ตอนที่ 615 วิชาที่เหมาะสม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 615

วิชาที่เหมาะสม

“ครึ่งอสูร…..”ฟงเป่ามองยาที่หลินเฟยนำออกมาพร้อมกับแก่นอสูรด้วยท่าทีไม่เข้าใจ สำหรับอาณาจักรซานแล้วคำว่าครึ่งอสูรถือเป็นตัวตนที่ไม่มีความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนตอนไป๋จูเหวินเข้าไปในอาณาจักรอู๋ที่มีกลุ่มนักล่าอสูรอยู่แล้ว นี่แทบจะเป็นครั้งแรกเลยที่คนของอาณาจักรซานได้รับทราบว่ามีการใช้งานแก่นอสูรแบบนี้

“มันเป็นการหลอมรวมแก่นอสูรเข้ากับร่างกายของเจ้า หลังจากเจ้ารับแก่นอสูรเข้าไปแล้วเจ้าจะได้รับพลังอสูรและลักษณะพิเศษของอสูรตนนั้นๆด้วย มันจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น”หลินเฟยตอบพลางปล่อยให้ทั้งยาทั้งแก่นอสูรวางอยู่บนโต๊ะไม่ได้เก็บกลับแต่อย่างไร

“มันน่ากลัวหรือเปล่าขอรับ ข้าจะกลายเป็นอสูรด้วยหรือเปล่า”ฟงเป่าถามพลางมองแก่นอสูรตรงหน้าด้วยท่าทีหวั่นๆ แต่คนที่ตกใจที่สุดกลับเป็นหมิงมิ่งที่อยู่ข้างๆ ตัวหมิงมิ่งไม่เคยสัมผัสพลังจริงๆของหลินเฟย แม้แต่ตอนที่หลินเฟยแสดงพลังให้ดูก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่าหลินเฟยมีพลังอสูรเท่านั้น แต่สิ่งที่หลินเฟยเอาออกมาในตอนนี้มันคือแก่นอสูรของอสูรระดับมายาขั้นที่ 9 ซึ่งสูงกว่าของหมิงมิ่งมาก แถมหมิงมิ่งยังจำได้อีกด้วยว่าแก่นอสูรนี้คือแก่นอสูรของเจ้ามดทหารที่เฝ้าอยู่ในสวนของนางพญา นี่หลินเฟยเข้าไปในสวนของนางพญาแล้วยังรอดกลับมาได้อีกงั้นหรือ แถมยังสังหารทหารเฝ้าสวนที่แข็งแกร่งที่สุดอีกต่างหาก ว่ากันว่าหากวัดกันเรื่องพลังต่อสู้อย่างเดียวเจ้านั่นแข็งแกร่งกว่านางพญาอีกนะ

“ไม่หรอก ตัวข้าเองก็เป็นผู้หลอมรวมกับพลังอสูร แม้จะมีบางอย่างต่างไปจากมนุษย์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ผิดแปลกไปจนดูประหลาดแต่อย่างไร”หลินเฟยตอบพลางมองไปทางหมิงมิ่งที่กำลังทำท่าทีตกใจ แน่นอนว่าหมิงมิ่งไม่ได้พิศวาสอะไรมดทหารหรอก มันตายก็ไม่เกี่ยวกับตนเองอยู่แล้ว แต่….หลินเฟยที่ล้มมันได้แท้จริงแล้วมีพลังระดับไหนกันแน่ นั่นต่างหากที่ทำให้หมิงมิ่งสงสัย

“แค่อาจารย์คนเดียวหรือขอรับ”ฟงเป่าถามด้วยท่าทียังไม่เชื่อ หากมีแต่หลินเฟยคนเดียวก็คงยังเรียกว่ามั่นใจเต็มที่ไม่ได้หรอก

“เปล่าเลย ที่บ้านเกิดของข้ามีผู้หลอมรวมกับแก่นอสูรมากมายทีเดียว จะบอกว่าครอบครัวข้าทั้งตระกูลเป็นเช่นนี้เหมือนกันเกือบหมดก็ได้”หลินเฟยตอบออกมาตามตรงหวังให้ฟงเป่าสบายใจ แต่ก่อนการหลอมรวมกับแก่นอสูรนั้นมีความเสี่ยงมาก ท่านยายของหลินเฟยอย่างเหม่ยหลินเองก็เคยต้องเสียพี่ชายพี่สาวจำนวนมากไปกับการพยายามหลอมรวมกับแก่นอสูรชั้นสูงมาแล้ว แต่ด้วยการพัฒนายาอย่างก้าวกระโดดหลินเฟยเลยมั่นใจว่าฟงเป่าจะสามารถหลอมรวมกับแก่นอสูรได้อย่างไม่มีปัญหาแน่ๆ

