บนชั้นสูงสุดของอาคารที่ทันสมัยที่สุดในค่ายตวนมีตวนเจียงเหว่ยที่กำลังยืนเงียบๆอยู่ตรงหน้าต่างพร้อมฟังรายงานจากหลูชูซเวไปด้วยยิ่งฟังมากเท่าไหร่แววตาของตวนเจียงเหว่ยยิ่งก็ทอแสงดุดันมากยิ่งขึ้น
”ไม่ใช่ชูฮันที่เป็นคนทำลายค่ายจินหยางงั้นเหรอ?”ตวนเจียงเหว่ยถามแทรกหลูชูซเวที่กำลังรายงานอยู่ขึ้นมา
”ท่านหวังเฉินเดินทางไปยังที่ตั้งค่ายรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเพื่อยืนยันด้วยตัวเองค่ะ”หลูชูซเวยืนยันเสียงชัด
ตวนเจียงเหว่ยนิ่วหน้าอย่างยังไม่ยอมเชื่อ”การยืนยันที่เกิดขึ้นทีหลังนั้นเปล่าประโยชน์ ถ้าชูฮันทำจริงๆแน่นอนว่าเขาต้องวางแผนให้ตัวเองมีเวลาพอที่จะกลับมาที่ค่าย พอส่งคนไปยืนยันหลักฐานที่อยู่ก็มีแต่จะได้เห็นภาพชูฮันนอนหลับรออยู่ในค่ายรบ อีกอย่างคนที่บุกเข้าไปก่อเรื่องได้แบบนั้นป่านนี้คงเหนื่อนและหิวกันมาก สงสัยจะมีงานเลี้ยงใหญ่ตามมาแน่ๆ”
ทฤษฎีที่ตวนเจียงเหว่ยคาดเดาขึ้นมานั้นเป็นความจริงทุกอย่างทว่าน่าเสียที่เขาไม่มีหลักฐานอะไรเลย
หลูชูซเวขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ”ท่านพลเอกหมายความว่าอย่างไรคะ?”
ตวนเจียงเหว่ยโบกมือปัด”ฉันก็แค่สงสัยบางอย่างมาทั้งวันแล้วแต่ก็ยังคิดไม่ออกสักที”
หลูชูซเวมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว”เป็นไปได้มั้ยค่ะที่เราจะหาหลักฐานจากเรื่องที่ท่านสงสัยมาใช้เอาผิดชูฮัน?”
”เราจะทำอะไรได้?”ตวนเจียงเหว่ยยิ้มเยาะกับตัวเอง “แค่ที่เราโดนไปก่อนหน้านี้ยังเจ็บไม่พออีกเหรอไง? ผู้ชายคนนี้สามารถทำได้ทุกอย่าง เขาอันตรายกว่าที่คิด ดังนั้นจงอย่าคิดเป็นศัตรูกับเขาเด็ดขาด”
ตวนเจียงเหว่ยแค้นใจชูฮันอย่างมากตั้งแต่การเผชิญหน้ากันล่าสุดเดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขาก็เป็นคนคนหนึ่งที่เมื่อเห็นโอกาสที่ตัวเองจะได้พัฒนาและก้าวขึ้นเหนือคนอื่นก็จะไม่ลังเลที่จะปล่อยให้เสียทิ้งไป ทว่าคนที่ไม่คิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนดีก่อนและเลือกที่จะแสดงความเป็นศัตรูกับชูฮันออกมาตรงๆอย่างสองพ่อลูกจงคุยและจงไคนั้นก็จะได้เจอกับผลลัพธ์แบบนี้
เพราะฉะนั้นการตัดสินใจในครั้งก่อนที่ส่งข้าวของมากมายจากค่ายตวนไปบรรณาการค่ายเขี้ยวหมาป่า มันไม่ใช่การกระทำไร้เหตุผลหรือหุนหันผันแล่นเลย
หากเป็นเพราะตวนเจียงเหว่ยตระหนักดีว่าการทำสงครามกับชูฮันในตอนนี้เป็นการลงทุนที่มีแต่ความเสี่ยงจะล้มละลาย
หลูชูซเวขบคิดอยู่ในหัว”สายของเราที่ประจำอยู่ที่ค่ายจินหยางไม่ได้รายงานอะไรกลับมา”
ตวนเจียงเหว่ยกระพริบตาไปมาอย่างใช้ความคิด”อีกอย่างค่ายจินหยางเป็นถึงหนึ่งในห้าค่ายอันดับสูงสุดของจีน ถึงแม้จะล่มสลายแล้วแต่ยังไงก็ยังมีทรัพยากรที่มีค่าเหลืออยู่มากมาย โดยเฉพาะภายในโกดังสินค้า”
แววตาของหลูชูซเวเป็นประกาย”ใช่! ฉันไม่ได้ทันคิด! คนที่ทำลายค่ายจินหยางจะต้องมัวแต่สู้ตะลุมบอน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเวลาหยิบจับของมีค่าไปด้วยตอนที่หนีออกมา แค่ทำลายร่องรอยเบาะแสของตัวเองอย่างเดียวก็น่าจะมีเวลาแทบไม่พอแล้ว”
”จำเอาไว้”ตวนเจียงเหว่ยพูดขัดหลูชูซเวทันทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “อย่าใช้คำว่า ‘หนี’ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้และอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าใครทั้งนั้น”
หลูชูซเวอึ้งมันมีความลับอะไรระหว่างพลเอกตวนเจียงเหว่ยและชูฮันกัน? ท่านพลเอกถึงระวังตัวแจแม้แต่การใช้คำแบบนี้!
