ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่****253:พบเจอกับจักรพรรดิอสูรกาย(2)

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “ฝ่าบาทน้อยสิ่งที่ท่านกินเข้าไปเมื่อครู่คือผลไม้กลิ่นอายบริสุทธิ์ ในสองหรือสามทศวรรษมันจะเกิดขึ้นมาเพียงหนึ่งผล! มันไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น มันยังสามารถชำระล้างปราณจิตวิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์ในร่างกายได้อีกด้วย เช่นนี้มันจึงมีประโยชน์อย่างมากกับการฝึกฝน! เสียดายที่จำนวนของมันนั้นมีน้อยเกินไป ถ้าหากฝ่าบาทน้อยต้องการมากกว่านี้ เหล่าเฟิงผู้นี้สามารถแบ่งให้ท่านได้!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เหล่าเฟิงหยิบยื่นผลไม้กลิ่นอายบริสุทธิ์ให้กับซ่งจง เขาโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องการ ข้าไม่ต้องการแล้ว เท่านี้ก็เพียงพอ ข้ายังอยากเก็บท้องของข้าไว้กินอย่างอื่น!”

เหล่าเฟิงกล่าวออกมาอย่างสุภาพและเห็นว่าซ่งจงปฏิเสธ เขาเก็บผลไม้และเผยยิ้มออกมา “เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน ผลไม้ทุกชนิดนั้นมีความหวานในตัวเอง ถ้าหากไม่ใช่เพื่อท่านแล้ว แม้แต่แขกคนอื่นก็ไม่เคยได้รับ ฝ่าบาทไม่เคยใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองเพื่อต้อนรับแขกเลย!”

“เช่นนั้นหรือ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างสงสัย “แล้วเหตุใดฝ่าบาทจึงต้องดูแลข้าอย่างดี?”

“ฮี่ฮี่ ท่านยังต้องถามอีกงั้นหรือ? ท่านคงลืมไปแล้วว่าตนเองมีเลือดแห่งจักรพรรดิอสูรกาย แน่นอนว่าฝ่าบาทจะรับผิดชอบเรื่องการดูแลท่านทั้งหมด!” เหล่าเฟิงหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีโอกาสมากกว่าแปดในสิบที่ท่านจะต้องได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์!”

“ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลยงั้นหรือ?” ซ่งจงกล่าวอย่างขื่นขม เดิมทีเขาได้ยินเหลยซานเอ๋อพูด เขายังไม่เชื่อนัก แต่ในตอนนี้อสูรกายขั้นหกกำลังกล่าวกับเขาอย่างมั่นใจ สิ่งนี้ไม่น่าเชื่อเลย อีกทั้งเขายังไม่รู้วิธีการทำงานของเหล่าอสูรกายอีกด้วย

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าเฟิงเพียงแค่ยิ้มและเริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมด หลังจากจบเรื่องราวทั้งหมดซ่งจงได้เข้าใจทันทีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นบ้าง

จากทุกสิ่งที่เล่ามา เหล่าอสูรกายนั้นใส่ใจในความสัมพันธ์มากเสียยิ่งกว่ามนุษย์ ในฐานะที่เป็นอสูรกายที่มีสายเลือดแห่งจักรพรรดิ ถ้าหากต้องสูญเสียครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอสูรกายอื่น ๆ แน่นอนว่าอสูรกายตนอื่นจะมีการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเอง

แน่นอนว่าการช่วยเหลือเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ทั้งที่ผู้ช่วยเหลือจะได้รับผลตอบแทนมากมาย สายเลือดแห่งจักรพรรดิจะดูแลผู้ที่ช่วยเหลือพวกเขาไว้อย่างดีที่สุด หลังจากที่พวกเขาสามารถพัฒนาต่อไปได้ แน่นอนว่าจะต้องกลับมาตอบแทนบุญคุณ ถ้าหากไม่กลับมาตอบแทนอสูรตนนั้นจะมีเครื่องหมายไว้บนศีรษะว่าอยู่ในประเภทไม่รู้บุญคุณ

ดังนั้นจึงมีอสูรกายหลายตนที่ถูกส่งมาเบื้องบนเพื่อคอยดูแลเหล่าอสูรกายสายเลือดจักรพรรดิ ความสัมพันธ์เช่นนี้สามารถเปลี่ยนเป็นสมบัติล้ำค่าได้ในอนาคต เพราะการช่วยเหลือให้สายเลือดจักรพรรดิฝึกฝนผ่านสภาวะตีบตันไปให้ได้นั้นยากเย็นอย่างยิ่ง

