บทที่ 337

ในขณะนั้น เย่เฉินก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังเขา

ชายคนหนึ่งพูดว่า “เซียวต่ง ท่านไม่ต้องกังวล ขอเพียงครั้งนี้เราได้โสมม่วงชั้นเลิศที่อายุสามร้อยปี วัสดุยาแบบใหม่ของเราจำเป็นต้องใช้กับตำรับยานี้ เมื่อถึงเวลานั้น อาการของท่านจะหายขาดแน่นอน!”

พูดแบบนี้ คือเว่ยฉางหมิงจากตระกูลเว่ยนี่เอง

ซึ่งนั่นก็คือคนที่ถูกให้เลยโถส้วมเมื่อสองสามวันก่อน

ขณะนี้เอา เซียวอี้เชียนจากตระกูลเซียวก็พูดขึ้นมาว่า “อั๊ยยะ งั้นก็ต้องขอบคุณพี่เว่ยล่วงหน้าน่ะสิ รอให้ฉันรักษาหายดีแล้วก่อน ฉันจะกระชับความสัมพันธ์กับตระกูลเว่ยเป็นแน่ เมื่อถึงเวลาที่ฉันและครอบครัวได้ทรัพยากรจากตระกูลเว่ยแล้ว เราั้งสองตระกูลจะกลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและแน่นแฟ้นที่สุด!”

เว่ยฉางหมิงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะขอบคุณเซียวต่งล่วงหน้าด้วยอีกคน ฮาฮาฮาฮา”

เย่เฉินหันกลับมา มองเห็นเว่ยฉางหมิงแลัะเซียวอี้เฉียนจากไกลๆ

โดยมีเซียวเวยเวยตามสองคนนั้นมา

เซียวเวยเวยก็เป็นอีกคนที่ไม่ได้รู้สึกลำบากใจที่ต้องเลียโถส้วมในวันนั้น เธอถือกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นแอร์เมส มืออีกข้างคล้องแขนของเว่ยฉางหมิง เดินด้วยท่าทีที่ดูสง่างาม ดูแล้วเป็นท่าทางของหญิงสาวที่ร่ำรวยเลยทีเดียว

ด้านหลังสองสามคน มีคนดูหน้าตาคล้ายกับเว่ยฉางหมิงตามมา เย่เฉินไม่รู้จักชายคนนี้ ดูเหมือนจะเป็นน้องชายนอกสมรสของเว่ยฉางหมิง เว่ยเลี่ยงผู้ซึ่งจะโดนรังเกียจในตระกูลเว่ย

และในขณะที่เย่เฉินเห็นคนเหล่านั้น คนเหล่านั้นก็เห็นเย่เฉินเช่นกัน

เซียวอี้เชียน เว่ยฉางหมิง เซียวเวยเวย ทั้งสามคนนี้ต่างมีความบาดหมางกับเย่เฉิน เกลียดจนเข้ากระดูกดำ เมื่อเจอกันในขณะนี้ ดวงตาก็เขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตายไปเลยทีเดียว

และเมื่อเว่ยฉางหมิงเห็นเขา ก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากกว่าเดิม กลิ่นโถส้วมที่น่ารังเกียจนั้นราวกับมาอยู่ในปากของเขาอีกครั้ง

เซียวเวยเวยอดไม่ได้ที่ต้องนึกย้อนกลับไป แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วแต่ลิ้นกลับไม่รับรส กินอะไรก็ไม่ได้รสชาติ รู้สึกเหม็นไปหมดทุกอย่าง ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเย่เฉิน!

เมื่อเห็นเย่เฉิน เซียวอี้เฉียนที่มีภูมิหลังและพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็กัดฟันและพูดก่อนว่า “ที่แท้ก็เป็นนายเองเหรอ พ่อรูปงาม พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ!”

เย่เฉินยิ้มอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “ครั้งก่อนเรียกปู่ เรียกปู่ซะสดชื่นไปเลยทีเดียว เปลี่ยนชื่อเรียกในพริบตาเลยเหรอ?หลานชายของคุณนี่ดูท่าจะไม่กตัญญูเอาซะเลยนะ?”

เซียวอี้เฉียนได้ยินเช่นนั้น ก็กำมือแน่นด้วยความเกลียดชัง

เหตุการณ์นั้นทำให้เขาเสียหน้า อีกทั้งยังสูญเสียความเป็นผู้ชายไปอีก นับเป็นสิ่งที่น่าอัปยศที่สุดในชีวิต!

แต่เขาก็รู้ว่าไม่สามารถเอาชนะเย่เฉินได้ จึงไม่กล้าทำอะไร ได้แต่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เขาเรียกว่าคนฉลาดที่รู้จักเวล่ำเวลาต่างหาก คนไร้ประโยชน์แบบนายจะไปรู้อะไร?แค่ต่อสู้ได้ ก็เป็นแค่ตัวละครหนึ่งเท่านั้นแหละ!โลกนี้มันมืดมากนะ อนาคตเดินก็ระวังดูตาม้าตาเรือบ้างล่ะ ”

เย่เฉินหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ฉันเห็นว่าตอนนี้นายดูงอๆนะ ยืดหน่อยไม่ได้ใช่ไหม ช่วงนี้ นายฝึกความเป็นชายได้บ้างรึยังล่ะ?”