เฉินช่าวเย่เป็นคนที่คิดน้อยที่สุดเขาไม่สนใจที่จะคิดวางแผนล่วงหน้าแบบชูฮัน ทันทีที่มันมีปัญหาผุดขึ้นมาเขาจะรับมือกับมันทันที
  ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนได้เห็นในตอนนี้ก็คือชายอ้วนนั่งกัดน่องไก่มันเยิ้มในมือข้างซ้าย ส่วนมือข้างขวาก็จิ้มลงมาบนตำแหน่งหนึ่งบนแผนที่ “ตรงนี้! ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม!”
  เจียงเทียนชิงแย้งเฉินช่าวเย่ทันที”มันใช่สำหรับการทำสงครามซะที่ไหน!”
  ”เดี๋ยวก่อน”ซูเฟิงที่คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เอ่ยห้ามเจียงเทียนชิงเอาไว้ สายตามีประกายวาววับ “ทิวทัศน์ดี? ทิวทัศน์ดีจนไม่เหมือนกับสนามรบ ใช้เป็นกลลวง…”
  ทุกคนเริ่มคิดตามคำพูดของซูเฟิงทันใดนั้นพวกเขาก็เข้าใจความหมายที่ซูเฟิงต้องการจะสื่อ…สาเหตุที่เฉินช่าวเย่เลือกตำแหน่งนี้เพราะสามารถลวงศัตรูได้สินะเพราะคงจะไม่มีใครนึกว่าสถานที่ที่สวยงามแบบนี้จะเป็นสนามรบ
  ปัจจัยสำคัญคือไม่ใช่แค่พวกเขาที่นึกไม่ถึงเพราะลูกผสมเองก็จะคาดไม่ถึงเหมือนกัน!
  ชูฮันมองเฉินช่าวเย่ที่ไม่สนใจอะไรเลยนอกจากน่องไก่ในมือก็รู้สึกอึ้งเขารู้ว่าเฉินช่าวเย่ก็แค่จิ้มมามั่วๆเท่านั้นแต่มันบังเอิญเหลือเกิน
  หมอนี่มันโชคดีอะไรขนาดนี้!
  ”ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรถ้างั้นก็สรุปว่าคือตำแหน่งนี้” ชูฮันหยิบปากกาขึ้นมาและวาดวงกลมบนตำแหน่งที่เลือก
  ”อึก!อึก!”
  เสียงกลืนน้ำลายของทุกคนดังชัดท่ามกลางความเงียบ…นี้คือการกำหนดตำแหน่งสนามรบงั้นเหรอ?
  แน่นอนว่าชูฮันไม่มีทางบอกว่าตำแหน่งที่ทุกคนลงเสียงนั้นแท้จริงแล้วมันคือตำแหน่งที่เขาสนใจและเล็งไว้ตั้งแต่แรกเหมือนกันท้ายที่สุดการใช้ภาพลวงตาหลอกศัตรูนั้นจะต้องเลือกสถานที่สวยงามจนศัตรูคาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นสนามรบ ซึ่งตำแหน่งนี้คือตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
  การกำหนดสนามรบถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นเพื่อกระตุ้นศักยภาพของทุกคนในการปรึกษาอภิปรายแต่ชูฮันไม่คิดเลยว่าเฉินช่าวเย่จะมองขาดภายในพริบตาเดียวแบบนี้ แม้แต่ซูเฟิงผู้รอบคอบยังคิดไม่ทันในเวลาสั้นๆแค่นี้เลย
  ”แล้วซอมบี้?”เหอเฟิงเอ่ยถึงประเด็นสำคัญที่ทุกคนเหมือนจะลืมไป
  ใช่…ซอมบี้ล่ะ?
  สนามรบสำหรับลูกผสมถูกกำหนดเรียบร้อยแล้วซอมบี้ที่เหลือล่ะ?
