บนลู่วิ่งในห้องออกกำลังกาย หลินหว่านหายใจหอบ วิ่งจนเหงื่อชุ่ม เห็นหน้าจอมือถือสว่างขึ้น เครื่องสั่นไม่หยุด
หลินหว่านปิดเครื่องลู่วิ่งหายใจเข้าลึก ตรงเข้ามาหยิบมือถือ มองดูแล้วพบว่าเซียวจิ่งสือโทรมา เธอรับสาย เสียงทุ้มนุ่มของเซียวจิ่งสือดังมาจากปลายสายอีกด้าน “หลินหว่าน คุณอยู่ไหนน่ะ ไม่เจอคุณตั้งนานแล้ว คุณจะหลบหน้าผมไปถึงไหนกัน ผมคิดถึงคุณนะ”
หลินหว่านตวัดตาค้อน หัวเราะแล้วพูดว่า “ขอเถอะค่ะคุณชายเซียว อย่ามาหลอกฉันซะให้ยากเลย งานคุณยุ่งขนาดนั้น รอบข้างก็มีสาวงามตั้งมากมาย คุณยังจะมีเวลามาคิดถึงฉันอีกเหรอคะ”
เซียวจิ่งสือรีบแก้ตัว “หลินหว่าน ผมไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ คุณยังโกรธเรื่องคราวที่แล้วอยู่อีกเหรอ”
“เรื่องคราวที่แล้วอะไรกัน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องว่าคุณพูดเรื่องอะไรอยู่ ฉันลืมมันไปหมดตั้งนานแล้ว” หลินหว่านมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงสีของอาทิตย์ยามอัสดงกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า เธอชื่นชมความงามของธรรมชาติไปพลางพูดสายกับเซียวจิ่งสือไปพลาง
เซียวจิ่งสือหัวเราะออกมา จากนั้นพูดอย่างตื่นเต้นยินดีว่า “ไม่โกรธแล้วก็ดีเลย เอาอย่างนี้นะ เพื่อเป็นการขอโทษ ผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ คุณอยากไปที่ไหนบอกมาเลย”
ในหัวของเซียวจิ่งสือเริ่มคิดการวางแผน มื้อเย็นวันนี้จะจัดอย่างไรให้เลิศให้โรแมนติกยิ่งขึ้นไปอีก เซียวจิ่งสือคิดไปพลางว่าปกติหลินหว่านชอบทานผัก ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว ปูขนจากทะเลสาปหยางเฉิง เนื้อแพะเฮยซาน (แพะพันธุ์เนื้อ) …เซียวจิ่งสือเค้นสมองครุ่นคิดเพื่อเอาใจสาวงาม ทำไงได้เล่า ใครให้หลินหว่านเป็นคนที่เขาแคร์ที่สุดกันล่ะ
“ที่ไหนฉันก็ไม่อยากไปค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณไปทานกับเพื่อนๆ คุณเถอะค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ!” หลินหว่านสางผมที่ชื้นเหงื่อของตัวเองพร้อมกับตอบด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี
เดิมทีเซียวจิ่งสือจินตนาการว่าพวกเขาสองคนจะได้ทานมื้อค่ำแสนอร่อยและพูดคุยกันท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกใต้แสงเทียน คิดไม่ถึงว่าคำพูดประโยคเดียวของหลินหว่าน ทำให้เขาตกสวรรค์ลงสู่นรกที่หนาวเย็น เซียวจิ่งสือรู้ว่าแผนโรแมนติกสุดเพอร์เฟคทุกอย่างในค่ำคืนวันนี้กลายเป็นความว่างเปล่าไปทันที
เซียวจิ่งสือคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าหลินหว่านเป็นอะไรกันแน่ ตั้งแต่จากกันครั้งก่อน เธอก็มักจะทำตัวเหินห่างจากเขาอยู่เรื่อย พอวางสายแล้วเซียวจิ่งสือก็นั่งไม่ติด เขาคิดขึ้นมาว่า หรือว่าหลินหว่านจะมีกิ๊กกับรุ่นพี่นั่น? พอนึกถึงตรงนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันควัน ตบโต๊ะปัง ประเดี๋ยวก็คิดไปอีกว่า หรือว่าหลินหว่านยังโกรธเขาอยู่ ถึงแม้เธอจะดูเฉยๆ ไม่ร้อนไม่หนาว แต่ไม่มีใครเดาได้หรอกว่าใจผู้หญิงกำลังคิดอะไรอยู่
