ตอนที่ 712 : ชะตากรรม
“เรามาถึงแล้ว” ทันใดนั้นเสียงของ ThornyRose ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เย่ฉางหันหลังมา และเห็นเธอกับกุงซุนเฉียนเดินเคียงข้างกันมา จากนั้นเขาก็โบกมือให้กับพวกเธอ “ตรงนี้ มามะ มากินกันก่อน”
“กินอะไร? ตูดนายงั้นเหรอ? เหลือซุปเพียงแค่ครึ่งเดียวนี่นะ และยังไม่มีอาหารที่เหมาะสมกับเรา! ช่างเป็นคําเชิญที่ยอดเยี่ยมมาก นายคิดว่าฉันไม่ได้ดูการถ่ายทอดสดงั้นเหรอ?!” ThornyRose รู้สึกผิดหวัง และเธอก็นั่งลง “พวกเราโชคร้ายมาก เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ดังนั้นรถไฟ จึงถูกบังคับให้หยุด”
“เกิดอะไรขึ้น?” SpyingBlade กอดเอวกงซุนเฉียนแล้วถาม
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่รถไฟหยุดอยู่ที่เมือง N” กงซุนเฉียนยักไหล่
“เมือง N?” เผ่ฉางถูกดึงดูดความสนใจ แต่เขาส่ายหัว และไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร “เร็วเข้า เร็วๆเข้า! มากินบางอย่างก่อน อาหารค่ํายังไม่เลิก”
“เธอคนนี้คือ?” ลุงแพนตี้โอบไหล่เย่ฉางแล้วถาม
“ผู้หญิงที่ข่มขืนฉัน” คําพูดของเยฉางทําให้ ThornyRose ขนลุก “เมื่อไหร่ไอ้หมอนี่จะเลิกพูดแบบนี้?!” เธอกลายเป็นหน้าแดง และเริ่มแนะนําตัว
เมื่อมองไปที่ลุงฟรอสเลอร์ ThornyRose ก็หลั่งเหงื่อออกมาทั้งๆที่อยู่ในฤดูหนาวที่หนาวเย็นแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นฟางถังยืนเคียงข้างเขา “นี่คงไม่ใช่เหยื่อรายต่อไปของเขาหรอกนะ?”
“เธอคือน้องสาวของฟางชิ ฉันพูดถูกไหม?”
“ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็น” FrozenCloud ตกตะลึงไปชั่วครู่ “แต่ตอนนี้เธอเป็นนักบุญ หญิงของลัทธิช้างน้อยศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
“…” กงซุนเฉียน และ ThornyRose ต่างพูดไม่ออก จากนั้นลุงฟรอสเลอร์ก็กลับไปนั่งพร้ อมกับฟางถัง เนื่องจากเขาเคยพบกับ ThornyRose มาก่อน และรู้ว่าเธอเป็นใครแล้ว ดังนั้นเขาจึงจ้องมองที่กุงซุนเฉียน “เธอคือ?”
“คู่หมั้นของฉัน” SpyingBlade ยิ้ม
“ไม่เลว! แต่ฉันคิดว่าเธอมีโรคร้ายซ่อนเร้นอยู่ หลอดเลือดของเธอติดขัดอยู่เล็กน้อย มันควรจะเป็นเพราะการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ มานีมา ฉันจะช่วยรักษาให้คุณเอง” เมื่อพูดจบ ลุงฟรอสเลอร์ก็เดินเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้ม SpyingBlade ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี ขณะที่ฟางซิแอบหัวเราะ และรู้สึกสนุก
“โอ้ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรคะ! ฉันสบายดี” กงซุนเฉียนรู้ไม่สบายใจ และรีบตอบปฏิเสธไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามลุงฟรอสเลอร์ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย และเปิดเสื้อคลุมของเขาออกทันที “นี่เป็นปีใหม่จีน ไม่ต้องอายหรอก มาเถอะ มาสัมผัสมันดูสิ”
“เพียงแค่สัมผัสมัน การร่ายรําดาบของตระกูลกงซุนนั้นมีพลังมากพอที่จะทําลายพลังดาบได้ และผลกระทบของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันจะส่งผลกระทบต่อขีดจํากัดพลังของเธอในอนาคต” หลินเหลียงสะบัดพัดขนนกของเขาด้วยรอยยิ้ม กงซุนเฉียนตกใจมาก “เขารู้เกี่ยวกับการรําดาบของตระกูลกงซุน และอาการบาดเจ็บของฉันได้อย่างไร?! นี่เป็นความลับของตระกูลเชียวนะ! ความเสียหายจากพลังดาบในการร่ายรําดาบเป็นจุดอ่อนของตระกูลกงซุน” จากนั้นเธอก็ตรวจสอบเขา ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมยาว สูงนิดหน่อยพัดขนนก
“คุณคือ?”
