“นายท่าน สตรีนางนี้เป็นองค์ชายมิรันด้าจัดเตรียมไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ หวังว่านายท่านจะพึงพอใจนะเจ้าคะ” หญิงรับใช้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เซียวอวี๋ลูบจมูก มิรันด้ากระตือรือร้นไปแล้ว การปรนนิบัติก่อนหน้ายังไม่พอ ตอนนี้ยังจัดส่งหญิงสาวงดงามมาอุ่นเตียงอีก ดูเหมือนมิรันด้าจะกังวลสนใจตัวเขาเสียจริงๆ ซึ่งอันที่จริง ที่เซียวอวี๋ไม่ทราบก็คือ การปฏิบัติแบบนี้ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกพิสดารในหมู่ชนชั้นสูง ในยุคนี้ หญิงงามมักเป็นของขวัญที่ใช้มอบต่อกัน จิตสำนึกสั่งให้เขาปฏิเสธ อย่างไรเสีย มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าสตรีนางนี้แตกต่างจากหญิงรับใช้คนอื่นๆ ชัดเจนว่านางเป็นสตรีพรหมจรรย์ที่ถูกจัดส่งมาให้เขาโดยเฉพาะ หากว่าครอบครองสตรีนางนี้ คงบังเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นไม่น้อย ในใจของเขารู้สึกหนักอึ้ง หญิงรับใช้ที่นำทางมาพลันล่าถอยออกไป ทิ้งให้เซียวอวี๋อยู่กับหญิงสาวตามลำพัง ส่วนอิลิดันนั้นคอยเฝ้าระวังอยู่บนหลังคาตึกเพื่อที่จะสามารถสอดส่องได้รอบทิศทาง อิลิดันเห็นแล้วว่ามีหลายคิดลอบเข้ามาตรวจสอบที่นี่ แต่สุดท้ายก็ถอยกลับไป แน่นอนว่าคนเหล่านั้นพอจะประมาณความแข็งแกร่งของอิลดันได้ สุดท้ายจึงจำต้องล่าถอยกลับไป เซียวอวี๋เดาว่า คนเหล่านั้นคงเป็นคนที่ถูกมิรันด้าส่งมาตรวจสอบเขา แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ พวกนั้นประเมินความแข็งแกร่งของอิลิดันต่ำไป ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นที่หกโผล่มา อิลิดันในตอนนี้ก็สามารถรับมือได้ นอกจากนี้ อิลิดันยังมีประสาทเฉียบไวต่อลมหายใจใดๆ นั่นเพราะเขามีทักษะเนตรกระจ่าง กระทั่งมือสังหารขั้นที่หกก็อย่าหวังจะเล็ดลอดผ่านเขาไปได้ เซียวอวี๋มองสตรที่เบื้องหน้าอย่างลังเลครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงและเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย ข้าน้อยมีนามว่าหมี่ไค่เอ๋อร์ หวังว่าข้าจะสามารถมอบความสุขให้กับคุณชายได้” เซียวอวี๋เห็นใบหน้าแข็งเกร็งของนาง เขาก็รู้ทันทีว่านางกำลังฝืนใจอยู่ กระนั้น เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นทั่วทั้งทวีปอยู่แล้ว สตรีมากมายจากครอบครัวยากไร้มักมีผลลงเอยเช่นนี้ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวแล้ว พวกนางจำต้องขายเรือนร่างของตนเอง สำหรับหญิงสาวนางนี้ เซียวอวี๋รู้สึกเวทนานางนัก “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจ วางใจเถอะ ข้าไม่ใช่คนประเภทนั้น ข้าจะไม่บีบบังคับเจ้า” เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวอวี๋ นางก็สั่นสะท้านอย่างหวาดวิตก น้ำตาพลันเอ่อไหลออกมา “คุณชาย ข้าจะทำทุกสิ่งตามที่ท่านต้องการ แต่ได้โปรดอย่าขับไล่ข้าน้อยเลย ไค่เอ๋อร์จะปรนนิบัติคุณชายอย่างดีที่สุด” เห็นท่าทางหวาดวิตกของนางแล้ว เซียวอวี๋ก็นิ่งตะลึง จากนั้นก็พลันเข้าใจได้ ตัวนางคงถูกเฝ้าจับตาดูอยู่ หากนางไม่ยอมปรนนิบัติเขา ตัวนางคงถูกลงโทาอย่างหนัก ชีวิตเช่นนี้ช่างน่าเวทนานัก เซียวอวี๋เดินไปรอบห้องอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตัดสินใจได้ แม้ว่าเขาจะไม่ครอบครองนางในคืนนี้ นางก็คงต้องถูกส่งต่อให้คนอื่นๆอยู่ดี เช่นนั้นมิสู้ให้นางอยู่กับเขา หลังจากครอบครองนางแล้ว เขาก็แค่ต้องพานางกลับดินแดนไลอ้อนด้วยกัน เช่นนั้น ชีวิตความเป็นอยู่ของนางก็คงดีกว่าตอนนี้ หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว เซียวอวี๋ก็กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้าไม่ดี วางใจได้ ข้าจะไม่ไล่เจ้าไปแล้ว นับจากนั้นเจ้าเป็นของข้า ติดตามข้า แล้วเจ้าจะไม่ผิดหวัง” เมื่อหมี่ไค่เอ๋อร์ได้ฟัง นางก็ปาดเช็ดน้ำตาก่อนจะหยุดร้องไห้ นางค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนจะกอดเซียวอวี๋ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่านางไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ นางค่อยๆปลดเสื้อผ้าของเซียวอวี๋อย่างเก้ๆกังๆ เมื่อเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเซียวอวี๋ ใบหน้าอันน่ารักของนางก็แดงสดใส นางเขินอายจนไม่ทราบจะวางมือไม้ไว้ที่ใด เห็นเช่นนี้ เซียวอวี๋ก็หัวเราะเสียงดัง และดึงไค่เอ๋อร์เข้าอ้อมอกก่อนสอดมือเข้าไปในร่มผ้า ทั้งความเอียงอาย และบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างน่ารักของนางทำให้ผู้คนหลงใหลโดยง่าย สิ่งนี้แตกต่างจากเสน่ห์เต็มสาวของสกาเล็ตอย่างสิ้นเชิง สกาเล็ตนั้นเหมือนกับดอกกุหลาบที่บานสะพรั่ง ขณะที่ไค่เอ๋อร์เปรียบดังดอกทานตะวันในหุบเขา คืนนั้น เซียวอวี๋รู้สึกว่ามันจึงเป็นวันที่มีความหมาย นี่ล่ะคือการใช้ชีวิต มองดูไค่เอ๋อร์ที่มีน้ำตาบนใบหน้าขณะหลับแล้ว เซียวอวี๋ก็อดจุมพิตเบาๆที่หางตาของนางไม่ได้ หลังจากโรมรันกันทั้งคืน นางคงเหน็ดเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด “คุณชาย….ท่านตื่นแล้ว” ไค่เอ๋อร์ตื่นขึ้นอย่างกังวล เห็นนางเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็รู้ว่านางคงใช้ชีวิตผ่านมาอย่างหวาดกลัว ในใจก็รู้สึกรักเวทนา เซียวอวี๋พยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “อืม ไค่เอ๋อร์ เจ้าอย่างได้กลัว นับจากนี้เจ้าคือสตรีของข้า ข้าจะปกป้องเจ้า ตราบที่ข้ายังยังอยู่ จะไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้” คำพูดของเซียวอวี๋ทำให้ไค่เอ๋อร์นิ่งงันไป ในความคิดของนาง เมื่อบุรุษนี้เชยชมนางแล้วเขาก็คงสลัดนางทิ้งเสมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า ‘ใยเขาจึงกล่าวเช่นนี้? หรือเป็นเพราะความงามของข้า? ข้าได้รับความรักจากเขางั้นหรือ? แต่มันจะดำรงคงอยู่ได้นานเพียงใดกัน?’ ในฐานะที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในตระกูลใหญ่มาตั้งแต่เด็ก นางทราบดีว่าสตรีอย่างนางก็เป็นได้แค่ของเล่นสำหรับบุรุษ ด้วยเหตุนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวอวี๋ นางจึงไม่ได้คาดหวังอะไรนักและเพียงยิ้มบาง “ตราบที่ทำให้คุณชายพอใจและไม่ติติงผู้น้อยต่อองค์ชายมิรันด้า แค่นั้นก็ข้าก็ยินดีแล้วเจ้าค่ะ” เซียวอวี๋ยกมือลูบแผ่นหลังของนางเบาๆพลางเผยรอยยิ้ม ” อย่างไร? ข้าบอกแล้วว่านับจากนี้เจ้าเป็นสตรีของข้าและไม่มีเกี่ยวข้องกับมิรันด้าอีก นับจากนี้เจ้าเป็นอิสระแล้ว เจ้าอยากไปที่ใดก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ บอกมาสิว่าเจ้าอยากได้อะไร ข้าจะมอบมันให้เจ้า” กล่าวจบเซียวอวี๋ก็รู้สึกกระตือรือร้น บุรุษที่ปกป้องสตรีของตนได้จึงจะเป็นบุรุษที่ดี ตอนนี้เซียวอวี๋มีทุนรอนแล้ว บนเส้นทางของเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร หากกล้ามาขวางทาง เขาจะจัดการอีกฝ่ายโดยมิเกรงกลัว ซึ่งอันที่จริง ขุมอำนาจแกร่งๆหลายฝ่ายก็เป็นศัตรูของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกลัวอีก ก็จริงที่จักรวรรดิแลนซ์นั้นเป็นจักรวรรดิที่เข้มแข็งเรืองรอง กระนั้นก็ยังห่างไกลจากตระกูลของนิโคลัสและศาสนจักร ตอนนี้เซียวอวี๋ถือเป็นศัตรูคู่อาฆาตของศาสนจักรแล้ว ดังนั้นจักรวรรดิแลนซืจึงไม่อยู่ในสายตาของเขา กระทั่งทั้งจักรวรรรดิยังไม่ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเพียงองค์ชายองค์หนึ่ง คิดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ใส่ใจมิรันด้าอีก ‘รอทหารของข้ามาถึงก่อนเถอะ ข้าจะถล่มมารดามันและปล้นเมืองเม็กนี้อีกครั้งดุจเดียวกับที่บิดาของข้าเคยกระทำ’ เซียวอวี๋โอบกอดไค่เอ๋อร์ไว้ในอ้อมอกพลางเค้นคลึงนางเบาๆขณะที่แววตาฉายแสงเจิดจ้า เขากำลังครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับมิรันด้า ในยามบ่าย เจ้าหน้าที่หญิงก็มาหาเซียวอวี๋และกล่าวว่า “เรียนคุณชาย องค์ชายมิรันด้าต้องการเชิญท่านเข้าพบที่จวนของเจ้าเมืองเจ้าค่ะ” เซียวอวี๋พยักหน้า “เข้าใจแล้ว” เซียวอวี๋ทราบว่าอีกฝ่ายไม่ได้เชิญเขาไปมอบของขวัญอะไร หากแต่เป็นการพูดคุยเรื่องธุรกิจ ดังนั้นเซียวอวี๋ย่อมต้องไป เซียวอวี๋เปลี่ยนชุดและให้ไค่เอ๋อร์รออยู่ที่นี่ จากนั้นจึงออกไปพร้อมกับอิลิดัน มีรถม้าถูกจัดเตรียมไว้ที่นอกประตู เซียวอวี๋ขึ้นไปนั่งอย่างสบายอารมณ์พลางชมวิวทิวทัศน์ไปตลอดทาง หลังจากนั้นราวสิบนาที เขาก็มาถึงด้านนอกของอาคารสูงแห่งหนึ่ง เซียวอวี๋มองดูจวนเจ้าเมือง ตัวอาคารดูโอ่อ่าตระการตาไม่เลว นี่ยังดีกว่าจวนของเขาที่เมืองไลอ้อนมาก ที่ประตู มิรันด้ายืนอยู่พร้อมรอยยิ้ม