เช่นนี้เกี่ยวกับอสูรกายการได้พบพานกับสายเลือดจักรพรรดินั้นเทียบเท่ากับการค้นพบหุบเขาสมบัติขนาดใหญ่! หลังจากที่สายเลือดได้เติบโตเต็มที่ ผู้ดูแลจะได้พักผ่อนและเก็บเกี่ยวรางวัลอย่างคุ้มค่า ปัจจุบันราชาแห่งทะเลตะวันออกก็ทำเช่นนี้ ในสายตาของพวกเขา ทั้งหมดชื่นชอบซ่งจงอย่างมาก ไม่มีผู้ใดที่มีสายเลือดของเต่าดำ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าและไร้ขีดจำกัดในอนาคต ในขณะที่เหล่าอสูรกายธรรมดาทั่วไป เป็นเรื่องยากมากที่ทั้งหมดจะข้ามผ่านไปขั้นแปดได้ แต่ทว่าเต่าดำสามารถพัฒนาไปได้ถึงขั้นสิบ

ไม่เพียงแค่นั้น หากพวกเขาไม่สามารถเลื่อนระดับได้ ใครกันจะสนับสนุนพวกเขา? ดังนั้นเมื่อราชาแห่งทะเลตะวันออกได้ยินเรื่องเต่าดำ เขาให้อสูรกายขั้นหกมือขวาของตนเองและใช้เรือมังกรทองคำ พร้อมด้วยผลไม้วิญญาณมากมายเพื่อหวังที่จะดึงซ่งจงไว้

หลังจากที่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมดแล้ว ซ่งจงโล่งใจอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขากลัวว่าถ้าหากจักรพรรดิเห็นรูปลักษณ์ของเขาแล้วจะมองออกว่าเขาเป็นเพียงลูกผสมเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงกังวลตลอดการเดินทาง

เหล่าเฟิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดซ่งจงจึงไม่มีความสุข เขาคิดไปถึงเขาบริการให้กับซ่งจงไม่ดีพอ เขาเกรงกลัวไปถึงพลังของซ่งจงในอนาคตแม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นหกและซ่งจงเพียงขั้นสี่ แต่หลังจากนี้อีกไม่กี่ทศวรรษ ซ่งจงจะก้าวสู่ขั้นหก เจ็ด และมากกว่านั้น ในขณะที่ซ่งจงอยู่ในขั้นที่หก การที่เขามีสายเลือดแห่งจักรพรรดิเป็นสิ่งที่เหล่าเฟิงไม่กล้าต่อกรกับซ่งจงอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นถึงใบหน้าที่ทุกข์ใจของซ่งจง เหล่าเฟิงเริ่มบรรยายจุดที่น่าสนใจของทะเลตะวันออกทันที แม้ว่าสิ่งนี้ไม่อาจบรรเทาความกังวลของซ่งจงได้ แต่มันจะทำให้เขาคุ้นเคยกับบรรยากาศของทะเลตะวันออกมากขึ้น

แม้ว่าจักรพรรดิทะเลตะวันออกจะเป็นแคว้นที่มีชื่อเสียง แต่ในความจริงแล้วมันไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเลย พวกเขาไม่มีอาวุโสอะไร มีเพียงจักรพรรดิคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีสายเลือดแห่งจักรพรรดิอสูรกายเท่านั้นจึงจะสามารถรับตำแหน่งนี้ได้ กล่าวกันว่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งอยู่ตอนนี้มีสายเลือดของมังกรศักดิ์สิทธิ์ แต่สายเลือดของเขาไม่ได้บริสุทธิ์มากนัก แต่สุดท้ายแล้วมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่มีสายเลือดของมังกรดำ

นอกเหนือจากนั้นจักรพรรดิยังเป็นที่ยอมรับ ภายในทะเลตะวันออกแห่งนี้ไม่มีใครรู้จักชื่อที่แท้จริงของเขา เหล่ากองกำลังเพื่อป้องกันทะเลตะวันออกที่เหลยซานเอ๋อและราชาฉลามดำได้รับนั้นเป็นเพียงการตั้งขึ้นแบบลวก ๆ จากจักรพรรดิเท่านั้น

