บทที่ 336
เช้ารุ่งขึ้นวันที่สอง ซือเทียนฉีมารับเย่เฉินไปงานมหกรรมการแพทย์แผนจีน
สิ่งที่เย่เฉินนั้นไม่ได้คาดคิดก็คือ สถานที่จัดงานนั้นจะเป็นศูนย์นิทรรศการจินหลิงของตระกูลเกา
ครั้งก่อนที่มา เกาจวิ้นเว่ยยังทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าเขาอยู่เลย แต่ในเวลานี้ เกาจวิ้นเว่ยและเกาเจี้ยนจูนลูกชายคนโตของเขาก็ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่บนโลกใบนี้
เปรียบกับวลีที่ว่า “วันนี้มาที่นี่อีกครั้ง แต่ไม่พบสาวงามคนนั้น มีแต่ดอกพีชเท่านั้นที่ไหวในสายลมในฤดูใบไม้ผลิ”
เมื่อก้าวเข้าไปในศูนยนิทรรศการ เย่เฉินก็พบกับฝาผนังบนห้องโถงที่ประกาศบุคคลสูญหายของเกาจวิ้นเว่ยและเกาเจี้ยน
ตระกูลเกาได้เพิ่มค่าหัวเป็นสามสิบล้าน แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสของสองพ่อลูกคู่นี้เลยแม้แต่น้อย
ความพยายามเหล่านี้ มันช่างไร้ความหมาย
เย่เฉินกับซือเทียนฉีนั้นเดินเข้ามาพร้อมกัน ฉินกางพาฉินเอ้าเสวี่ยนเข้ามาทักทาย
ตระกูลฉินนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับยา มหกรรมการแพทย์แผนจีนนี้ พวกเขาเองก็มาแสดงสินค้า จึงได้มาแต่เช้าตรู่
เมื่อเห็นเย่เฉิน ฉินกางเดินเข้าไปแล้วโค้งคำนับอย่างตื่นเต้น พร้อมกับกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านอาจารย์เย่มาแล้ว!”
ฉินเอ้าเสวี่ยนที่อยู่ด้านข้างกลับดูเป็นกังวล ใบหน้าขาวซีด ไม่รู้ว่าสาเหตุนั้นคืออะไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเย่เฉิน อารมณ์ของฉินเอ้าเสวี่ยนก็ยังคงตื่นเต้นดีใจ เดินไปหาเย่เฉินด้วยท่าทีที่เขินอายเล็กน้อย โค้งคำนับอย่างเชื่อฟัง ยิ้มเบาๆแล้วกล่าวเบาๆว่า “ท่านอาจารย์เย่สวัสดีค่ะ”
เย่เฉินหยักหน้าเล็กน้อย เมื่อจ้องไปที่ฉินเอ้าเสวี่ยนชั่วครู่ ก็รู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีอะไรบางอย่างในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา เขาเองก็สะดวกที่จะถาม จึงพูดกับเธอไปว่า “เอ้าเสวี่ยน สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย พักผ่อนเยอะๆนะ”
ทันทีที่ฉินเอ้าเสวี่ยนได้ยิน แก้มทั้งสองข้างก็แดงระเรื่อ ไม่คาดคิดว่าเย่เฉินจะสนใจตนเอง ในใจของเธอนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก เธอพยักหน้าไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินกางกล่าวอย่างเคารพว่า “ท่านอาจารย์เย่ ที่ท่านมาครั้งนี้เป็นเพราะโสมม่วงชั้นเลิศที่อายุสามร้อยปี ใช่หรือไม่?”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วถามว่า “มีข่าวอะไรบ้างไหม?”
ฉินกางยิ้มและกล่าวว่า “โสมม่วงชั้นเลิศที่อายุสามร้อยปีนี้ ได้มาโดยบังเอิญแถบภูเขาฉางไบที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่ากันว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ห้าล้าน ซึ่งก็ถือว่าไม่สูงมากนัก แต่ถ้าเป็นโสมม่วงหนึ่งต้นห้าล้าน ก็ถือว่าราคาสูงอยู่ คาดว่าราคาเสนอสุดท้ายน่าจะอยู่ที่สามสิบล้วนหยวน ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าสูงเกินไป”
เย่เฉินพยักหน้า
สำหรับคนธรรมดาหรือหมอยาจีนทั่วไปนั้นโสมม่วงชั้นเลิศที่อายุสามร้อยปีถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
ไม่ว่าจะเป็นโสมม่วง เห็ดหลินจือหรือว่าถั่งเช่า สมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้ หากกินโดยตรงก็จะได้ประโยชน์ที่ไม่มากนัก การที่ทำให้ร่างกายนั้นแข็งแรงถือว่าจริงแต่ว่าไม่สามารถรักษาทุกโรคได้
ดังนั้นตัวยาที่ดีจึงต้องพัฒนาให้มีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หนึ่งคือต้องดูการจับคู่กันของตัวยา อีกอย่างหนึ่งคือความสามารถในการปรับแต่งตัวยา
หลักการของตำรับยานั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ใช้ยาสิบชนิดรวมกันก็สามารถสร้างตำรับยาขึ้นมาใหม่ได้ บางอย่างสามารถรักษาหายได้ด้วยยา บางอย่างก็สามารถพรากชีวิตไปได้เลย เหตุผลพื้นฐานที่ทำให้มันต่างกันนั้นก็คือปริมาณของยาทั้งสิบชนิดนี้ ความแตกต่างของอัตราส่วนเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้เกิดความแตกต่างที่มากมายได้ หากใช้ยาที่แตกต่างกัน นั่นก็จะยิ่งทำให้แตกต่างเป็นอย่างมาก
สำหรับความสามารถในการปรุงยานั้น ขึ้นอยู่กับตำรับยาที่ดีปรุงยาที่ดีให้ดียิ่งขึ้น
หากความสามารถไม่ถึง ตำรับยาสิบอย่างอาจปรุงออกได้แค่อย่างเดียว
แต่หากความสามารถในการปรุงยานั้นมีมาก ตำรับยาหนึ่งอย่างก็สามารถปรุงได้สิบอย่างเลยทีเดียว
หากมีความสามารถทั้งคู่ ตำรับยาสิบอย่าง สามารถทำได้ถึงร้อยอย่างเลย ความสามารถของเย่เฉินก็คือการนำตำรับยาสิบอย่างมาทำให้เป็นร้อยอย่าง
นอกจากนี้เขายีงมีสูตรโบราณที่หายไปนานอีก แน่นอนว่าสามารถผลิตได้เกินหนึ่งร้อยแน่ๆ
ดังนั้น โสมม่วงชั้นเลิศที่อายุสามร้อยปี นั่นมีประโยชน์กับเขา แต่กับคนอื่นอาจจะไม่มากขนาดนั้น
แต่ถ้าได้มาอยู่ในมือของตนนั้น ก็จะสามารถปรุงแต่งให้เป็นยาที่วิเศษได้ดีกว่ายาเม็ดที่ทุกคนเคยกิน!