ที่ด้านหลังของเขามีคนมากมายออกมายืนต้อนรับ นี่แสดงให้เห็นว่ามิรันด้าใส่ใจต่อเซียวอวี๋เพียงใด “องค์ชายท่านให้เกียรติกันเกินไปแล้ว” เซียวอวี๋เร่งกล่าวกับมิรันด้า กระนั้นท่าทีของเขากลับไม่มีร่องรอยตามคำพูดแต่อย่างใด นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ยำเกรงต่อตัวตนของมิรันด้าเลย เหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของมิรันด้า เมื่อได้เห็นท่าทีของเซียวอวี่เข้า ทั้งหมดก็แสดงความประหลาดใจและเริ่มยำเกรง ท่าทีที่ไม่เห็นมิรันด้าอยู่ในสายตานี้ แน่นอนว่าคนผู้นี้จะต้องมีที่ให้ถือดีอย่างแน่นอน “เป็นครั้งแรกที่คุณชายเซียวมาเยือนจวนเจ้าเมือง ข้าแน่นอนว่าย่อมต้องออกมารับด้วยตัวเอง” มิรันด้ายิ้มก่อนจะเดินไปอยุ่ด้านข้างของเซียวอวี๋แล้วจับมือของเซียวอวี๋ไว้ด้วยท่าทีมีลับลมคมใน มิรันด้ายื่นหน้าเข้าไปกล่าวที่ข้างหูของเซียวอวี๋ “คุณชาย สาวงามที่ส่งไปถูกใจท่านหรือไม่?” เซียวอวี๋พลันเผยยิ้มยินดีก่อนจะตอบว่า “องค์ชายช่างวิเศษนัก ไม่ทราบว่าท่านไปหานางงามน้อยเช่นนั้นมาจากที่ใด ข้าชมชอบนางยิ่ง ข้าแทบจะไม่อยากรุดมาพบกับท่านเพราะอยากเสพสุขอยู่กับนาง” ได้ยินเซียวอวี๋กล่าวเช่นนั้น แม้มิรันด้าจะเจ็บปวดใจ แต่เขาก็รีบปั้นยิ้มพลางกล่าวว่า “ในเมื่อคุณชายชมชอบ เช่นนั้นก็ถือว่ายกนางให้กับท่านเถอะ” เซียวอวี๋พยักหน้ายิ้มรับ “เช่นนั้นข้าไม่สุภาพแล้ว ขอบคุณองค์ชาย” จากนั้นมิรันด้าก็แนะนำเซียวอวี๋ต่อคนอื่นๆ บางคนเป็นแม่ทัพในสังกัดของมิรันด้า ขณะที่อีกหลายๆคนเป็นคนของหอการค้าฝูลู่ หลังจากได้พบกับทุกคนแล้ว เซียวอวี๋ก็เอ่ยปากถาม “องค์ชาย ข้าได้ยินมาว่าผู้นำคนเก่าของหอการค้าฝูลู่ สกาเล็ตนั้นเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงามงด ไม่ทราบตอนนี้นางอยู่ไหนหรือ?” ได้ยินเซียวอวี๋พูดถึงสกาเล็ต มิารันด้าก็ไม่ได้ประหลาดใจ สกาเล็ตนั้นเรียกได้ว่าเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียงของจักรวรรดิ หากเป็นบุรุษย่อมต้องให้ความสนใจต่อนาง “ตอนนี้สกาเล็ตยังมาไม่ถึง แต่ไม่ช้านางจะต้องถูกจับแน่ หรือว่าคุณชายเซียวก็สนใจในตัวนางด้วย? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้คุณชายได้ลิ้มรสนางเป็นคนแรก” เพื่อการร่วมมืออันราบรื่น มิรันด้าย่อมไม่ตระหนี่ถี่เหนียว เซียวอวี๋หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจะตั้งตารอเลยล่ะ” หากแต่ในใจนั้นลอบสบถด่าไม่หยุด ‘ท่านย่ามัน ไม่รู้จักดีชั่ว กล้าคิดจะขายภรรยาของข้า คอยดูว่าลูกพี่จะจัดการเจ้าอย่างไร’ “ถึงอย่างนั้น แต่คุณชายก็เพิ่งได้เสพสมกับน้องสาวของนางไป รู้สึกดีใช่หรือไม่? ได้ขึ้นขี่ทั้งพี่ทั้งน้อง นั่นคงเป็นความรู้ที่ยอดเยี่ยม” มิรันด้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ว่ากระไร? ไคเอ๋อร์เป็นน้องสาวของสกาเล็ต?” ได้ยินเช่นนี้ เซียวอวี๋ก็นิ่งตะลึง