ตอนที่ 614 ข้อเสนอ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 614

ข้อเสนอ

“อากกกก”ร่างขององค์จักรพรรดิเกร็งไปทั้งตัวด้วยท่าทางทรมาน หลังจากกินยาที่หลินเฟยให้เข้าไปเส้นเลือดตามร่างกายของพระองค์ก็ปูดโปนเป็นเส้นนูนอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านจิ๋นจี้หลง ท่านเอายาอะไรให้เสด็จพ่อกิน ทำไมถึงมีอาการเช่นนี้”บุตรชายของจักรพรรดิหรือก็คือองค์ชายรัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักรซานมีท่าทีตกใจอย่างมากเมื่อเห็นบิดาของตนกำลังทุรนทุราย ตัวมันอยากจะเข้าไปดูอาการแต่ก็ทำไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิบ้าคลั่งกว่าที่หลินเฟยเคยเจอหลายเท่า หากเข้าไปตอนนี้ต่อให้เป็นองค์ชายหรือลูกในไส้ของจักรพรรดิเองก็อาจจะโดนเล่นงานจนตายได้

“เรื่องนั้น….”จิ๋นจี้หลงเหล่มองไปทางหลินเฟยครู่หนึ่ง เห็นหลินเฟยมีท่าทีนิ่งเฉยไม่แตกตื่นอะไรจิ๋นจี้หลงก็สูดหายใจเข้าลึกๆพยายามทำตัวนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

“องค์รัชทายาท ท่านอย่าได้กังวลไปเลย”จิ๋นจี้หลงพูดด้วยท่าทางนอบน้อมทั้งๆที่ในใจตนเองกำลังร้อนเป็นไฟ อาการเช่นนี้ปกติดีงั้นหรือ ทำไมหลินเฟยถึงได้นิ่งสงบนัก หากองค์จักรพรรดิเป็นอะไรไปจิ๋นจี้หลงมีหวังโดนประหาร 9 ชั่วโคตรอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ตุบ….

ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรต่อ ร่างของอสูรปรสิตก็มุดออกมาจากผิวหนังของจักรพรรดิ ท่าทางยาที่หลินเฟยทำจะได้ผลดีทีเดียว และโชคขององค์จักรพรรดิยังดีอยู่บ้าง อาจจะเพราะคนที่ไปเจอไข่ปรสิตไปเจอจากเขตรอบนอกของเขตอสูร ทำให้อสูรปรสิตเป็นสายพันธุ์ที่อ่อนแอไปด้วย เจ้าตัวนี้ไม่มีความสามารถแบ่งตัว แค่เอามันออกมาตัวเดียวก็เป็นอันจบแล้ว

“เสด็จพ่อ”องค์รัชทายาทเห็นบิดาตนเองล้มลงไปนอนกับเตียงก็รีบเข้าไปหาทันที นอกจากแผลเล็กๆที่อสูรปรสิตออกมาแล้วก็ไม่มีบาดแผลอะไรเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ที่เห็นเด่นชัดก็คือใบร่างกายของจักรพรรดิดูดีกว่าเดิมมาก จากตอนแรกที่ตัวซีดราวกับคนตายยามนี้เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาแล้ว

“ที่เหลือก็ฆ่ามันซะ”หลินเฟยจับมองไปทางทหารที่เตรียมการอยู่แล้ว พอปรสิตออกมาก็ต้องรีบจัดการมันเสียให้เด็ดขาด แต่ถึงจะตัวเล็กแทบไม่ต่างจากหนอน แต่มันก็เป็นอสูรอยู่ดี คนธรรมดาจัดการมันไม่ได้แน่ๆเลยต้องยืมมือทหารรักษาความปลอดภัยจัดการเพราะตัวหลินเฟยพกอาวุธเข้ามาในนี้ไม่ได้นั่นเอง

“ขอรับ”ทหารที่อยู่ข้างๆหลินเฟยไม่พูดพร่ำทำเพลงแทงหอกลงไปตัดร่างของอสูรปรสิตอย่างจัง พริบตานั้นอสูรปรสิตถูกฉีกขาดเป็นสองส่วนก่อนจะสลายหายไปกลายเป็นแก่นอสูรขนาดเท่าเม็ดถั่วทันที