“คุณผู้หญิง ฉันชื่อหลินเหลียง และฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกงซุนของคุณ ฉันเคยไปห้องสมุดสวรรค์เพื่อยืมหนังสือบางอย่าง” การแนะนําตัวแบบไม่เป็นทางการของหลินเหลียงทําให้กงซุนเฉียนตกใจ มีเพียงเฉพาะผู้อาวุโสชั้นหนึ่งเท่านั้นที่จะสามารถเข้าห้องสมุดโดยไม่ต้องขออนุญาต!”
“เนื่องจากผู้อาวุโสทั้งสองต้องการเช่นนั้น ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้” กงซุนเฉียนตัดสินใจด้วยความยากลําบาก มือของเธอสั่นเทาขณะที่ค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสช้างน้อย
แม้เขาจะรู้ว่ามันสามารถรักษาเธอได้ แต่ SpyingBlade ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ และทุกคนก็มองเธอด้วยความอิจฉา จากนั้นกงซุนเฉียนก็หลับตา และเพียงแค่อยากสัมผัสมันให้จบๆไป สิ่งนี้นับเป็นการแสดงความรักต่อหน้าสาธารณะหรือไม่?”
ทันใดนั้นกงซุนเฉียนก็รู้สึกว่ามีพลังงานอันอบอุ่นไหลผ่านร่างกายของเธอ ราวกับว่าทุ กเซลล์ของเธอได้รับการรักษา ความรู้สึกนั้นยอดเยี่ยมมากราวกับว่าสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นกําลังละลายหิมะฤดูหนาว และเปลี่ยนเป็นน้ําเพื่อชะล้างผืนดิน เธอครางออกมาอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็น SpyingBlade จ้องมองเธอด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด เธอก็รีบปล่อยมือออกด้วย ความเขินอายทันที “ขอบคุณผู้อาวุโสสําหรับการรักษา หากคุณต้องการความช่วยเหลือในอนาคต…”
“เอาล่ะ เก็บเรื่องไร้สาระทั้งหมดลงไปเถอะ รีบนั่งลงและกินก่อน เธอต้องกินข้าว นั่งลงเถอะ มีที่นั่งเหลืออยู่มากมาย” ลุงฟรอสเลอร์บิดเสื้อคลุมของเขาด้วยรอยยิ้ม
“เกิดอะไรขึ้น คุณอิจฉางั้นเหรอ?” เมื่อเห็นสีหน้าของ SpyingBlade กงซุนเฉียนก็สัมผัสไปที่ใบหน้าของเขา เธอมองไปที่ลุงฟรอสเลอร์ด้วยหวาดหวั่น และความเคารพต่อเขา “ช่างอบอุ่น และรู้สึกสบายจริงๆ ลุงฟรอสเลอร์แข็งแกร่งมาก”
“…” ในขณะเดียวกัน SpyingBlade ก็จ้องมองไปยังมือของเธอที่เพิ่งสัมผัสใบหน้าของเขา “มันเป็นมือข้างเดียวกันกับที่จับช้างน้อยของเขา! เมืองนี้เป็นเมืองที่แปลกมาก… ฉันขอโทษด้วยเสี่ยวฟาง” จากนั้นเขาก็หันไปมองฟางชิ เป็นอีกครั้งที่พวกเขาทั้งสองสบตา และเข้าใจกัน
“ขนาดเขามีพี่สาวกงซุนอยู่ข้างกาย แต่เขายังกล้าที่จะสบตาแบบเกย์กับฟางชิอีก” AV กระซิบ
“รู้หรือไม่ว่าพี่โจวนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องความกล้าหาญในโลกเสมือนจริง เขาสามารถทนให้คู่รักของเขามีความสัมพันธ์ในที่สาธารณะได้” OldWangFromNext Door รู้เกี่ยวกับอดีตอันรุ่งโรจน์ของ SpyingBlade และโพล่งคําพูดออกมาจากปากของเขาจนฟังดูน่าอึดอัดใจ