แม้ว่าจะเป็นกองกำลังเล็ก ๆ แต่การเฝ้าระวังครั้งนี้เป็นคำสั่งโดยตรงจากจักรพรรดิ ทำให้ทุกคนยอมรับเหล่ากองกำลังนี้ว่าแข็งแกร่งไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามชื่อนี้นั้นถูกเรียกโดยเหล่าผู้ฝึกตนมนุษย์เท่านั้น ซึ่งในวงของอสูรกายไม่ใช่ชื่อนี้และเหล่าอสูรกายยังคุ้นเคยกับการดำเนินชีวิตแบบปกติของตนเอง

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิแห่งทะเลตะวันออกนั้นไม่ใช่บุคคลที่หละหลวม ในทางตรงกันข้ามพวกเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นเฟ้นอย่างมาก แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่ได้เข้าไปมีสัมพันธ์มากนัก แต่เผ่าพันธุ์ของอสูรกายต่าง ๆ นั้นมักจะมีบรรณาการมามอบให้จักรพรรดิทุกปี

นอกจากนี้ความขัดแข้งภายในเผ่าของตนเอง พวกเขามักจะจัดการกันเอง ถ้าหากรุนแรงมากจึงจะร้องเรียนถึงจักรพรรดิ โดยคำสั่งของเขาจะถือว่าเป็นใหญ่ที่สุด ด้วยอำนาจที่มีจะไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนเด็ดขาด เมื่อไหร่ที่เขาออกคำสั่ง ทุกเผ่าจะยินยอมเชื่อฟังเขาและนี่คือเหตุผลที่เหล่าอสูรกายรวมตัวกันอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากมีการขัดแย้งกันอยู่ร่ำไป

ปัญหาเดียวก็คือจักรพรรดิมักจะอยู่ในการฝึกฝนตลอดเวลาและจะไม่ออกมาพบเจอกับปัญหาถ้าหากไม่สำคัญ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีอสูรตนไหนกล้าที่จะสร้างปัญหามากนัก ดังนั้นจักรพรรดิอสูรกายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับพวกเขาแม้ว่าจะไม่ได้มาปรากฏตัวในชีวิตประจำวันก็ตาม

ด้วยคำบรรยายของเหล่าเฟิง ซ่งจงรู้สึกหดหู่น้อยลง สำหรับเหลยซานเอ๋อ ปากเล็ก ๆ ของนางนั้นไม่ได้หยุดเลย นางจดจ่อกับผลไม้ตรงหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใด

ในตอนนี้เวลาผ่านมาร่วมชั่วโมงกว่า ทั้งสามพูดคุยและรับประทานอาหารกันจนถึงที่หมาย

เหล่าเฟิงยืนขึ้นและหัวเราะ “ในที่สุดเราก็มาถึงสักที ฝ่าบาทน้อยไปกันเถิด องค์จักรพรรดิรอท่านอยู่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งจงไม่กล้าชักช้า เขารีบลุกขึ้นพร้อมกล่าวว่า “เยี่ยม!” สำหรับเหลยซานเอ๋อ นางกำลังลังเลกับผลไม้ที่ยังคงเหลืออยู่

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ซ่งจงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขายื่นมือออกไปและหยิบผลไม้ทั้งหมดพร้อมกับมอบมันให้กับเหลยซานเอ๋อ “เก็บมันไว้!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ เหลยซานเอ๋อตกใจทันทีพร้อมกับถามออกมาอย่างสงสัย “ข้าทำได้งั้นหรือ?” พร้อมกับมองไปที่เหล่าเฟิงอย่างกังวล

เหล่าเฟิงที่เห็นเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าเหลยซานเอ๋อคิดอะไรอยู่ เขาทำเป็นหันหลังและไม่รับรู้เรื่องราวอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้น ซ่งจงถอนหายใจพร้อมยิ้มออกมา “เก็บมันเถอะ ไม่มีใครเห็น!”