  อย่างที่รู้ว่ามันยังซอมบี้เหลืออยู่ในพื้นที่ซึ่งขนาดจำนวนที่พวกมันซ่อนตัวอยู่นั้นก็ไม่ใช่น้อยๆเลย แม้ว่าการฝึกฝนของทหารเกณฑ์ใหม่ตลอดหนึ่งอาทิตย์อาจจะกำจัดซอมบี้ไปได้จำนวนพอสมควรแต่นั่นมันก็ยังไม่ถึงครึ่งของกองทัพซอมบี้ที่มีอยู่ในภูเขานี้ด้วยซ้ำ
  ภูเขาลูกนี้ถูกครอบครองโดยลูกผสมและซอมบี้จนหมดเป็นไปได้ว่าแผนการกำจัดเขี้ยวหมาป่าอาจจะถูกวางแผนมาเป็นเวลานานแล้ว ที่ผ่านมาอาจจะมีการเคลื่อนพลซอมบี้มาที่ภูเขาลูกนี้อยู่ตลอดโดยที่ไม่เคยมีใครระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน
  ดังนั้นสงครามครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!
  ชูฮันยิ้มอย่างลึกลับมองหน้าเหอเฟิงและพูดขึ้น “ซอมบี้กำลังมา!”
  ”????!!!”ทุกคนส่งเสียงอุทานตกใจตามๆกันมา พวกเขาเริ่มจะตามความคิดของหัวหน้าไม่ทันแล้ว นี้หัวหน้ากำลังเล่นอะไรอยู่?
  รอยยิ้มของชูฮันในตอนนี้เหมือนคนที่กำลังกระหายเลือด”ฉันจะทิ้งทีมพิเศษทั้ง 300 คนไว้ที่สนามรบเพื่อรับมือกับกองทัพลูกผสม ส่วนที่เหลืออีก 4,000 คนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าและพวกคุณทั้งหลายที่เป็นสมาชิกหลักของเขี้ยวหมาป่า คอยฟังคำสั่งการของเหอเฟิงและอย่าลืมฆ่าซอมบี้ในภูเขานี้ให้หมด!”
  ”อะไรนะ?”ครั้งนี้แม้แต่เหอเฟิงเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เขามองชูฮันราวกับคนบ้า “แค่สามร้อยคน? นี้มันตลกบ้าอะไร? สงครามครั้งที่แล้วมีลูกผสมถึงสามร้อยตัว ครั้งนี้ยังไงมันก็ต้องมีมากกว่านั้น แล้วแค่คนสามร้อยคนจะไปรับมือกองทัพลูกผสมพอได้ยังไง?”
  ชูฮันค่อยๆเบนสายตาไปที่เกาช้าวฮุ่ยที่ยืนหลบอยู่มุมห้อง”คืนนี้เกาช้าวฮุ่ยและฉันจะไปจัดเตรียมทุกอย่างรอไว้เอง”
  อีกความหมายก็คือ…ให้เหอเฟิงหุบปากและทำตามที่บอกก็พอ
  ไปกับเกาช้าวฮุ่ย?
  โอเค…
  คนอื่นที่เหลือได้แต่นิ่งเงียบในเมื่อคนที่มีอำนาจสูงสุดสองคนจะจัดการทุกอย่างเอง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มากความไปเปล่าๆเพราะยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถแย้งอะไรหัวหน้าชูฮันได้อยู่ดี  สำหรับเกาช้าวฮุ่ยที่ชูฮันไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบแม้แต่อิสระภาพที่เคยมีก็หายไปหมด ดังนั้นในเมื่อชูฮันตัดสินใจเรียบร้อยไปแล้วเขาก็ทำอะไรไม่นอกจากต้องทำหน้าที่เป็นตัวนำโชคที่ทรงพลังของชูฮันอีกครั้ง
  —————————-
  ในขณะเดียวกันภายในค่ายเขี้ยวหมาป่าชาวบ้านทุกคนกำลังพูดคุยกันเรื่องของค่ายจินหยางอย่างสนุกปาก ข่าวการสังหารหมู่ภายในชั่วข้ามคืนนั้นสร้างความแตกตื่นกระจายไปทั่วทั้งค่าย
  ”การเป็นค่ายใหญ่ไม่ได้หมายความจะปลอดภัยที่สุดจริงด้วยอย่างนี้มันจะมีที่ไหนที่เราจะรู้สึกปลอดภัยได้?”