“เท่านี้ก็หมดธุระแล้ว ข้าน้อยขอตัว”หลินเฟยเห็นอสูรปรสิตตายต่อหน้าต่อตาก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจก่อนจะขอตัวกลับออกไปก่อน

“ช้าก่อน…”ผู้ที่เรียกหลินเฟยเอาไว้คือองค์รัชทายาทนั่นเอง เมื่อเห็นว่าอาการของบิดาดีขึ้นองค์รัชทายาทถึงได้มองรอบข้างอีกครั้งและพบว่าหลินเฟยกำลังจะจากไปแล้ว

“เจ้า.เก่งมาก มาทำงานในวังหลวงกับข้าสิ”องค์รัชทายาทออกปากชวนด้วยท่าทีเชื่อถือหลินเฟยมากขึ้น หากไม่มีหลินเฟยอาการแบบนี้ขององค์จักรพรรดิคงไม่มีคนรักษาแล้ว

“ขออภัยองค์รัชทายาท แต่งานของข้าเต็มมือแล้ว ไม่สามารถรับงานเพิ่มได้จริงๆ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ตอนนี้หลินเฟยเป็นทั้งพนักงานขายร้านตระกูลชุน แถมยังเป็นเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอีกต่างหาก แม้ตอนนี้งานของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะมีไม่มาก แต่พอเริ่มสนใจเหล่าศิษย์ทั้งสามของตนแล้วหลินเฟยก็ไม่อาจโยนงานของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายให้คนอื่นทำกันเองได้เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

.

.

.

การทำให้องค์รัชทายาทถูกใจได้นั้นเป็นเรื่องยาก และมีคนมากมายอยากจะทำให้ได้ แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว การทำให้องค์รัชทายาทที่ถูกใจตนเองเข้าให้แล้วเลิกสนใจตนนั้นเป็นเรื่องยากเสียกว่า กว่าหลินเฟยจะปฏิเสธงานโดยไม่ให้องค์รัชทายาทไปสั่งกับท่านชุนเจ๋ออีกก็เล่นเอากินเวลาไปหลายชั่วโมง สุดท้ายหลินเฟยก็ต้องแต่งเรื่องและบอกจะชดใช้บุญคุณให้ชุนเจ๋อที่ไม่ทราบไปช่วยชีวิตหลินเฟยยามยากลำบากตั้งแต่เมื่อไหร่ออกไป ทำให้องค์รัชทายาทยอมปล่อยหลินเฟยไปก่อน แม้จะเสนอตำแหน่งหมอหลวงให้โดยไม่ต้องสอบก็ตาม

“ไม่ได้ เจ้ายังเอาแต่ใส่พลังมากไป ต้องโอนอ่อนกว่านี้เข้าใจหรือเปล่า”ขณะหลินเฟยกลับมายังสำนักเหยี่ยวทะเลทราย อยู่ๆเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งก็ดังลอดประตูออกมาเสียก่อน ทำให้หลินเฟยขมวดคิ้วด้วยท่าทีงุนงง เพราะทั้งหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่ต่างอยู่ในสวนนี่นา ทำไมหมิงมิ่งถึงยังตะโกนออกมาได้

“พี่มิ่ง ท่านลองโจมตีข้าหน่อยได้หรือเปล่า”เสียงของเซี่ยจินเย่ยิ่งทำให้หลินเฟยขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม นี่เซี่ยจินเย่กำลังคุยกับหมิงมิ่งงั้นหรือ

“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น”หลินเฟยถามหลังจากเปิดประตูเข้ามาดูภายในลานฝึกหน้าจวนเจ้าสำนัก ยามนี้นอกจากหมิงมิ่งจะส่งเสียงโดยไม่กลัวสองสามได้ยินแล้ว หมิงมิ่งยังยืนอยู่บนมือของเซี่ยจินเย่อีกต่างหาก….

