TQF:บทที่ 716 งานประลองการสกัดยา (3)
ตาเฒ่าฮ่องเต้หัวเราะขบขัน “เฉินเอ๋อ เจ้าคิดว่าพ่อไม่รู้นิสัยเจ้าหรือไง เจ้าเรียกนักรบเงาของเจ้ากลับมาในเมืองแล้วนี่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากแก้แค้นให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวละก็ เจ้าจะเรียกนักรบเงากลับมาทำไม”
“ปิดบังเสด็จพ่อไม่ได้เลยจริงๆ”
นาทีนั้น หน้าที่บึงตึงอยู่ก็ค่อยๆอ่อนโยนขึ้น มีรอยยิ้มจางๆปรากฏอยู่ที่มุมปากของหวงฝู่มั่วเฉิน “ซูหยุนไม่มีทางอยู่เฉยเด็ดขาด เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องคอยปกป้อง นี่แหละคือสิ่งที่นักรบเงาพึงทำ ส่วนยัยหนูเสี่ยวเสี่ยวน่ะ ข้าไม่เคยกล้าที่จะดูถูกนาง ข้าเชื่อว่าเผ่าอสูรที่นางมีในมือไม่ใช่แค่หลักแสนแน่ ดังนั้น ข้าเชื่อว่า….”
“เจ้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคนที่ชนะต้องเป็นนางแน่ ใช่มั้ย” ตาเฒ่าฮ่องเต้หรี่ตาลงและพูดต่อจากเขา ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
“พวกเขาทั้งหมดล้วนมองเห็นแต่ผลประโยชน์จนสมองเบลอ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวน่ะเหรอจะถูกเอาเปรียบได้ง่ายๆ การที่นางสามารถทำให้เผ่าอสูรนับแสนหายไปในทีเดียวก็บ่งบอกได้แล้วว่าศึกครั้งนี้ไม่ว่านางจะชนะหรือแพ้ เจ้าพวกนั้นจะไม่มีทางเอาเปรียบนางแม้สักนิดได้อย่างเด็ดขาด เกรงว่าคงจะเสียใจทีหลังจนน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
“หืม ทำไมเฉินเอ๋อพูดแบบนี้ล่ะ” ตาเฒ่าฮ่องเต้ถามด้วยความสงสัย
หวงฝู่มั่วเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย “เสด็จพ่อ ท่านคิดว่าที่งานประลองการสกัดยาครั้งนี้พวกเขาจะประกาศล้มล้างกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนรึเปล่า”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ตามนิสัยของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว นางจะยอมให้คนอื่นสาดโคลนใส่ร้ายนางตามอำเภอใจรึ”
“ข้าไม่รู้นิสัยเฉิงเสี่ยวเสี่ยว แต่หยูเฮงน้อยไม่ยอมโดนรังแกแบบนี้แน่นอน” ตาเฒ่าฮ่องเต้กล่าวยิ้มๆ
“เหอะๆๆ…”
หวงฝู่มั่วเฉินหัวเราะเบาๆ “เสด็จพ่อ นายเป็นยังไงบ่าวก็เป็นเช่นนั้น หยูเฮงน้อยไม่ใช่คนที่ยอมโดนรังแก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ่งไม่ใช่ อย่าเห็นว่านางอ่อนโยนเสมือนน้ำ แต่ความทรนงในตัวมีมากยิ่งกว่าใคร นางจะปล่อยให้คนอื่นให้ร้ายนางตามใจชอบได้อย่างไร”
“นั่นก็ถูก” ตาเฒ่าฮ่องเต้พยักหน้า นึกไปถึงหญิงสาวที่สูงส่งสง่างามอยู่ตลอดแล้วก็มีแววตาชื่นชม
“การที่พวกเขาลงมือสังหารเพื่อจะเอาซากศพสัตว์อมตะได้ทำให้ยัยเด็ก 2 คนกริ้วแล้ว ที่ยังไม่ทำอะไรแค่ยังไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น หรืออาจจะกำลังรอให้อีกฝ่ายกระโดดออกมาอยู่”
หวงฝู่มั่วเฉินพูดไปเรื่อยๆด้วยแววตาเป็นประกาย “งานประลองการสกัดยาครั้งนี้จะต้องวุ่นวายแน่ ข้าไม่กล้าพูดว่าสัตว์อมตะที่ยัยเด็กทั้ง 2 มีจะสามารถต่อกรกับคนพวกนั้นได้ แต่แค่พวกนางจะรักษาชีวิตไม่ใช่ปัญหาแน่ โดยเฉพาะเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่อยู่จุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทพเทวาแล้ว นางสามารถบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวาได้ทุกเมื่อ อีกอย่างนางยังเป็นเจ้าแห่งการฝึกสัตว์ด้วย หากคิดจะไปจากที่นี่ละก็ไม่มีใครขวางพวกนางได้”
“เฉินเอ๋อ เจ้าหมายความว่า….”