  ”มันน่ากลัวมากฉันไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? พวกเขาโดนฝูงซอมบี้หรือลูกผสมถล่มใส่ใช่มั้ย?”
  ”ฉันไม่รู้ว่าเป็นฝีมือมนุษย์ที่ใช้กลลวงหลอกให้เราคิดว่าเป็นฝีมือซอมบี้รึเปล่า?”   ”ไม่มีทางเป็นฝีมือมนุษย์ด้วยกันค่ายจินหยางไม่ใช่แค่ค่ายธรรมดา แต่เป็นถึงหนึ่งในห้าค่ายใหญ่ที่สุดของจีน”
  ”ถ้าเป็นฝีมือมนุษย์จริงมันต้องใช้กองกำลังคนมากเท่าไหร่กัน แล้วใช้เวลาต่อสู้กันนานขนาดไหน? มันจะพังทลายรวดเร็วราวกับพายุซัดถล่มแบบนี้ได้ยังไง?”
  ขณะที่ทุกคนในค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังถกเถียงกันเรื่องการล่มสลายของค่ายจินหยางภายในห้องประชุมในศูนย์กลางของค่ายกลับตกอยู่ในความเงียบสนิท บรรยากาศหม่นๆเต็มไปด้วยความเครียด
  ”หลูเหวินเฉิง”เป็นซางจิ่วตี้ที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน เธอเอ่ยถามเสียงสั่นๆด้วยความตกใจกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ “ข่าวได้รับการยืนยันรึยัง?”
  ”ยืนยันแล้วครับ!”หลูเหวินเฉิงตอบเสียงสั่น มันคือความสั่นที่อัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้น
  ทันทีที่หลูเหวินเฉิงตอบออกมาทุกคนในห้องประชุมก็แทบหยุดหายใจด้วยความกลัวปนตื่นเต้น โดยเฉพาะหยางเทียนที่นิ่งอึ้งไปเลย
  ภาพที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้าให้ความรู้สึกราวกับพึ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เอง…ภาพชูฮันที่ชี้นิ้วไปที่ค่ายจินหยางบนแผนที่ด้วยท่าทีอวดดีและพูดออกมาว่าต้องการทำลายค่ายจินหยางไม่ให้เหลือซาก
  และหนึ่งอาทิตย์ต่อมา…ค่ายจินหยางก็พังทลายจริงๆ!
  ราวกับฝัน!
  เจียงหลิวโหลวซูชิงและคนอื่นๆที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายก็ตกใจและพูดอะไรไม่ออกกันหมด พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องการทำสงคราม ไม่เข้าใจเรื่องปัญหาขัดแย้งแต่ละค่าย แถมพวกเขาพึ่งเคยได้ยินหัวหน้าพูดถึงชื่อค่ายจินหยางครั้งเดียวเอง
  และนั่นคือเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว…ตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าค่ายจินหยางถูกทำลายยังไง?!   ”ตอนนี้ค่ายหลักๆทั้งหลายกำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนกกันหมด”หลูเหวินเฉิงรายงานข้อมูลที่รู้ออกมา “ซางจิงเองก็กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกเขาถึงกับเรียกประชุมฉุกเฉินกลางดึกทันทีที่ทราบเรื่องของค่ายจินหยาง หลายค่ายใหญ่ๆเองก็ส่งคนไปประชุมที่ซางจิง”
  ”งั้นเราก็ส่งคนไปด้วย”ซางจิ่วตี้พูดขึ้นมาทันที “เราต้องไปเล่นละคร แต่…”
  เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ตาของซางจิ่วตี้ก็หม่นลงจากนั้นก็วาววับขึ้นมาอย่างกระทันหันเปลี่ยนเป็นสายตาเจ้าเล่ห์แทน “ขณะที่เราส่งคนไปเข้าประชุมเพื่อเก็บข้อมูลมา ก็ส่งอีกทีมหนึ่งเข้าไปปล้นในค่ายจินหยางที่กำลังร้างอยู่!”