“อาจารย์ ข้าอธิบายได้นะเจ้าค่ะ”หนี่หลิงหนานเห็นหลินเฟยสบตากับหมิงมิ่งเข้าแล้วก็รีบเข้ามาบังทันที พวกนางไม่ทราบว่าหลินเฟยเองก็รู้ตัวตนของหมิงมิ่งอยู่แล้ว

“อาจารย์ ระหว่างที่ท่านไม่อยู่พวกเราเกิดเรื่องกับสำนักหมู่ดาวขอรับ ตอนนั้นพี่หมิงมิ่งออกมาช่วยข้าก็เลยถูกหนี่หลิงหนานเห็นเข้า”ฟงเป่าต่างจากพวกสองสาวเพราะฟงเป่ารู้อยู่แล้วว่าหลินเฟยทราบว่าหมิงมิ่งอยู่กับตน ทำให้ฟงเป่าอธิบายความข้องใจของหลินเฟยได้ทันที

“อย่างนั้นเองงั้นหรือ พวกเจ้ารู้แล้วสินะว่าหมิงมิ่งคืออะไร”หลินเฟยถามพลางมองไปทางสองสาวนิ่ง

“พี่มิ่งเป็นอสูรเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางยิ้มบางๆออกมา

“แล้วพวกเจ้าไม่กลัวงั้นหรือ”หลินเฟยถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ คนในอาณาจักรซานยังหวาดกลัวอสูรกันอยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะเห็นอสูรมาพูดคุยกับมนุษย์ราวกับเป็นสหายกันเช่นนี้

“พี่มิ่งช่วยพวกเราไว้เจ้าค่ะ พวกเราก็เลยไม่กลัว”หนี่หลิงหนานตอบด้วยท่าทียิ้มๆ หลังจากหมิงมิ่งช่วยเอาไว้ หนี่หลิงหนานก็เค้นถามกับฟงเป่าจนหมิงมิ่งต้องยอมออกมา แต่ด้วยร่างกายกลมปุ๊กลุกของหมิงมิ่งทำให้สาวๆไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แถมหมิงมิ่งยังพูดได้การปรับความเข้าใจก็เลยง่าย

“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดีแล้ว”หลินเฟยตอบพลางพยักหน้าช้าๆท่าทางพวกนางทั้งสองจะไม่กลัวอสูรอย่างเช่นคนปกติ เรื่องนั้นนับว่าดีและทำให้หลินเฟยสบายใจขึ้นมาก เพราะหากกลายเป็นว่าทั้งหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่พากันหวาดกลัวหมิงมิ่งละก็พวกนางคงได้มีปัญหากับฟงเป่าแน่ๆ

“ฟงเป่า เจ้าตามอาจารย์มา”หลินเฟยเปลี่ยนท่าทีจากยิ้มแย้มเป็นจริงจังอย่างกะทันหัน ทำให้ฟงเป่าที่นั่งอยู่สะดุ้งโหยงลุกขึ้นยืนก่อนจะตามหลินเฟยเข้าจวนเจ้าสำนักอย่างรีบร้อน แน่นอนว่าหมิงมิ่งเองก็ตามมาด้วย

“ข้าได้ไปที่เมืองซาโถวมาแล้ว และยังได้ยินเรื่องของตระกูลเจ้าด้วย”หลินเฟยเริ่มเล่าหลังจากเข้ามาในห้องของเจ้าสำนักแล้ว แม้สองสาวจะทราบแล้วว่าฟงเป่ามีความแค้นฝังใจแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนหลินเฟยเลยเลือกที่จะชวนฟงเป่ามาพูดคุยกันส่วนตัวดีกว่า

“งั้นหรือขอรับ แล้ว….คู่หมั้นของข้าล่ะขอรับ นางสบายดีหรือเปล่า”ทันทีที่ทราบข่าวฟงเป่าก็มีท่าทีเป็นห่วงคู่หมั้นของตนเป็นอย่างแรก ในวันที่ตระกูลของฟงเป่าโดนฆ่าล้างตระกูล คู่หมั้นของฟงเป่าก็อยู่ในบ้านด้วย นางโดนคุณชายหยูจับตัวไประหว่างที่กำลังหนี ตอนนี้หลินเฟยเลยยังไม่ทราบข่าวของนางเลยว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

“นาง…..สบายดี”หลินเฟยตอบเลี่ยงๆด้วยท่าทีลำบากใจ มันควรจะบอกหลินเฟยหรือไม่ว่านางคือคนที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่แบบนั้นฟงเป่าอาจจะยังรับไม่ได้รีบกลับไปยังเมืองซาโถวแล้วจัดการนางเสียทั้งๆที่พลังยังไม่มากพอ