“ขอข้าคิดดูก่อนได้หรือไม่ขอรับ”แม้จะได้รับคำยืนยันอย่างเต็มที่จากหลินเฟย แต่คนไม่เคยเห็นย่อมไม่ทราบว่าจริงๆแล้วมันเสี่ยงหรือไม่ จึงไม่แปลกเลยที่ฟงเป่าจะลังเล

“แน่นอนว่าย่อมได้ แต่ระหว่างเดินทางข้าได้ประมือกับคนตระกูลหยูมาแล้ว ข้าสามารถบอกได้เลยว่าตัวเจ้าในตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอจะไปสู้กับพวกมัน”หลินเฟยเอาเรื่องของคนตระกูลหยูออกมาพูด ทำให้ฟงเป่านิ่งไปหลายอึดใจ ปกติฟงเป่าเป็นเด็กขี้กลัว ทำอะไรไม่หนักแน่น แต่พอได้ยินชื่อตระกูลหยูจิตสังหารก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างของฟงเป่าในทันที

“มันจะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นสินะขอรับ”ฟงเป่าพูดย้ำก่อนจะยื่นมือไปหยิบแก่นอสูรขึ้นมา

“อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ”หลินเฟยยิ้มบางๆด้วยท่าทีพึงพอใจ ที่ฟงเป่าฝืนใช้ชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อล้างแค้นตระกูลหยู ไม่อย่างนั้นฟงเป่าคงตายตั้งแต่ตกลงไปในเขตอสูรโพรงมรณะแล้ว นี่คือแรงผลักดันชั้นยอดที่จะทำให้ฟงเป่าพัฒนาขึ้น

“เช่นนั้นข้าจะเปลี่ยนเป็นครึ่งอสูรขอรับ จะได้สมกับที่พวกมันกล่าวหาตระกูลข้า”ฟงเป่าว่าพลางกลืนแก่นอสูรลงท้องไปทันที คำกล่าวหาที่บอกว่าตระกูลของฟงเป่าเป็นอสูรปลอมตัวมานั้นยังคงคาใจฟงเป่ามาหลายปี ในเมื่อพวกมันเห็นตนเองเป็นอสูร เช่นนั้นจะเป็นครึ่งอสูรจะเป็นไรไป

.

.

.

เปรี้ยงๆๆๆ…..

“ดีมาก ว่าแล้วเชียวว่าวิชานี้ต้องเหมาะกับเจ้า”หลังจากฟงเป่าหลอมรวมกับแก่นอสูร หลินเฟยก็ให้ฟงเป่าฝึกฝนวิชากระบี่แสงอรุณแทนวิชาปีกทองสะบั้นฟ้าทันที

วิชากระบี่แสงอรุณนั้นแม้จะบอกว่าชื่อกระบี่ แต่จริงๆแล้วเป็นวิชาดัชนีที่มีการนำปราณกระบี่เข้ามาใช้ร่วมต่างหาก วิชาดัชนีชุดนี้ใช้พลังวิญญาณสร้างปราณกระบี่จากปลายนิ้วฟาดฟันด้วยท่วงท่ารวดเร็วคล่องแคล่ว ยิ่งผู้ฝึกฝนมีความแม่นยำเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น เพราะปราณกระบี่ที่วิชากระบี่แสงอรุณสอนนั้นเป็นปราณกระบี่ที่มีขนาดเล็กราวกับเข็ม แต่จะมุ่งเน้นไปที่ความหนาแน่นและการเจาะทะลวงเป็นอย่างมาก มันจึงเหมาะกับฟงเป่าที่ใช้ดวงตาสีทองเป็นอย่างดี

เปรี้ยง!!

ปราณกระบี่ของฟงเป่าแทงเข้าที่ข้อมือของหลินเฟยอย่างจัง แน่นอนว่าเพราะมีเกราะแมงมุมอยู่หลินเฟยเลยไม่เป็นอะไรเลยแต่ถึงอย่างนั้นดวงตาสีทองของฟงเป่าก็สามารถมองเกราะแมงมุมได้อย่างแม่นยำว่าตรงไหนเป็นส่วนเปราะของเกราะแมงมุมบ้าง เช่นเดียวกับอาวุธและชุดเกราะของผู้อื่น เพียงใช้ดวงตาสีทองการหาจุดอ่อนของเกราะและอาวุธก็เป็นเรื่องง่ายดาย ทำให้ประสิทธิภาพของกระบี่แสงอรุณของฟงเป่านั้นยิ่งร้ายแรง

ฟุบ!!