”หรือว่าท่านจะให้ส่งคนเก็บทรัพยากรที่ค่ายจินหยางเพื่อส่งมอบให้ชูฮันคะ?”หลูชูซเวที่มีความคิดนี้ขึ้นมารีบเอ่ยถามตวนเจียงเหว่ยทันที
ในเมื่ออยากจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชูฮันถ้างั้นก็ควรที่จะมอบของมีค่าพวกนั้นเพื่อบรรณาการแก่ค่ายเขี้ยวหมาป่าถึงจะถูกใช่มั้ย?
”โง่?”ตวนเจียงเหว่ยสบถออกมาตามแรงอารมณ์ “จะส่งของที่ถูกทิ้งแล้วไปให้ชูฮันได้ยังไง น่าเกลียด เรื่องแบบนี้มันไม่ควรทำอย่างยิ่งในการรักษาความสัมพันธ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้สายตาของตวนเจียงเหว่ยก็มีประกายวาว “ถ้าเรื่องนี้มันเป็นฝีมือของชูฮันจริงๆ คิดว่าเขาจะยอมรับข้าวของของค่ายจินหยางอีกรอบรึไง? ถ้าเราส่งมันไปให้ชูฮัน ก็เหมือนเป็นการบอกว่าเราสงสัยเขา เราควรปล่อยให้มันเป็นอดีตไปอย่างเงียบๆ เพราะไม่ว่าค่ายต่อไปที่ถูกทำลายอาจจะเป็นค่ายตวน!”
ต้องบอกว่าความคิดของตวนเจียงเหว่ยในเรื่องนี้นั้นถูกต้องแล้วถ้าชูฮันเป็นคนทำลายค่ายจินหยางจริงๆละก็ แสดงว่าแท้จริงแล้วข้าวของทั้งหมดในค่ายจินหยางก็ตกเป็นของชูฮันอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว!
เขาคงจะดูน่าสมเพชอย่างมากในสายตาชูฮันถ้าอยู่ๆก็ส่งมอบของในสิ่งที่เป็นของชูฮันอยู่แล้วไปให้ชูฮันอีก…มันไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด
และการที่ค่ายจินหยางถูกทำลายลงภายในชั่วข้ามคืนได้จนถูกลบออกไปจากแผนที่ของจีนยิ่งทำให้ความอิจฉาในใจของตวนเจียงเหว่ยที่มีต่อความเก่งกาจของชูฮันเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ การทำลายค่ายขนาดใหญ่อย่างง่ายๆแบบนี้โดยไม่มีใครสามารถหาหลักฐานมาเอาผิดเขาได้…
มันแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของชูฮัน
————–
ภายในค่ายซือฉวนทันทีที่ได้รับข่าวของค่ายจินหยาง เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดของค่ายก็มารวมตัวกันแน่นภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ทันที เหวินชี่เชิงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตำแหน่งอันดับหนึ่งของห้องประชุม ในขณะที่เฉินยุนโหลวทำหน้าที่นำการประชุม เขาเป็นคนรายงานและวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นของค่ายจินหยางให้ทุกคนฟัง
ขณะนี้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิทกว่าห้านาทีหลังจากการอภิปรายของเฉินยุนโหลวจบลงทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดคิ้วขมวดเนื่องจากต่างคนต่างตกอยู่ในคภวังค์ความคิดของตัวเอง ไม่มีใครส่งเสียงพูดออกมาเลย
”ก๊อก!”
เฉินยุนโหลวเคาะมือลงโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ”รูปแบบการจัดการของค่ายของเราแตกต่างจากค่ายอื่นๆ ดังนั้นถ้าทุกคนมีอะไรอยากจะพูดหรือเสนอ ก็สามารถพูดออกมาได้เลย”
บางคนเริ่มกระซิบคุยกันบางคนส่ายหัวด้วยสีหน้าอึดอัดและยังคงเงียบต่อไป มีเพียงแค่คนคนหนึ่งที่มักเสนอความคิดในการประชุมทุกครั้ง ซึ่งเช่นเดียวกันกับครั้งนี้ เขาลุกขึ้นยืนเหมือนมีเรื่องต้องการจะพูด ชื่อเต็มของชายคนนี้คือเฉินเถาหนานเขาเป็นคนที่มีประวัติทหารยาวเหยียด มือเปื้อนเลือดมามาก เหวินเถาหนานมองสบตากับเหวินชี่เชิงก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในความคิดของผม เราลืมมองถึงสาเหตุและผลกระทบของเรื่องนี้ เราควรรีบตรวจสอบทันทีว่ามีสายลับอยู่ในค่ายจินหยางหรือเปล่า และเราเองก็ควรระมัดระวังตัวและเพิ่มมาตรการป้องกันค่ายของเราด้วยเช่นกัน”
”เฉินเถาหนานพูดถูก”เมื่อมีคนหนึ่งพูดเปิด คนที่เหลือก็ที่เห็นด้วยก็เริ่มแสดงความคิดเห็นตามมา “ค่ายซือฉวนของเราไม่เคยตั้งตัวเป็นศัตรูกับค่ายไหน เราไม่จำเป็นต้องกลัวการถูกกองทัพซอมบี้เป็นหมื่นตัวบุกเพราะมันไม่สำคัญ”
”ทำไมถึงไม่สำคัญ”บางคนเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
”เพราะตำแหน่งที่ตั้งของค่ายเรานั้นสมบูรณ์แบบไม่ว่าค่ายอื่นจะดีแค่ไหนแต่เราก็เหนือกว่าในทุกด้าน ภายในพื้นที่ของทั้งเขตเมืองซือฉวน มีเพียงแค่ค่ายของเราค่ายเดียวที่ตั้งอยู่ ไม่มีใครมีอิทธิพลกับเราหรือเข้ามาแทรกแซง ตราบใดที่เราสามารถคงความเสถียรภาพนี้เอาไว้ได้มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เป็นเฉินยุนโหลวที่อธิบาย แต่หลังจากพูดจบเขาก็ต้องส่ายหัวและปฏิเสธกับความคิดตัวเอง “แต่การทำลายล้างค่ายจินหยางนั้นคือการละเมิดทุกกฏเกณฑ์อย่างโจ่งแจ้ง”
”นั้นคือปัญหาที่สำคัญที่สุด”เฉินเถาหนานยิ้มเยาะ “จากข้อมูลที่หน่วยข่าวกรองของเราได้สืบสวนมา สาเหตุหลักการล่มสลายของค่ายจินหยางนั้นเกิดจากความขัดแย้งของสองพลเอกที่ต่างฝ่ายต้องการแย่งอำนาจของอีกฝ่ายมาครอง เหตุการณ์ทุกอย่างมันเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็เหนือการควบคุม และผลสุดท้ายทั้งจงคุยและจงไคก็ต้องตายทั้งคู่โดยที่ไม่ได้อะไรเลย”
”ดังนั้นเราก็ควรสืบหาสิ่งที่เป็นฉนวนก่อเหตุตั้งแต่แรกเริ่ม”เฉินยุนโหลวพูดต่อ “เราไม่ควรสืบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้คือใคร เพราะคนที่มีความสามารถขนาดนี้ คงไม่ทิ้งเบาะแสให้สาวไปถึงตัวเองง่ายๆอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาจุดบกพร่องของเราและรีบแก้ไขมันให้เร็วที่สุด ตรวจสอบทุกคนให้ทั่วทั้งค่ายให้แน่ใจว่าไม่มีคนนอกแฝงเข้ามา เพื่อที่จะได้ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับค่ายของเรา”
หลังจากเฉินยุนโหลวพูดจบทุกคนที่หลังจากคิดตามแล้วก็หันไปมองเฉินเถาหนานผู้ซึ่งเป็นคนจุดประเด็นนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรกด้วยแววตาชื่นชม เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสายเฉียบขาดมองทะลุทุกอย่างได้แบบนี้
”ถ้างั้นก็ทำตามที่ทุกคนต้องการ” เหวินชี่เชิงเป็นคนสรุปขั้นสุดท้าย
เขามักเป็นห่วงเกี่ยวกับพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงพวกนี้มาตลอดการที่ค่ายซือฉวนจะสามารถพัฒนาให้แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งขึ้นไปได้นอกเหนือจากการมีตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่เฉินยุนโหลวว่าแล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการพัฒนาการควบคุมและการจัดการที่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม
ในกรณีนี้แม้แต่ค่ายเขี้ยวหมาป่าที่มีการจัดการและควบคุมที่ดีก็คาดว่าไม่น่าจะเทียบกับค่ายซือฉวนได้