ตอนที่ 616 เข้าใจดี

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 616

เข้าใจดี

“ช่วงนี้ของในร้านดูบางตาขึ้นนะขอรับ”หลินเฟยที่พึ่งได้กลับมาทำงานเสียทีถามขณะช่วยไป๋ฟานดูแลร้านที่ชั้น 1 ที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรของก็น้อยลงมาก

“เจ้าจำช่วงที่ทรายดำขาดได้ไหม”ไป๋ฟานถามก่อนจะถอนหายใจออกมา ตัวไป๋ฟานนั้นเฝ้าอยู่ที่ร้านทุกวันทราบดีว่าของในร้านยพร่องไปแค่ไหนแล้ว

“ขอรับ ที่มีกลุ่มสำรวจเขตอสูรตายไปก็เลยไม่มีใครเข้าไปเอาทรายดำได้สินะขอรับ”หลินเฟยตอบตามที่ตนจำได้ เพราะตอนนั้นหลินเฟยก็เลยต้องไปเอาเองกับมือเหมือนยารักษาองค์จักรพรรดิ

“ก็นั่นล่ะ กลุ่มสำรวจที่ว่าช่วงนี้ตายไปหลายกลุ่ม แถมจะหาคนมาแทนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกลุ่มเก่งๆตายก็ยิ่งหาของชั้นดีมาไม่ได้ สภาพร้านเราก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะ”ไป๋ฟานตอบก่อนจะชี้ไปที่โซนสมุนไพร ตอนนี้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายเองก็สั่งสมุนไพรแทบทั้งหมดจากร้านตระกูลชุน ทำให้สมุนไพรขาดเยอะกว่าสินค้าแบบอื่นเสียอีก

“กลุ่มสำรวจงั้นหรือ”หลินเฟยนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ตั้งแต่หลินเฟยเกิดมาอาณาจักรไป๋และอาณาจักรข้างเคียงก็ไม่เคยขาดแคลนสมุนไพรล้ำค่าหรือแร่หายาก จนพวกมันแทบจะไม่ถูกเรียกว่าแร่หายากกันแล้ว นั่นเพราะอาณาจักรไป๋เปลี่ยนทั้งอาณาจักรให้เป็นค่ายกลอสูร แต่จะทำแบบนั้นได้ก็ต้องพึ่งพาพลังดึงดูดเหล่าอสูรที่หลินเฟยไม่สามารถใช้ได้ตอนนี้ แถมหลินเฟยก็ไม่คิดจะทำเรื่องใหญ่โตอะไรแบบนั้นด้วย

แต่….ถึงแม้จะเป็นอาณาจักรอู๋ก่อนที่จะมีการก่อตั้งอาณาจักรไป๋ สมุนไพรและแร่ต่างๆก็สามารถหามาได้บ้างอยู่แล้ว เรียกได้ว่าสามารถหามาได้มากมายกว่าอาณาจักรซานหลายเท่า ไม่อย่างนั้นอาณาจักรซานคงไม่มีใครเข้าใจผิดว่าระดับเสินเซียนเป็นระดับสูงสุดหรอก

สาเหตุที่อาณาจักรอู๋และอาณาจักรข้างเคียงในตอนนั้นยังสามารถหาข้าวของจากในเขตอสูรได้นั้นเป็นเพราะตัวตนของกลุ่มนักล่าอสูร แม้เมืองอื่นจะไม่มีเท่าอาณาจักรไป๋แต่ก็มีกลุ่มนักล่าอสูรของตนเอง หรือไม่ก็ต้องมีกลุ่มที่มีความรู้เกี่ยวกับเขตอสูรและเสี่ยงภัยกันเข้าไปล่าสมบัติออกมาตลอด แต่อาณาจักรซานกลับมีกลุ่มคนแบบนั้นเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น เล็กจนกระทั่งว่าเมื่อกลุ่มเก่าหายไปกลุ่มใหม่ที่จะมาแทนก็หาไม่ได้เสียทีจนกระทบถึงตลาดของวิเศษอย่างที่เห็น