ระหว่างต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องหลายสิบนาที อยู่ๆนิ้วที่แทงเข้ามาใส่หลินเฟยก็ไร้ซึ่งปราณกระบี่เสียอย่างนั้น ทำให้ฟงเป่าจั่วลมเข้าให้

“เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อน”หลินเฟยยิ้มบางๆก่อนจะถอยห่างออกมาจากฟงเป่าครู่หนึ่ง วิชากระบี่แสงอรุณนั้นใช้พลังสูงมากในการควบคุม แม้ฟงเป่าจะใช้ทั้งพลังวิญญาณทั้งพลังอสูรออกมาแล้วก็ยังใช้ต่อเนื่องกันได้ไม่นาน แต่ฟงเป่าพึ่งจะฝึกได้ไม่กี่วันเท่านั้นกลับทำได้ถึงขนาดนี้ทำเอาหลินเฟยชักอยากเห็นแล้วว่าฟงเป่าจะพัฒนาไปได้ถึงระดับไหน

“ขอบพระคุณขอรับอาจารย์”ฟงเป่าหายใจลึกๆก่อนจะประสานมือคารวะหลินเฟยด้วยท่าทีนอบน้อม โดยที่ด้านหลังของพวกตนนั้นมีพวกสองสาวกับหมิงมิ่งที่ไม่ทราบไปสนิทสนมกันตอนไหนกำลังฝึกวิชากันอยู่อย่างขยันขันแข็งไม่ต่างจากฟงเป่าและหลินเฟยเลย

“ต้องให้ข้าบอกกี่ครั้งกันว่าเจ้าต้องนุ่มนวลกว่านี้ เจ้าเป็นสตรีนะทำตัวมุทะลุเป็นบุรุษไปได้”หมิงมิ่งบ่นพลางใช้มือสั้นๆเท้าเอวที่ยื่นออกมาจากตัวเองด้วยท่าทางเอาเรื่อง กลายเป็นว่าหมิงมิ่งที่หลินเฟยคิดจะให้มาเป็นครูฝึกของฟงเป่ากลายไปเป็นครูฝึกของสองสาวไปเสียอย่างนั้น

“ก็…ช่วยไม่ได้นี่นา ข้าไม่ชินนี่”หนี่หลิงหนานว่าพลางตั้งท่ากระบี่เสียใหม่เพื่อรับมือกับหมิงมิ่ง จะว่าไปแล้วหลินเฟยก็ได้ยินหมิงมิ่งพูดแบบนี้มาสองสามครั้งแล้วนี่นา ดูท่าทางวิชากระบี่ร้อยบุปผาอาจจะไม่เหมาะกับหนี่หลิงหนานก็ได้ แม้ภายนอกนากจะเป็นหญิงสาวท่าทางสง่าผ่าเผยราวกับกุลสตรีที่ฝึกมารยาทมาเป็นอย่างดี แต่ที่ไหนได้พอนางเริ่มต่อสู้นางก็ใช้กำลังเข้าว่า แถมยังโจมตีหนักหน่วงเป็นหลักตรงกันข้ามกับเคล็ดวิชากระบี่ร้อยบุปผาคนละเรื่อง

“ส่วนน้องเย่ เจ้าทำได้ดีมาก เอาไว้ข้าจะหาของรางวัลมาให้นะ”คราวนี้หมิงมิ่งหันกลับไปชมเซี่ยจินเย่เสียอย่างนั้น ทำให้นางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจทันที ดูเหมือนเซี่ยจินเย่จะตรงกันข้ามกับหนี่หลิงหนานที่วิชากระจกภูตพรายเข้ากันกับนางได้พอดี แม้นางจะดูเรียบร้อยและเหม่อลอยเป็นบางครั้ง แต่วิชาของนางนับว่าก้าวหน้าที่สุดในศิษย์ทั้งสาม หนึ่งเพราะหนี่หลิงหนานฝึกฝนไม่คืบหน้าสองเพราะฟงเป่าเปลี่ยนวิชากลางคัน

“ขี้โกงนี่นาทำไมท่านถึงชมแต่น้องเย่ล่ะ”หนี่หลิงหนานโวยพลางกอดอกด้วยท่าทีไม่พอใจ

“ก็เจ้าทำได้ไม่ดีแต่น้องเย่ทำได้ดีไง”หมิงมิ่งตอบด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก ทำเอาหนี่หลิงหนานเถียงไม่ออกในทันที ในที่นี้มีแต่นางเท่านั้นที่ไม่พัฒนาเสียที แม้จะจำวิชาทั้งหมดของกระบี่ร้อยบุปผาได้แล้ว และหาทางประสานกระบวนท่าได้หลากหลายนับร้อยแบบ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็แสดงกระบวนท่าออกมาได้ไม่เต็มร้อยเสียที

“บางทีปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัววิชาก็ได้ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ข้าจะหาวิชาที่เหมาะกับเจ้ามาให้ก็แล้วกัน”หลินเฟยยิ้มบางๆพลางเข้าไปหาหนี่หลิงหนานด้วยท่าทีเอ็นดู ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ตอนมอบวิชาให้ตอนแรกหลินเฟยเลือกหยาบๆไปหน่อยแค่ดูว่าพวกศิษย์ทั้งสามน่าจะฝึกอะไรได้แล้วยัดวิชาให้เท่านั้น ไม่ได้รู้จักเหล่าศิษย์จริงๆเลย ทำให้ยามนี้หลินเฟยที่รู้จักกับพวกนางมากขึ้นแล้วถึงกับต้องหาวิชาใหม่มาเปลี่ยนแทน แต่อย่างน้อยการมอบวิชาครั้งแรกหลินเฟยก็เดาถูก 1 ใน 3 ละนะ

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะอาจารย์”หนี่หลิงหนานได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ เพราะวิชากระบี่ร้อยบุปผาทำเอานางอึดอัดไม่น้อย เพราะยิ่งฝึกก็ยิ่งเหมือนฝืนตัวเองอยู่ตลอด แต่หลังจากรับปากกับหนี่หลิงหนานแล้วหลินเฟยก็ต้องออกไปทำงานที่ร้านตระกูลชุนอีกครั้งทำให้วิชาที่จะมอบให้หนี่หลิงหนานต้องถูกเลื่อนออกไปก่อน สุดท้ายภายในลานฝึกก็เหลือแต่พวกศิษย์ทั้งสามและหมิงมิ่งอีกครั้ง

“ฟงเป่า เจ้าช่วยมาฝึกกับข้าหน่อยสิ”หลังจากปล่อยให้ฟงเป่าพักผ่อนแล้ว หนี่หลิงหนานก็เดินเข้าไปหาฟงเป่าในทันที ตั้งแต่ฟงเป่าฝึกวิชาใหม่ก็ไม่ได้ประลองกับพวกนางเลย ทำให้หนี่หลิงหนานอยากทราบมากว่าวิชาใหม่ของฟงเป่าจะเป็นแบบไหน

“ขอรับ….”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีลังเล ตั้งแต่ผสานแก่นอสูรมาฟงเป่าก็สู้กับอาจารย์มาโดยตลอด ไม่รู้ว่าเมื่อเทียบกับพวกหนี่หลิงหนานแล้วพลังของตนเองเปลี่ยนไปขนาดไหนเสียด้วย

“งั้นมาเลย ข้าพร้อมแล้ว”หนี่หลิงหนานยิ้มกว้างพลางตั้งท่ากระบี่อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับฟงเป่าที่เปลี่ยนดวงตาของตนเองเป็นสีทองเช่นเดียวกัน หนึ่งในคำสอนใหม่ของหลินเฟยก็คือฟงเป่าจะต้องใช้ดวงตาสีทองตลอดการต่อสู้ ยิ่งสามารถใช้ได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันก็ยิ่งดี

“…..”ฟงเป่ามองไปที่กระบี่ของหนี่หลิงหนาน ที่กระบี่ของนางนั้นมีจุดเปราะบางอยู่จุดหนึ่ง แถมยังเป็นจุดเปราะบางที่ร้ายแรงมาก เพราะมันคือรอยร้าวที่เกิดขึ้นตอนหนี่หลิงหนานใช้กระบี่เล่มนี้รับหมัดของศิษย์สำนักหมู่ดาว

เปรี้ยง!!! แคร๊ง!!

ฟงเป่าไม่รอช้าทำตามคำสอนของวิชากระบี่แสงอรุณทันที นั่นก็มือมุ่งเน้นไปที่จุดอ่อนของอีกฝ่าย แต่ทันทีที่ปราณกระบี่ของฟงเป่าตรงเข้ากระแทกกระบี่ของหนี่หลิงหนาน กระบี่ในมือนางที่มีรอยร้าวอยู่แล้วก็ถือกับหักครึ่งทันที

“….พี่หลิงหนาน ขะ ข้าขอโทษขอรับ”ฟงเป่าเห็นกระบี่ของหนี่หลิงหนานหักหายไปครึ่งหนึ่งก็ตกใจรีบขอโทษนางทันที ไม่นึกเลยว่าแค่แทงเบาๆออกไปก็ทำกระบี่แตกแบบนี้ได้

“ไม่เป็นไรๆ….เจ้าไม่ต้องขอโทษหรอก”หนี่หลิงหนานอึ้งไปพักหนึ่งเหมือนกันก่อนจะรีบบอกให้ฟงเป่าใจเย็นลง

“พี่หลิงหนาน ข้า..ข้าจะหากระบี่มาชดใช้ท่านนะขอรับ ข้าขอโทษจริงๆ”แต่ฟงเป่าที่อยู่ตรงหน้านางกลับลนลานใหญ่ราวกับทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงเสียอย่างนั้น ทำเอาหนี่หลิงหนานอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้