หลินหว่านวางสายแล้วเห็นว่าวันนี้ออกกำลังมาพอสมควรแล้ว และสายเมื่อครู่ก็ทำให้เธอว้าวุ่นใจอยู่บ้าง หลินหว่านไม่มีอารมณ์จะวิ่งแล้ว จึงเก็บข้าวของจะกลับบ้าน
หลินหว่านสับสนกับใจตัวเองอยู่บ้าง พูดกันตามจริงแล้ว เซียวจิ่งสือก็เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากจริงๆ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา รูปร่างสูงเพรียว ที่สำคัญที่สุดคือรอยยิ้มชวนหลงใหลกับดวงตาที่พูดได้
หลินหว่านชำระล้างเอาความเหนื่อยล้าออกไป เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวนั่งอยู่บนโซฟา จู่ๆ ก็นึกถึงความเงียบสงบเมื่อไม่นานมานี้ พลางเอื้อมมือไปหยิบไวน์แดงชั้นดีขวดหนึ่งจากชั้นวาง
หลินหว่านถือแก้วเหล้าโปร่งใสทรงสูง มองดูของเหลวสีแดงสดที่เหวี่ยงตัวไปมาอยู่ในนั้น ไม่รู้อย่างไร หลินหว่านนึกถึงโทรศัพท์จากเซียวจิ่งสือวันนี้ นึกไปถึงภาพจากข่าวที่เซียวจิ่งสือกับอันซิงโอบกอดอยู่ด้วยกัน ความหึงหวงในใจของหลินหว่านก็เปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาทันควัน
นึกไปถึงคำพูดปลอบใจของเพื่อนข้างกายเมื่อไม่นานมานี้
“หลินหว่าน อย่ากังวลไปเลย เธอสวยขนาดนี้ หาที่ดีกว่านี้ได้อยู่แล้ว”
“หลินหว่าน การได้รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ชายก่อนนั้นก็เป็นเรื่องดีนะ…”
…
ภายในใจเริ่มต่อสู้กันอีกแล้ว จะคบกับเซียวจิ่งสือต่อไปดีไหมนะ? ว่ากันตามจริงแล้ว เธอเองยังก็ชอบผู้ชายคนนี้อยู่
หลินหว่านว้าวุ่นรำคาญใจคิดแต่จะลบเซียวจิ่งสือออกไปจากสมอง เธอดื่มไวน์เข้าไปอึกใหญ่ ตั้งใจทำให้ตัวเองเมาจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องยุ่งยากรำคาญใจพวกนี้อีก
นอกหน้าต่าง แสงไฟนีออนส่องสว่าง หลินหว่านมองดูเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจก ใบหน้าแดงระเรื่อ ผู้หญิงตรงหน้าดูเหมือนจะเมานิดหน่อย ท่าทีเย้ายวนชวนเสน่หา มองไปมองมาในหัวปรากฏเงาร่างของผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นทำให้หลินหว่านยิ้มกว้างออกมาได้
หลินหว่านคิดไปคิดมาแล้วเคลิ้มลืมตัวไป ผ่านไปอีกนานกว่าสมองจะกลับรู้ตัวได้สติขึ้นอีกครั้ง หลินหว่านตวัดตาค้อนตัวเอง ทำไมต้องคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้วนะ
หลินหว่านตบศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ พึมพำกับตัวเองว่า “โอ้ว! สวรรค์! หลินหว่านเธอนี่ชอบผู้ชายคนนี้มากขนาดไหนกัน เธอลืมไปแล้วหรือว่าผู้ชายคนนี้ทำให้เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง”
จากนั้นหลินหว่านก็หักห้ามใจไม่ไปคิดเรื่องบ้าๆ บอๆ พวกนั้นอีก
เซียวจิ่งสือไม่ได้นอนทั้งคืน สายตาเหม่อลอยอยู่บ้าง เขามองดูเอกสารบนโต๊ะ ไม่มีอารมณ์จะเปิดดูเลยสักนิด ในหัวมีแต่คำถามว่า ทำไมหลินหว่านจึงไม่ยอมพบเขาซะที
เซียวจิ่งสือนั่งมองฝ้าเพดานแล้วพลันเกิดความคิดประหลาดขึ้นมาว่า แล้วทำไมเขาไม่ไปหาเธอล่ะ
นึกถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ความเหนื่อยล้าหายวับไป เขาก้าวพรวดๆ ลงไปชั้นล่าง ขับรถบึ่งไปที่บ้านของหลินหว่าน
เซียวจิ่งสือนั่งอยู่ภายในรถ พอเห็นหลินหว่านลงบันไดมา ก็อุ้มช่อดอกไม้เดินเข้าไปหา