“ถ้าข้าหาของวิเศษมาได้พี่ฟานว่านายท่านจะรับซื้อหรือเปล่า”หลินเฟยถามพลางหันไปถามไป๋ฟาน แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงปี แต่หลินเฟยก็มีแผนจะอยู่ที่อาณาจักรซานเพียง 10 ปีเท่านั้นไม่ได้คิดจะอยู่ตลอดชีวิต เช่นนั้นสำนักเหยี่ยวทะเลทรายก็ต้องสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเองหากหลินเฟยกลับไปแล้ว แต่ช่วงนี้สำนักเหยี่ยวทะเลทรายกลับมีงานเข้ามาน้อยลง เพราะชื่อเสียงที่รับผู้หญิงเข้าเป็นศิษย์ แม้หลินเฟยและคนในสำนักจะไม่คิดหรือไม่ต่อต้านอะไร แต่ผู้ว่าจ้างหลายคนก็ไม่วางใจให้ผู้หญิงเป็นผู้คุ้มกันขบวนรถหรือขนส่งสินค้าของตัวเอง กลายเป็นว่าเงินที่สำนักหาได้น้อยลงกว่าตอนที่พึ่งแบ่งแยกสำนักเสียอีก ตรงกันข้ามเพราะมีศิษย์ใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมากทำให้รายจ่ายมากขึ้นเป็นเท่าตัวแทน

“ก็ต้องรับสิ ถ้าเป็นของที่เจ้านำมานายท่านต้องยินดีรับซื้อแน่ๆ แต่เรื่องราคาท่านไม่เห็นว่าเจ้าเป็นคนรู้จักแล้วจะให้ราคาพิเศษหรอกนะ”ไป๋ฟานหัวเราะออกมาเบาๆเพราะชุนเจ๋อเป็นคนเช่นนั้นจริงๆ หากไม่มีผลประโยชน์ชุนเจ๋อไม่ลดราคาให้ใครง่ายๆหรอก

“ข้าดูเป็นคนขี้เหนียวขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”ระหว่างที่ไป๋ฟานกำลังหัวเราะอยู่นั้น ชุนเจ๋อผู้เป็นเจ้านายและผู้ถูกนินทาก็บังเอิญเดินเข้ามาในร้านพอดี ทำให้ไป๋ฟานยิ้มเจื่อนๆแล้วเผ่นหนีไปเสียอย่างนั้น

“นายท่าน มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”หลินเฟยเห็นชุนเจ๋อเข้ามาในร้านก็สอบถามธุระทันที ตอนนี้ชุนเจ๋อกำลังยุ่งกับงานในตัวบ้าน เพราะเรื่องหาสินค้าไม่ได้ การที่ชุนเจ๋อออกมาเช่นนี้แสดงว่าต้องมีธุระแน่ๆ

“อีกสักพักแขกของชั้น 7 จะเข้ามา เจ้าไปรอต้อนรับข้างบนก่อนเถอะ”ชุนเจ๋อตอบพลางบอกให้หลินเฟยขึ้นไปประจำการอยู่ด้านบน

“ไม่ได้นัดหรือขอรับ”หลินเฟยขมวดคิ้วด้วยท่าทีงงๆ ปกติแขกของชั้น 7 จะนัดล่วงหน้าเอาไว้เพราะถ้าหากคิวชนกันก็อาจจะทำให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไม่พอใจกันเองได้

“ท่านนี้ไม่ต้อง เจ้าเตรียมรับงานก็พอ”ชุนเจ๋อตอบด้วยท่าทีเกร็งๆ คนที่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่ด้วยท่าทีราวกับเสมอกันได้เช่นนี้กลับมีท่าทีหวาดหวั่น พอเห็นเช่นนั้นหลินเฟยก็รู้สึกว่าการมาของแขกท่านนี้จะต้องทำให้ตนเองลำบากแน่ๆ

.

.