“แต่ก่อนหน้านั้นข้าได้ฟังมาว่าตระกูลหยูใส่ร้ายตระกูลของเจ้าว่าเป็นสายเลือดอสูรจากดวงตาสีทองของพวกเจ้าสินะ”หลินเฟยจ้องเข้าไปในดวงตาของฟงเป่า ในวันแรกที่เจอกันฟงเป่าใช้ดวงตาสีทองเลือกของจริงๆ การที่ฟงเป่ามีดวงตาสีทองนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน

“ขอรับ พวกมันบอกว่าคนตระกูลข้าเป็นอสูรปลอมตัวมาแล้วเอาทหารมาล้อมจับพวกเรา แถมยังบอกให้พวกทหารรีบฆ่าอีกต่างหาก”ฟงเป่าตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีภาพในคืนนั้นก็ยังเด่นชัดอยู่ดี

“งั้นก็รับนี่ไป”หลินเฟยได้รับคำตอบก็ยื่นตำราเล่มหนึ่งให้ฟงเป่าไป บนหน้าปกตำรานั้นเขียนเอาไว้ว่ากระบี่แสงอรุณ แม้ไม่ทราบว่าภายในเป็นเช่นไร แต่ฟงเป่าก็อดประหลาดใจไม่ได้เพราะตนเองไม่ได้ใช้กระบี่เสียหน่อย

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่ทราบว่าเจ้ามีดวงตาสีทอง ข้าก็เลยเลือกวิชาให้เจ้าได้ไม่ดีนัก ข้าเชื่อว่าวิชานี้จะเหมาะกับดวงตาสีทองของเจ้าที่สุด”หลินเฟยพูดโกหกออกไปคำโต ที่จริงแล้วหลินเฟยรู้อยู่แล้วว่าฟงเป่ามีดวงตาสีทอง แต่เพราะก่อนหน้านี้หลินเฟยกะจะเอาฟงเป่ามาเป็นศิษย์แต่ในนามแล้วให้หมิงมิ่งสอนต่อไปเท่านั้นเลยเอาวิชาที่ดีๆหน่อยให้ฟงเป่าไปฝึกเอาเอง สุดท้ายวิชาปีกทองสะบั้นฟ้าของท่านตาไก่ฟ้าหงอนทองก็ไม่ได้เหมาะกับฟงเป่าเสียเท่าไหร่ ทำให้หลินเฟยต้องใช้เวลาตลอดขากลับเลือกวิชาที่ฟงเป่าน่าจะใช้ได้ดีที่สุด

“อาจารย์ ท่านทราบเรื่องดวงตาสีทองด้วยงั้นหรือ”ฟงเป่าถามพลางขมวดคิ้วสงสัย หากหลินเฟยเลือกวิชาที่เหมาะกับดวงตาสีทองได้ งั้นหลินเฟยก็ต้องทราบไม่ใช่หรือว่าดวงตาสีทองทำอะไรได้

“ยิ่งกว่าเข้าใจเสียอีก”หลินเฟยยิ้มบางๆก่อนจะเปลี่ยนดวงตาตนเองเป็นสีทองช้าๆ ทำให้ฟงเป่าเป็นฝ่ายตกใจจนตาเบิกโพลงไปเสียเอง

“แล้วก็…ยังมีอีกเรื่อง”หลินเฟยเห็นท่าทีตกใจของฟงเป่าก็หัวเราะเบาๆออกมาก่อนจะเปลี่ยนดวงตากลับเป็นสีดำเช่นเดิมแล้วเริ่มพูดกับฟงเป่าต่อ

“เจ้าอยากจะเป็นครึ่งอสูรหรือไม่”หลินเฟยถามพลางนำยาผสานแก่นอสูรกับแก่นอสูรของมดทหารออกมา ยานี้ถูกพัฒนามาตั้งแต่รุ่นของบิดาตนเอง ยามนี้มันพัฒนามาจนสุดทางแล้ว ต่อให้เป็นแก่นอสูรระดับบรรพกาลก็สามารถหลอมรวมได้ ขอเพียงฟงเป่าเต็มใจก็สามารถรับพลังอสูรเข้าไปในร่างได้ทันที