“เสด็จพ่อ ไม่ต้องพูดถึงว่ายัยเด็ก 2 คนจะชนะในงานประลองการสกัดยาได้ ต่อให้พวกนางพ่ายแพ้จริงๆ คนที่จะเสียใจก็ยังเป็นคนพวกนั้นอยู่ดี เพราะพวกนางเป็นเจ้าแห่งการฝึกสัตว์ ดูเหมือนพวกเขาจะลืมเรื่องนี้ไป ของแค่พวกนางไม่ตาย ด้วยเผ่าอสูรในมือของยัยเด็กทั้ง 2 อยากจะล้างบางสักสำนักนึงรับรองว่าง่ายยิ่งกว่ากินข้าว”
“เจ้าพูดถูก ท่าทางคนพวกนั้นจะสมองเบลอจริงๆ ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ ไม่รู้เลยว่าจะเขมือบกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนลงไปได้จริงๆรึเปล่า”
ตาเฒ่าฮ่องเต้มีสีหน้าสะใจ “หรือว่าพวกเขาลืมไปแล้วว่าสำนักมารถูกล้างบางไปได้อย่างไร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งคนไปทำ ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร บางทีงานประลองการสกัดยาครั้งนี้ยัยเด็กทั้ง 2 อาจจะต้านทานการร่วมมือของพวกเขาไม่ได้ แต่พวกเขาไม่ได้คิดว่าในวันข้างหน้าสำนักของพวกเขาไม่ได้เชื่อมกันสักหน่อย”
“ถ้าคนของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแก้แค้นขึ้นมา ต่อให้ไม่ได้ไปฆ่าไปแกงถึงหน้าสำนัก ขอแค่รออยู่ที่มืด เมื่อเจอลูกศิษย์พวกเขาก็สังหารซะ นานวันเข้าต่อให้รากฐานหนักแน่นแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ไม่เหลือคนแล้วจะสืบสานต่อได้อย่างไร”
“ใช่แล้ว ที่เสด็จพ่อพูดก็คือที่ลูกจะพูด คนพวกนั้นสมองเบลอด้วยผลประโยชน์ ไม่เคยคิดเลยว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆได้อย่างไร เรียกได้ว่าจุดจบของพวกเขาสามารถมองเห็นได้เลยล่ะ”
“เจ้าตั้งใจช่วยพวกนางเถอะ ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสที่ประเทศหวงฝู่ของเรารุ่งเรืองขึ้นก็ได้”
2 พ่อลูกตาเฒ่าฮ่องเต้ต่างมีสีหน้าดีอกดีใจ ไม่ว่ายังไงนี่ก็ถือเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานลงมา ถ้าไม่ใช้ให้ดีๆละก็พวกเขาก็คงจะโง่เกินไป
ภายในมิติ
ในเมืองศิลาเก่าๆแห่งหนึ่งมีคนมาชุมนุมนับแสนคน แต่ละคนตาเบิกกว้างด้วยความโกรธ ทั่วทั้งร่างมีกลิ่นไอพยาบาทแผ่ซ่านออกมา ทั่วทั้งเมืองศิลามีกลิ่นไอพยาบาทพุ่งสูงเสียดฟ้าเสมือนมีบางอย่างได้เกิดขึ้น
คนพวกนี้ล้วนเป็นเผ่าอสูรในร่างคนซึ่งก็คือเผ่าอสูรที่เรียกกลับมาจากผืนดินฉางไห่ พวกเขารู้แล้วว่าเผ่าพันธุ์คนเองถูกฆ่าไปนับร้อยคน บัดนี้พวกเขาคิดแค่อยากจะแก้แค้น