“ไม่ได้เจอกันสักพักแล้วนะ”และก็เป็นอย่างที่หลินเฟยคิด แขกท่านนี้สร้างความลำบากใจให้หลินเฟยตั้งแต่ปรากฏกายเข้ามาในร้านเลยก็ว่าได้ เพราะแขกท่านนี้คือองค์รัชทายาทซานเป่ยนั่นเอง

“องค์รัชทายาท ไม่ทราบต้องการหาซื้อสินค้าอะไรหรือขอรับ”หลินเฟยเห็นอีกฝ่ายเข้ามาก็ยิ้มเจื่อนๆก่อนจะประสานมือคารวะอย่างงดงามตามหน้าที่

“ข้ามาจ่ายหนี้ต่างหาก”องค์รัชทายาทตอบพลางเดินเข้ามานั่งตรงข้ามหลินเฟยด้วยท่าทีสบายๆ ดูเหมือนทหารคุ้มกันจะรออยู่ข้างนอกประตู ทำให้ภายในห้องมีเพียงหลินเฟยและองค์รัชทายาทเท่านั้น

“หนี้หรือขอรับ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีงุนงง ตนเองไปเป็นเจ้าหนี้อีกฝ่ายตอนไหนไม่ทราบ

“นี่เป็นเงินค่ายาที่เจ้านำมา ได้ยินจากจิ๋นจี้หลงแล้วว่าสมุนไพรที่เจ้าใช้นั้นเป็นของหายากที่แม้แต่ในท้องพระคลังก็ยังไม่มี”องค์รัชทายาทพูดพลางส่งแหวนมิติมาให้หลินเฟยด้วยท่าทีสบายๆ

“เรื่องค่าสมุนไพรนี้ไม่ใช่ว่าท่านจิ๋นจี้หลงต้องเป็นผู้จ่ายหรือขอรับ”หลินเฟยจำได้ว่าจิ๋นจี้หลงเป็นคนสัญญาไม่ใช่หรือไงว่าจะเป็นคนจ่ายเงินให้หลินเฟยเอง ทำไมกลายเป็นองค์รัชทายาทมาจ่ายด้วยตนเองไปได้กัน

“ข้าเป็นคนซื้อหนี้ของจิ๋นจี้หลงมาเอง ข้ากลัวว่าจิ๋นจี้หลงจะจ่ายให้เจ้าได้ไม่สมราคา”องค์รัชทายาทยิ้มพลางมองหลินเฟยนิ่ง

“เช่นนั้นข้าจะนำเงินไปให้นายท่านขอรับ ข้าขายสมุนไพรเหล่านั้นในนามร้านตระกูลชุน เงินเหล่านี้ข้าจะมอบให้นายท่านเป็นผู้ตัดสิน”หลินเฟยตอบพลางรับเงินมาแต่โดยดี พอจับไปที่แหวนหลินเฟยก็พบว่าภายในนั้นมีเงินอยู่หลายหมื่นเหรียญทองทีเดียว สมแล้วที่เป็นองค์รัชทายาทจ่ายหนักไม่น้อยสำหรับยาเพียงเม็ดเดียว

“ข้าปรึกษากับเจ้าของร้านแล้ว มันบอกว่าเงินทั้งหมดเป็นของเจ้า เหรียญทองเหล่านี้เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ”ได้ยินเช่นนั้นหลินเฟยก็พยักหน้าช้าๆก่อนจะนำเหรียญทองถ่ายออกมาจากแหวนมิติเข้าสู้มิติของตนเอง งานนี้หลินเฟยลงแรงทั้งหมดชุนเจ๋อจะยกเงินทั้งหมดให้หลินเฟยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“เช่นนั้นองค์รัชทายาทหมดธุระแล้วหรือขอรับ”หลินเฟยรับเงินเสร็จก็คืนแหวนให้ก่อนกล่าวราวกับจะไล่องค์รัชทายาทกลับ