หลินหว่านพอเห็นเซียวจิ่งสือเดินตรงเข้ามาหาก็ทำตาโต ถามว่า “เซียวจิ่งสือ เวลานี้คุณควรจะทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอคะ? คุณมานี่ทำอะไรน่ะ”
เซียวจิ่งสือยื่นดอกกุหลาบหอมกรุ่นมาตรงหน้าหลินหว่าน พูดว่า “ผมมารอคุณไงล่ะ ไม่เห็นหน้าคุณผมกินไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ อย่าว่าแต่จะทำงานเลย”
หลินหว่านเห็นหน้าซูบเซียวของเซียวจิ่งสือแล้วเธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ระหว่างนี้เธอจงใจหลบหน้าเขามาตลอด บางทีเขาอาจนอนไม่หลับเพราะเธอจริงๆ ก็ได้
พอนึกถึงตรงนี้ หลินหว่านก็รู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ จึงจำใจรับดอกกุหลาบจากเซียวจิ่งสือ แต่ปากยังไม่ยอมเผยความในใจเร็วนัก แกล้งพูดอย่างโมโหว่า “ต่อไปไม่ต้องให้ดอกไม้นะคะ ฉันไม่อยากให้นักแสดงตัวเล็กๆ อย่างฉันส่งผลกระทบกับกิจการใหญ่โตของคุณ”
เซียวจิ่งสือรู้ว่าหลินหว่านยังโกรธเขาอยู่ก็รีบชี้แจงว่า “หลินหว่าน คุณรู้ไหมวันนั้นถึงผมกับอันซิงจะเข้าโรงแรมไปด้วยกัน แต่ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอเลยนะ ผมให้ลูกน้องไปอยู่กับอันซิง ในใจผมมีแต่คุณเท่านั้น ผมไม่ยอมทำเรื่องที่ผิดต่อคุณแน่”
หลินหว่านเห็นท่าทางจริงจังของเซียวจิ่งสือแล้ว เหมือนกับว่าเขากลัวเธอจะไม่เชื่อ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่นจนยับย่นไปหมด หลินหว่านเห็นแล้วนึกขำอยู่ในใจ เธอยังไม่เคยเห็นเซียวจิ่งสือตอนน่าเกลียดแบบนี้มาก่อน ช่างน่าเกลียดเกินกว่าที่คิดจริงๆ
หลินหว่านสะกดกลั้นไว้ไม่อยู่ หลุดหัวเราะพรืดออกมาจนได้
เซียวจิ่งสือเห็นว่าหลินหว่านหัวเราะออกมาได้ ก็รู้ว่าเธอยอมให้อภัยเขาแล้ว รีบพุ่งเข้าไปรวบร่างหลินหว่านกับช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมอก พร้อมกับรอยยิ้มเบิกบานด้วยความดีอกดีใจราวกับบริษัททำกำไรได้หลายพันล้านอย่างนั้น
หลินหว่านถูกเซียวจิ่งสือจู่โจมเข้ากอดอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่อยู่ชั้นล่างของตึกที่พัก เธอเกรงว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเข้าได้ขายหน้ากันพอดี จึงรีบร้องห้ามว่า “เซียวจิ่งสือ คุณอย่ารุ่มร่ามสิ ทำแบบนี้อีกแล้ว รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ…”
เซียวจิ่งสือกำลังดีอกดีใจ จะยอมปล่อยง่ายๆ ซะที่ไหน เขากอดรัดหลินหว่านแน่นเข้าอีกไม่ยอมปล่อยเธอ ไม่แค่นั้นยังพรมจูบไปทั่วใบหน้าเธออีก
หลินหว่านนอกจากร้องขอให้ช่วยแล้วก็ทำอะไรอื่นไม่ได้อีก แต่ในใจหลินหว่านนั้นกลับรู้สึกดีใจเช่นกัน เธอเองก็คิดถึงเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง หลังจากดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ เธอก็นิ่งยอมให้เขาจูบแต่โดยดี
ไม่ห่างไปนัก มีกล้องขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็นบันทึกภาพทั้งหมดเอาไว้ ไม่นานนักก็เห็นว่าชายชุดดำที่ถือกล้องอยู่จัดเก็บข้าวของแล้วหายลับไปในมุมมืด…
ภายในตึกออฟฟิศ ชายชุดดำส่งกล้องให้กับอันซิง “ประธานอัน ของที่คุณต้องการ ผมบันทึกมาให้คุณทั้งหมดแล้ว”
อันซิงเผยรอยยิ้มพอใจ พูดว่า “ดี แกไปได้แล้ว”