“ฉันถ่ายรูปนั้นเก็บไว้แล้ว เราสามารถใช้มันเพื่อขู่เขาในครั้งต่อไปได้” จางเจิ้งเฉียงยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“ส่งไฟล์ก็อปปี้มาให้ฉันด้วย” พวกเขาทั้งสองพูดพร้อมกัน
“ไอ้พวกบัดซบทั้งสาม…” SpyingBlade พิมพ์
ในมื้อค่ํานี้ เสียงหัวเราะทําให้บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นของอาหาร อูนา, ThornyRose และ ผู้หญิงคนอื่นๆกําลังคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่เยฉางเป็นเพียงคนเดียวที่ลุกขึ้นยืน และย้ายไปนั่งด้านข้างหลินเหลียง “ฉันขอถามจุดประสงค์ของคุณที่มาหลินไห่หน่อยได้ไหม?”
“ถ้าฉันบอกว่ามาที่นี่เพื่อพบพวกนายสามคน นายจะเชื่อฉันไหม?” หลินเหลียงกระซิบ
ดวงตาของเผ่ฉางหดตัวลงทันที และเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีเงิน จากนั้นหลินเหลียงก็กดพัดขนนกไปที่ไหล่ของเย่ฉาง “ผ่อนคลายหน่า! ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย ฉันแค่ผ่านมาดูคนที่สามารถทําร้ายหลินหลันได้”
“หลินหลัน?!” เย่ฉางพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคํา “ฉันยังจําการต่อสู้ครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกหมดหนทาง การเห็นอาเฉียงและหลินหลี่ตกอยู่ในอันตราย! ดังนั้นฉันคิดว่าคนๆนี้ต้องมาจากนิกายดาบสวรรค์ เป็นเรื่องดีที่เขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู!” เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ฉันไม่สามารถต่อสู้กับกับเขาได้ ฉันแค่โชคดีก็เท่านั้น”
ในตอนนี้หลินเหลียงไม่มีความตั้งใจที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป “นายเคยได้ยินเรื่องการต่อสู้ของจิตวิญญาณวีรชนรึเปล่า?”
“การต่อสู้ของจิตวิญญาณวีรชน?” เย่ฉางทวนซ้ํา เขาสับสน แต่ก็รู้สึกถึงบางอย่าง เดี๋ยวก่อนนะ! ทําไมวลีนี้ฟังดูคุ้นเคยจัง? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เล่าปี่เพิ่งบอกฉันเมื่อไม่นานมานี้ใช้ไหม? จูกัดเหลียงอยู่ในโลกของเรา! หลินเหลียง! จูกัดเหลียง! พัดขนนก! ทุกอย่างลงตัวหมด!! แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจ แต่ เขาก็ขัดจังหวะหลินเหลียงทันที “คุณคือจูกัดเหลียง?”
หลินเหลียงผงะเป็นครั้งที่สอง และสะบัดพัดขนนกของเขาด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เยฉางรู้สึกอัศจรรย์และประหลาดใจ “มันเป็นเขาจริงๆ! นักเขียน, นักยุทธศาสตร์, นักประดิษฐ์, สถาปนิก, วิศวกร และนักปกครองที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?!”
เมื่อหลินเหลียงกําลังจะอธิบาย เยฉางก็สบถออกมา
“บ้าเอ๊ย แม่มึงเถอะ! ไอ้ห่า! @$%@$%” ทันใดนั้นก็มีคําด่าที่หยาบคายมากมายออกมาจากปากของเยฉาง
โดยไม่คาดคิดหลินเหลียงไม่ได้โกรธ แต่ยิ้มออกมา “นายเชื่อฉันแล้ว?”
“ฉันต้องขอโทษด้วย แต่ฉันต้องรักษาสัญญา เขาต้องการให้ฉันทักทายคุณแบบนั้น” เย่ฉางพยักหน้า
“อันที่จริงนายด่าฉันก็ถูกแล้ว เนื่องจากความสามารถในการหลบหนีของเล่าปีนั้นดีที่สุด และ เขาไม่สามารถเอาชนะได้ แต่เขาก็เป็นคนที่โชคดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอให้เขายื่อศัตรูเอาไว้ และก็พิสูจน์แล้วว่าฉันคิดถูกจริงๆ จริงๆแล้วเขาได้สบประมาทญ้อปาอ๋อง และ รอให้อาเค่อตายก่อนที่จะหนีไป ยกเว้นความจริงที่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากถูกยิงที่ก้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนแรกที่หลบหนีมาถึงจุดนัดพบ และทําให้พวกเราได้แต่จ้องมองด้วย ความประหลาดใจ และที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือเขาตําหนิเราเพื่อให้เรายกย่องเขา” หลินเหลียงตอบกลับด้วยความเคารพ เขาหันหน้าไปทางทิศตะวันตก และโบกพัดขนนกของเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ครุ่นคิด “ทําไมฉันถึงได้เผชิญหน้ากับคนที่คุ้นเคยมากมาย? ไม่ว่าจะเป็นไอ้หนุ่มน้อยหลินเซ็นที่ ไม่ชอบฉัน และนี่ก็คืออีกคนที่เล่าปี่มอบหมายให้มาตําหนิฉัน เฮ้อ!” หลังจากถอนหายใจเสร็จเขาก็พูดออกมา “โดยสรุปแล้วการต่อสู้ของเหล่าวีรชนจะเริ่มต้นในวันเกิดของจักรพรรดิแห่งสวรรค์ นั่นก็คือวันที่เก้าของปีใหม่จีน เมื่อมันเริ่มต้นขึ้น ฉันสามารถเสนอชื่อสามคนให้ต่อสู้เพื่อชิงถ้วยศักดิ์สิทธิ์ได้ นายจะได้รับผลประโยชน์อย่างไม่คาดคิดหากนายชนะการต่อสู้ดัง นั้นนายสนใจหรือไม่?”
“หลินหลันไม่ไปงั้นเหรอ?” เผ่ฉางไม่ได้ถามถึงรายละเอียดอื่นๆ
“เขาไปได้แค่ครั้งเดียว และไม่สามารถไปครั้งที่สองได้อีก นายคงสงสัยว่าทําไมฉันถึงยังสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ได้อีก นั่นเป็นเพราะความสัมพันธ์ของฉันกับอาณาจักรวิญญาณวีรชนนั้นเอง นี่เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายได้” หลินเหลียงรู้ถึงความสงสัยของเย่ฉาง
“แล้วทําไมเป็นเรา?” เยฉางจ้องมองไปที่หลินเหลียง “ไม่มีอะไรฟรีบนโลกใบนี้
“ประการแรก นายและหลินหลีสืบทอดสายเลือดของตระกูลหลิน และชายร่างใหญ่คนนั้น ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด เขามีสายเลือดของตระกูลจางอยู่ ประการที่สองฉันสนใจพวกนายมาก ประการที่สาม อืม เอาเถอะ! ฉันจะบอกนายในครั้งหน้าก็แล้วกัน” หลินเหลียงชำเลืองมองที่หลินหลี่ และ จางเจิ้งเฉียงในขณะที่โบกพัดขนนก
“นิกายดาบสวรรค์ – ตระกูลจาง?! อาเฉียง เขา..?!” เย่ฉางเกือบสูญเสียคําพูดของเขา
“ฉันไม่แปลกใจเลย พ่อของเขาเป็นลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลจาง เขาเกิดมาในฐานะบุตรชายคนหนึ่งของตระกูลรอง และอ่อนแอกว่าคนอื่นๆ การทํางานหนักในระหว่างการฝึกทําให้เขาเป็นบ้า และถูกตระกูลหลักขับไล่” คําพูดของหลินเหลียงทําให้เย่ฉางโศกเศร้า “นี่คือชะตากรรม งั้นเหรอ? เย่, หลิน, จาง…