“เจ้า….ไม่อยากเข้ามาทำงานในวังหลวงจริงๆงั้นหรือ ถ้าเป็นเจ้าข้าสามารถเสนอตำแหน่งสูงๆได้เลยนะ”องค์ชายรัชทายาทถามออกมาอย่างที่หลินเฟยคิดเอาไว้ไม่มีผิด หากจะส่งเงินให้องค์รัชทายาทไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเองหรอก

“ขอรับ ข้ามีงานล้นมืออยู่แล้ว”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีแน่วแน่

“เช่นนั้นก็ลาออกสิ งานในวังนอกจากจะได้เงินแล้วยังมีอำนาจอีกนะ”องค์รัชทายาทเสนอออกมาด้วยท่าทีคาดหวัง หากเป็นคนอื่นคงตาลุกวาวรีบเสนอตัวทันที แต่สำหรับหลินเฟยแล้วการเข้าทำงานในวังกลับเป็นเรื่องยุ่งยากและจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของการชิงดีชิงเด่นของเหล่าขุนนาง แบบนั้นหลินเฟยได้เหนื่อยกว่าเดิมแน่ๆ

“ข้าบอกท่านไปแล้วว่าข้ามีบุญคุณที่ต้องทดแทนนายท่าน การทำงานที่ร้านนี้คือสิ่งที่ข้าต้องการจากใจ”หลินเฟยตอบคำถามขององค์รัชทายาทเช่นเดียวกับที่หาข้ออ้างก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

“เรื่องนั้นข้าทราบแล้ว แต่หากข้าบอกเจ้าว่าเจ้าสามารถทำงานที่ร้านนี้ได้และทำงานในวังพร้อมกันไปด้วยล่ะ”องค์รัชทายาทถามออกมาด้วยท่าทีใจกว้าง ปกติการเข้าทำงานในวังก็แทบจะต้องอยู่แต่ในวัง หากจะสามารถเข้าออกได้ตามสบายก็มีแต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น

“ไม่ได้หรอกขอรับ ข้ายังมีงานอีกงานที่ต้องทำ ลำพังสองงานนี้ข้าก็ไม่มีเวลาแล้ว”หลินเฟยตอบออกมาตามตรง

“ข้าได้ข่าวว่าตำแหน่งเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายเจ้าไม่เต็มใจรับนัก หากให้ข้าออกหน้าให้เจ้าสามารถลาออกจากที่นั่นแล้วมาทำงานในวังได้ทันทีเลยนะ”ท่าทางองค์รัชทายาทจะไปสืบเรื่องของหลินเฟยมาบ้างแล้ว ถึงได้ทราบว่าหลินเฟยรับตำแหน่งด้วยความจำยอม แต่หากสามารถสละตำแหน่งเจ้าสำนักแล้วต้องไปเป็นขุนนางละก็แบบนั้นก็ไม่ต่างกันสักนิด

“ตอนแรกก็เป็นแบบนั้นขอรับ แต่ตอนนี้ข้าเองก็ไม่สามารถออกจากที่นั่นได้เช่นเดียวกัน”หลินเฟยตอบพลางยิ้มบางๆออกมา

“ตอนนี้ข้ากลายเป็นอาจารย์ของศิษย์ 3 คนแล้วขอรับ ข้าไม่สามารถทิ้งทั้งสามคนไปได้หรอกขอรับ”หลินเฟยตอบพลางนึกถึงภาพศิษย์ทั้งสามของตนเอง แม้จะเป็นเพียงคำพูดที่ใช้เลี่ยงคำเชิญขององค์รัชทายาท แต่หลินเฟยก็คิดแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้หลินเฟยไม่อาจโยนศิษย์ทั้งสามของตนทิ้งขว้างได้เหมือนที่คิดจะทำตอนแรกแล้ว ยามนี้เมื่อพูดถึงอนาคตของทั้งสามหลินเฟยย่อมเป็นคนหนึ่งที่ใส่ใจเรื่องนั้นมากที่สุดแน่ๆ

“งั้นหรือ”เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนที่หลินเฟยแสดงออกมาอย่างไม่ตั้งใจ องค์รัชทายาทก็เข้าใจทันทีว่าไม่อาจดึงตัวหลินเฟยมาได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นองค์รัชทายาทก็ยังมีไพ่อยู่ในมืออยู่ดี

