวกเขาเคารพนายน้อยแห่งโถงวิหารสวรรค์เท่าไหร่ สถานะของโถงวิหารสวรรค์ในผืนดินฉางไห่ก็ยิ่งโดดเด่นมากขึ้น กลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
สถานะของโถงวิหารสวรรค์ในตอนนี้ก็แค่ทัดเทียมกับสำนักอื่นๆเท่านั้น ไม่ถึงกับอยู่เหนือผู้อื่น ถ้าหากพวกเขาอิทธิพลใหญ่รวมตัวด้วยกันโถงวิหารสวรรค์ก็ต้องหลบทางให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะให้คนพวกนี้หวั่นเกรงจากใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขาคนของโถงวิหารสวรรค์ดีใจเป็นอย่างมาก รวมถึงตาแก่ซอมซ่อที่เงียบไม่พูดไม่จาก็คลายปมระหว่างคิ้ว มองลูกศิษย์ตัวเองอย่างพึงพอใจ
“นายน้อย คนเหล่านี้เป็นมหาผู้อาวุโสแห่งสำนักใหญ่ๆต่างๆในผืนดินฉางไห่ ที่วันนี้แขกเหล่านี้มานี่ก็เพราะอยากรู้เกี่ยวกับเคราะห์กรรมของผืนดินฉางไห่ ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ และจะอุบัติขึ้นเพราะใคร
เจ้าโถงถามกับคนที่มีท่าทีเรียบเฉยและไม่ใส่ใจ
“อ๋อ…”
โม่ซวนซุนยกสายตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน กวาดตามองทุกคนด้วยสายตาคมกริบ ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ใต้น้ำแข็ง หนาวจนชายันกระดูก
เขาไม่ธรรมดาจริงด้วย
ในหัวของเหล่าผู้อาวุโสเกิดคำนี้ขึ้นพร้อมกัน ชั่วขณะนั้น พวกเขารู้สึกเกรงกลัวเด็กหนุ่มตรงหน้าจากใจ
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าแข็งแกร่งจริงๆ
พวกเขาที่แกร่งกล้าถึงเพียงนี้ไม่มีแรงจะต้านทานแม้แต่น้อย เหมือนกับเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแค่จะพูดยังต้องพูดเสียงเบา นี่เป็นสัญชาตญาณเมื่อหวั่นเกรงผู้แข็งแกร่ง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ในใจของคนเหล่านี้ก็เหมือนถูกพายุโหมกระหน่ำอีกครั้ง ไม่มีใครเชื่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นพวกเขาที่มีชีวิตอยู่มาพันปีเมื่ออยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ก็อ่อนแอราวกับเด็กน้อย
โถงวิหารสวรรค์จะยิ่งใหญ่อีกครั้ง
มีความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวพวกเขา และอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มเฝื่อนๆ สายตาที่มองโม่ซวนซุนหวาดระแวงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ด้วยอารมณ์เกรงกลัว
“พวกเจ้าเอาทรัพยากรมาครบรึเปล่า” เสียงของโม่ซวนซุนเย็นยะเยือกและไร้อารมณ์ เสมือนผู้อยู่เหนือทุกคนที่แค่ถามไถ่กับคนที่อยู่เบื้องล่าง
แขกทั้งหลายพยักหน้า ไม่มีใครกล้าไม่ตอบ “เอามาแล้ว” จากนั้นแหวนมิติของพวกเขาล้วนลอยไปหาโม่ซวนซุน
เขายิ่นมือออกไปรับก็ได้แหวนมิติหลายวงมาอยู่ในมือ ลองเอาจิตเทพสอดส่องดูข้างในแล้วใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็บึ้งตึงทันที ในแหวนมิตินี้มีของบางอย่างที่ขายที่ตึกจงหยวนด้วย
เขารู้จากอาจารย์และอาจารย์หญิงได้นานแล้วว่าของที่จำหน่ายที่ตึกจงหยวนมาจากมิติของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว หรือก็คือของพวกนี้พวกเขาอยากจะมีเท่าไหร่ก็ได้ จะต้องให้พวกเขาเอามาให้ทำไม
ที่เขาอยากได้ที่สุดก็คือพวกของล้ำค่าและหินพลังวิญญาณ ไม่ใช่ของพวกนี้ สีหน้าย่อมไม่สู้ดีเป็นธรรมดา
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาแขกทั้งหลายใจวูบๆ จากที่พวกเขามั่นใจเต็มร้อยเมื่อเห็นสีหน้าของเขาแล้วกลับรู้สึกหวั่นๆในใจ
“แค่นี้เหรอ” ไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆ สีหน้าและสายตาของโม่ซวนซุนบ่งบอกทุกอย่างแล้ว
“เอ่อ…”
แขกทั้งหลายที่ได้สติกลับมามองหน้ากัน ของที่พวกเขาให้ไปเยอะกว่าเดิมเป็นเท่าตัวแล้วยังไม่พออีก จะให้พวกเขาทำอย่างไรดี