  ”!!!”หลูอี๋ที่มีหน้าที่ต้องไปเก็บข้อมูลในการประชุมตกใจเกือบทำถ้วยชาในมือหล่น เขาหันไปจ้องซางจิ่วตี้อย่างตกใจ
  นี้คือซางจิ่วตี้จริงเหรอ?
  โจรสาวชัดๆ!   ”เป็นความคิดที่ดี!”หยางเทียนพูดขึ้นโดยไม่สนใจสีหน้าที่แสดงออกมาแตกต่างกันของคนในห้อง “ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับค่ายจินหยางมันไม่ค่อยดี ถ้าเราแสดงความกังวลออกมามาเกินไปมันจะดูผิดปกติและน่าสงสัย มันควรจะเป็นเรื่องน่าเฉลิมฉลองสิ เราควรสะใจที่ได้ยินว่าค่ายจินหยางซึ่งเป็นศัตรูกับหัวหน้าเราล่มสลาย ถ้าเราเล่นละครแบบนี้พวกมันก็จะเชื่อว่ามันไม่ใช่ฝีมือของหัวหน้าชูฮันจริงๆ!”
  ซางจิ่วตี้และหยางเทียนตกลงกันผ่านทางสายตาเรียบร้อยโดยไม่สนใจสีหน้าเหลือเชื่อของทุกคนที่มองมาลำดับขั้นตอนแผนการมากมายถูกลำดับไล่เรียงออกมาจากปากหยางเทียนภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อมูลที่ละเอียดยิบจนไม่น่าเชื่อเพราะแม้แต่ชื่อและหน้าที่ของทุกคนก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วเรียบร้อย
  มันคือการส่งตัวคนของหน่วยข่าวกรองลับที่ประจำการอยู่ค่ายเขี้ยวหมาป่าออกไปปฏิบัติภารกิจ!
  สมาชิกหน่วยข่าวกรองลับที่ประจำการค่ายเขี้ยวหมาป่านั้นคือทหารที่ถูกดึงตัวมาจากทุกส่วนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าคนพวกนี้มีพลังการต่อสู้ในระดับที่น่าพอใจประกอบกับความสามารถด้านการรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวกรอง…ดังนั้นไม่ว่าจะภารกิจอะไร พวกเขาคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
  ในตอนที่หลูเหวินเฉิงกำลังเดินออกไปจากห้องประชุมซางจิ่วตี้ที่พึ่งนึกบางอย่างขึ้นได้ก็รีบเอ่ยเตือน “หยิบแต่พวกของมีค่ามานะ!”
  หลูอี๋และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆในห้องที่มองตามทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบได้แต่ปิดปากเงียบพูดอะไรไม่ออกโดยเฉพาะหลูอี๋ที่รู้สึกค่อนข้างแอบกลัว ตั้งแต่แรกเริ่มที่เกิดสงครามกับกองทัพลูกผสม เขาก็กลัวจนหัวหดและความกลัวนี้มันก็ลากยาวเป็นจะเดือนหนึ่งแล้ว
  ทำไมรากฐานของค่ายเขี้ยวหมาป่าถึงแข็งแกร่ง?ทั้งๆที่ดูไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรเลยและน่าจะพังทลายได้ง่ายๆ…นี้คือสิ่งที่ชูฮันสร้างขึ้นมางั้นเหรอ สงครามยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ แต่ชูฮันกลับเอาเวลาไปทำลายค่ายจินหยาง
  แถมมันไม่ใช่แค่นั้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเขี้ยวหมาป่า แต่หลังจากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นของค่ายจินหยางกลับยังมีหน้ามาส่งคนไปปล้นของมีค่าในค่ายจินหยางต่ออีก!