“ต่อให้ข้าเสนอตำแหน่งมเหสีให้เจ้า เจ้าก็ไม่สนใจงั้นหรือ”องค์รัชทายาทถามพลางยิ้มออกมา บอกตามตรงว่าองค์รัชทายาทต้องตาหลินเฟยตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรก ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมีความสามารถที่แม้แต่หมอหลวงยังต้องยอมรับ องค์รัชทายาทก็ยิ่งชมชอบหลินเฟยมากขึ้น แม้ตอนนี้ตนเองจะยังไม่ได้เป็นจักรพรรดิ แต่ทายาทชายก็มีเพียงตนเองเพียงผู้เดียว เรียกได้ว่าไร้คู่แข่งใดๆ ตำแหน่งมเหสีที่ตนยื่นให้นี้ทำให้องค์รัชทายาทมั่นใจว่าจะต้องโอนเอียงหลินเฟยได้แน่

“…………………..”ผิดคาด ทันทีที่หลินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หน้าตึงทันที ไม่ทราบว่าหากตนเองเตะองค์รัชทายาทออกจากห้องตอนนี้ชุนเจ๋อจะโดนข้อหาอะไรหรือเปล่า หากไม่เกรงใจตำแหน่งรัชทายาทกับกลัวว่าเจ้านายจะถูกลงโทษละก็การเล่นตลกครั้งนี้หลินเฟยไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่ๆ

“ท่านล้อเล่นเกินไปแล้ว ข้าไม่คิดว่าท่านจะชวนผู้ชายไปเป็นมเหสีหรอกนะขอรับ”หลินเฟยถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะขอตัวออกจากห้องไปทันทีแล้วรีบลงไปที่ชั้นหนึ่งอย่างเร่งร้อน

“เดี๋ยวสิ เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ”องค์รัชทายาทได้ยินคำตอบของหลินเฟยก็มีท่าทีงุนงงปนไม่เชื่อทันที ก่อนจะเดินตามหลินเฟยออกมาจากห้อง ระหว่างนั้นที่หน้าห้องมีทั้งเหล่าทหารและชุนเจ๋อรวมถึงบุตรชายอย่างชุนถังและบุตรสาวชุนชิงรออยู่ด้วย เพราะตัวชันเจ๋อนั้นคิดจะพาทั้งสองคนเข้าไปต้อนรับองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการนั่นเอง

“องค์รัชทายาท มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”ชุนเจ๋อเห็นหลินเฟยเดินลงไปชั้นล่างด้วยท่าทีรีบร้อนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามองค์รัชทายาทด้วยตนเอง หากทำพระองค์ไม่พอใจมีหวังได้เจอปัญหาใหญ่กว่าสินค้าขาดแคลนแน่ๆ

“หลินเฟยนะสิ ข้ากำลังเสนอตำแหน่งมเหสีให้แท้ๆ แต่นางกลับบอกว่าตนเองเป็นผู้ชายแล้วเดินจากไปเลย คิดว่าข้ออ้างแบบนั้นจะใช้ได้หรือไงนะ…”องค์รัชทายาทแม้จะโดนปฏิเสธแต่ก็ไม่มีท่าทีกริ้วโกรธแต่อย่างไร กลับเข้าใจว่าหลินเฟยเพียงเอียงอายเท่านั้น

“องค์รัชทายาทขอรับ…..”ผู้ที่เข้ามาหาองค์รัชทายาทเป็นคนแรกนั้นคือชุนถังนั่นเอง ตัวมันเคยเจอประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว พอจะเข้าใจองค์รัชทายาทอยู่บ้าง มันค่อยๆเข้าไปใกล้ๆองค์รัชทายาทด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจก่อนจะพูดเรื่องของหลินเฟยให้องค์รัชทายาทฟังว่าแท้จริงแล้วหลินเฟยนั้นคือชายทั้งแท่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“…………….”