เหลยซานเอ๋อนั้นเข้าใจเจตนาของเหล่าเฟิงและรีบพยักหน้าทันที นางเก็บผลไม้ทั้งหมดไว้ในมิติทันที จากนั้นนางจึงเดินตามหลังซ่งจงไปอย่างร่าเริง

หลังจากจัดการทั้งหมดแล้ว ซ่งจงทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ พร้อมเดินออกไปกับเหล่าเฟิงและเหลยซานเอ๋อ เมื่อเดินออกมาเขารู้สึกแปลกใจ ราชวังของที่นี่แตกต่างจากที่เขาคิดไว้มาก มันเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ไม่มีแม้แต่หญ้าสักเส้น ตรงนั้นมีสตรียืนอยู่เพียงผู้เดียว รูปร่างของนางคล้ายคลึงกับซ่งจงอย่างมาก

“สตรีงั้นหรือ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ

“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว!” เหล่าเฟิงหัวเราะเบา ๆ “จักรพรรดิแห่งทะเลตะวันออก แท้จริงแล้วเป็นจักรพรรดินี!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งจงรู้สึกยืนไม่ไหวทันที เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะได้เป็นจักรพรรดิแห่งทะเลตะวันออก สถานที่แห่งนี้ไม่มีอสูรกายสักตน มีเพียงสตรีสวมใส่ชุดหนังที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น แม้ว่าระดับของนางจะสูงกว่าอีกทั้งร่างกายของนางยังดูแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างมาก กล้ามเนื้อของนางทำลายหน้าตาที่สวยงามของนางอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็ดูคล้ายกับไดโนเสาร์พันปี

ซ่งจงมองนางอย่างระมัดระวัง จักรพรรดินีก็ระวังเขาเช่นกัน ผ่านไปชั่วครู่คิ้วของนางขมวดและตั้งคำถามทันที “เจ้าหรือมีสายเลือดแห่งจักรพรรดิอสูรกายเต่าดำ? ย้ายก้นของเจ้ามาตรงนี้สิ!”

ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางกอดอกทันที ซ่งจงรับรู้ได้ว่าอากาศรอบตัวนั้นบิดเบี้ยว จากนั้นเขาถูกจับกุมด้วยพลังที่มองไม่เห็นและลากไปหาไดโนเสาร์ตัวเมียตนนั้น ในพริบตาซ่งจงถูกลากไปยืนตรงหน้านางอย่างรวดเร็ว

จักรพรรดินีวางเขาลงเบา ๆ พร้อมขมวดคิ้ว “อสูรกายในตัวของเจ้านั้นอัจฉริยะอย่างมาก มันเป็นเผ่าของเต่าดำและแสงสีฟ้าที่เจ้าปลดปล่อยออกมาไม่ใช่ของปลอม แต่ทำไมเจ้าจึงอยู่ในร่างของมนุษย์? ถ้าหากข้าจำไม่ผิด ลายเส้นสายธารโลหิตนั้นเป็นลูกหลานของเต่าดำ ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนสามารถใช้มันได้ถ้าหากยังไม่เข้าสู้ขั้นเก้า!”

“แค่ก ๆ!” ซ่งจงไอออกมาอย่างติดขัดพร้อมกับโต้กลับทันที “แน่นอนว่าเป็นเหมือนท่าน!”

“โฮ่! เจ้ารู้วิธีการพูด!” จักรพรรดินีเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “ข้าได้ยินมาจากซานเอ๋อว่าเจ้ากำลังต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินและสามารถสร้างบาดแผลสาหัสให้กับเขาได้ เกิดเรื่องเช่นนี้ใช่หรือไม่?”

“เป็นเช่นนั้น!” ซ่งจงยักไหล่อย่างไม่ตั้งใจ

“แต่ข้าไม่เชื่อ!” จักรพรรดินีกล่าวอย่างเย็นชา “ใครจะรู้ว่าเจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่?”

“ข้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร!” ซ่งจงฝืนยิ้มออกมา “ถ้าหากท่านไม่เชื่อข้า ก็ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้!”

“โฮ่โฮ่ เช่นนั้น ข้ามีวิธีที่จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าไม่ได้โกหก!” จักรพรรดินียิ้มออกมาอย่างน่ากลัว

ซ่งจงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พร้อมทั้งรู้สึกหนาวเย็นทันที “ท่านจะพิสูจน์มันอย่างไร?”

“ฮ่าฮ่า! ง่ายมาก หนึ่งการโจมตีของข้าจะสามารถเปิดเผยทุกอย่างได้!” จักรพรรดินีกล่าวเช่นนั้น พร้อมกับส่งกำปั้นของตนเองไปที่ซ่งจงทันที!