แต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ในครั้งนี้พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ถึงอย่างไรคนตรงหน้าก็ได้รับสืบสานจากอาจารย์จากสวรรค์ ของที่เขาต้องการย่อมมาก นี่ก็เป็นเรื่องปกติ
คิดไปคิดมาพวกเขาก็ควักแหวนมิติออกมาอีกวง สำหรับพวกเขาปีศาจเฒ่าที่อยู่มาพันๆปียังพอมีทรัพย์สมบัติอยู่บ้าง จะเอาของน่าทึ่งออกมาได้ทุกเมื่อ
โม่ซวนซุนได้รับของอีกครั้ง เมื่อลองดูแล้วพบว่าไม่มีของจากตึกจงหยวนแล้วก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ทำให้แขกทั้งหลายถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
“พวกเจ้าจะทำนายแค่เคราะห์กรรมใหญ่ใช่มั้ย”โม่ซวนซุนถามเสียงเย็น
“ใช่แล้ว จากลางสังหรณ์ของมหาผู้อาวุโสของพวกเรา ผืนดินฉางไห่ของเราจะประสบเคราะห์กรรมใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าเคราะห์กรรมนี้จะเกิดขึ้นตอนไหน เกิดเพราะใครหรืออะไร พวกเราจึงมาขอความช่วยเหลือจากนายน้อยวิหารสวรรค์
มหาผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังประสานมือให้กับโม่ซวนซุนด้วยท่าทีเมตตาสรรพสิ่งในปฐพี
โม่ซวนซุนเลิกคิ้วและเหลือบมองเขาพลางถามต่อ “มีคำถามอื่นอีกมั้ย ถ้ามีก็บอกมาตอนนี้เลย ไม่อย่างงั้นถ้าบอกหลังจากนี้จะคิดค่าทำนายเพิ่มแล้วนะ”
“นายน้อยวิหารสวรรค์ข้าน้อยมีอีกเรื่องนึงจริงๆที่อยากขอให้ท่านช่วยทำนาย” มหาผู้อาวุโสแห่งสำนักตันซื่ออดพูดขึ้นมาไม่ได้
“ว่ามา”
“คืออย่างนี้นายน้อยวิหารสวรรค์อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานประลองสกัดยาที่จัดขึ้นโดยพวกเรา 2 สำนักใหญ่ สำนักตันซือและสำนักวั่นตัน จะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรหรือจะมีใครมาก่อกวนหรือไม่”
มหาผู้อาวุโสแห่งสำนักตันซือไม่กล้าล่าช้า รีบบอกเรื่องที่อยู่ในใจออกมา
เมื่อเขาพูดจบ มหาผู้อาวุโสแห่งสมาคมกลุ่มทหารรับจ้างอีกคนพูดขึ้นบ้าง “นายน้อยวิหารสวรรค์พวกเราอยากจะรู้ว่าจุดจบของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเป็นอย่างไร”
“หืม…”
โม่ซวนซุนได้ยินชื่อกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนปุ๊บก็เงยหน้าทันที จ้องมองมหาผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างด้วยสายตาคมกริบและเอ่ยเสียงเย็น “พวกเจ้าเตรียมลงมือกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแล้วรึ”
คิดว่าโม่ซวนซุนเป็นใครกัน แม้เขาจะไม่ได้รีบไปชิงยางในทันที แต่ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ก็พอจะรู้เรื่องต่างๆได้สักพักแล้ว เขารู้ว่าช่วงนี้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเจอตอ แต่เขาก็เชื่อในความสามารถของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยว่าจะสามารถจัดการทุกอย่างได้ดี
เมื่อสามีภรรยาโม่อู๋เซอได้ยินคำถามนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาก็คมกริบขึ้น เนื่องจากฐานะของพวกเขาไม่สะดวกที่จะพูดอะไรจึงได้แต่ข่มความโมโหในใจไว้
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายชะงักไปนิดหน่อยที่โม่ซวนซุนพูดตรงๆขนาดนี้ แต่นึกไปถึงฐานะและวิชาวิหารสวรรค์ของเขาก็เข้าใจได้ทันที
ดูเหมือนว่าคนในโถงวิหารสวรรค์จะรู้อยู่แล้ว พวกเขามีสีหน้าเหมือนเดิม ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก
“นายน้อยวิหารสวรรค์ท่านอาจยังไม่รู้ กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ใช่อะไรที่มันดีหรอก พวกเขาเป็นเผ่าอสูรทั้งหมด พวกเรากำลังอยากรู้ว่าเคราะห์กรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเผ่าอสูรรึเปล่า”
ดูเหมือนมหาผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังไม่ใส่ใจที่จะบอกความจริงออกไป ขณะเดียวกันก็อยากเห็นสีหน้าตกอกตกใจของเด็กหนุ่มนี้
—————————————-