หยูเฮงน้อยกำลังแบ่งพวกเขาเป็นกลุ่มสำหรับวิชาสะกด ฝึกให้พวกเขาทำมันได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้อยู่ที่นี่ นางกำลังสกัดยาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นยาเม็ดรักษาทั้งหมด นางกลัวว่าของเดิมจะไม่พอไม่ใช้ ถึงยังไงของแบบนี้ยิ่งมีเยอะยิ่งดี
2 วันผ่านไปในพริบตาเดียว
หลายร่างพุ่งผ่านฟ้าไปสู่ชิงยาง
ถ้าไม่ใช่เพราะความเร็วของพวกเขาไวจนน่าตกใจควจะไม่มีใครสังเกต แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันงานประลองการสกัดยา คนที่รีบร้อนเดินทางมีไม่น้อย ผู้คนเห็นเรื่องแปลกมากจนไม่แปลกแล้ว
“ที่นี่คือชิงยางเหรอ”
ชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งมองออกไปที่หมู่เกาะลอยพลางถามเสียงเบา
“ใช่แล้วนายน้อย ที่นี่คือชิงยาง แต่ที่เราเห็นเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น จริงๆแล้วชิงยางไม่ได้แตกต่างจากเมืองอื่นมาก เพียงแค่พื้นที่ใหญ่กว่าและประชากรมากกว่าเท่านั้น” ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ประจำการ ณ ชิงยางอธิบายให้โม่ซวนซุนฟัง
คนเหล่านี้ก็คือพวกของโม่ซวนซุนที่เดินทางมาจากโถงวิหารสวรรค์โม่อู๋เซอและหรงจิ้งซืออึ้งทึ่งตะลึงไปกับภาพตรงหน้าเช่นกัน
ไม่คิดเลยว่าภาพตรงหน้าจะเป็นของปลอมโม่ซวนซุนลองพิจารณาดูและเอ่ยขึ้น “เป็นวิชาสะกดล่ะสิ”
“ใช่ นายน้อยเดาถูกเผงเลย เป็นวิชาสะกดจริงๆที่ลวงสายตาของทุกคนได้ มองไปแล้วเหมือนของจริงเลยล่ะ”
ผู้อาวุโสเพิ่งพูดจบตาแก่ซอมซ่อก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภูมิใจ “วิชาสะกดโบราณนี้เป็นวิชาที่ตกทอดจากบรรพบุรุษแห่งโถงวิหารสวรรค์ของเรา ซุนเอ๋อน้อย เจ้ามาที่นี่ครั้งนี้คอยศึกษาวิชาสะกดให้ดีในเวลาว่าง มีประโยชน์กับตัวเจ้า”
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน”โม่ซวนซุนข่มความอยากรู้อยากเห็นที่มีต่อวิชาสะกดนี้ไว้ ทอดสายตาไปยังภายในชิงยาง นึกไปถึงว่าคนรักของตัวเองอยู่ในนั้นก็รอแทบไม่ไหวที่จะไปพบนาง
“พวกเรารีบเข้าไปเถอะ”โม่ซวนซุนพุ่งไปคนแรกสู่ประตูเมืองที่ปรากฏให้เห็นเลือนลาง
โม่อู๋เซอและหรงจิ้งซือตามไปติดๆ พวกเขา 2 สามีภรรยาก็ตื่นเต้นในใจไม่น้อย ถึงยังไงพวกเขาก็แยกจากเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ย่อมอยากจะพบนาง
ตาแก่ซอมซ่อและผู้อาวุโสก็ไม่ได้ทิ้งห่าง พวกเขามีแผ่นคริสตัลเฉพาะของโถงวิหารสวรรค์ทหารยามก็รู้จักผู้อาวุโสแห่งโถงวิหารสวรรค์ทุกคนจึงผ่านเข้าเมืองไปฉลุย
เมื่อมาถึงโถงวิหารสวรรค์สาขา มหาผู้อาวุโสที่รอพวกเขาอยู่ตลอดก็โล่งใจ รีบเชิญทั้ง 2 ท่านที่มีสถานะสูงส่งเข้าไปด้านใน
—————————————–