บทที่ 632 The Final Name (3)
ชินจงฮักมองดูชินมยองชุลผู้ที่สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ภายในจิตใจของเขา ชินจงฮักรู้สึกเหมือนกับว่าเวลารอบตัวเดินช้าลง และเนื่องจากชินจงฮักเป็นเจ้าของพื้นที่นี้ เวลาที่ชะลอตัวลงนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ชินมยองชุล ลุกขึ้นอย่างช้าๆ คอของชินจงฮักแข็งทื่อ
คุณปู่ที่เขาคิดถึงมาก ชายผู้เป็นผู้นำชีวิตของเขา….
ฮีโร่ของเขาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
แต่ชินจงฮักไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดได้เช่นกัน เขาทำได้แค่เฝ้าดูชินมยองชุลราวกับว่าเขาเป็นเพียงภาพลวงตาที่จะหายไปในเวลาอีกไม่นาน….
-สักพักหนึ่ง
น้ำเสียงที่เขาคิดถึงมากที่สุดได้หลุดออกมาจากชินมยองชุล ชินจงฮักยื่นนิ่งงงงวยเหมือนรูปปั้น ชินมยองชุลตบที่บ่าหลานชายของตนเองเบาๆแล้วพูดออกมา
—จงฮัก ปู่มีเรื่องมากมายที่จะพูดกับหลาน…. แต่ก่อนอื่น ให้ปู่ได้เริ่มต้นด้วยการพูดขอโทษ ปู่ขอโทษที่เป็นปู่ที่แย่
ชินจงฮักมองเข้าไปในดวงตาของชินมยองชุล ในอดีตเขาทำได้เพียงเงยหน้ามองคุณปู่ของเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้ความสูงพวกเขาสูงเท่า ๆ กัน
ชินมยองชุลดูชราลง แต่เขาก็ยังมีเค้าโครงความสง่างามและแข็งแกร่ง เขายังคงยิ้มอย่างใจดีอยู่เสมอ
– แล้ว…อ่า ปู่พูดไม่เก่งสักเท่าไหร่ สิ่งที่ปู่อยากบอกก็คือ…จงฮักเอ๋ย ปู่อยู่กับหลานเสมอ ปู่รู้สึกเหมือนที่หลานรู้สึก และเผชิญหน้ากับสิ่งเดียวกับที่หลานพบเจอ….
เสียงของเขานิ่มนวลเหมือนกับเสียงของคุณปู่ที่อ่านนิทานก่อนนอนให้หลานชายของเขาฟัง ชินจงฮักที่ได้ฟังคำคุณปู่ของเขารู้สึกถึงอารมณ์ที่ร้อนรนในหัวใจ
– … เมื่อปู่ยังมีชีวิตอยู่และแม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม ปู่ก็ทุกข์ใจเสมอกับความรักที่หลานมอบให้ เพราะมันดีเกินไปสำหรับคนขี้ขลาดอย่างปู่
เขาไม่กล้าบอกหลานชายถึงความผิดของเขา ความเจ็บปวดจากการทรยศที่หลานชายของเขาจะได้รับนั้นน่าเป็นห่วงมากกว่าความทุกข์ของตัวเขาเอง
– ปู่แน่ใจว่าหลานคงจะรู้ความจริงแล้ว และคงไม่ต้องการคำอธิบายจากปู่คนนี้ จงฮักเอ๋ย ปู่ไม่ใช่ฮีโร่ ผู้คนหลายล้านได้สิ้นชีวิตเพราะปู่ ปู่นำภัยพิบัติมากมายมาสู่โลกและหายนะนั้นมันยังคงอยู่….
ชินมยองชุลสารภาพอย่างใจเย็นและ ชินจงฮักก็พยักหน้าอย่างรับฟัง
‘ผมรู้แล้วตอนนี้’ ชินจงฮักคิดกับตัวเอง แต่ชินมยองชุลสามารถได้ยินความคิดของหลานชายของเขา
– แต่ถึงตอนนี้ ปู่ยังคงรู้สึกโล่งใจที่เห็นแก่ตัว ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าปู่ย้อนเวลากลับไปในเวลานั้นแล้วปู่ไม่ได้ทำแบบนั้น ปู่ก็คงจะไม่สามารถเห็นหลานได้
รอยยิ้มอันขมขื่นแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของชินมยองชุล
– นั่นเป็นเหตุผลที่ปู่ไม่สามารถเสียใจในการตัดสินใจของตัวเองอย่างแท้จริง มันจะหมายถึงการปฏิเสธความรักของปู่ที่มีต่อหลาน
ชินจงฮักรู้สึกได้ถึงน้ำตาไหลที่ลงมาบนใบหน้าของเขา ชินมยองชุลเช็ดน้ำตาของหลานชายด้วยมือที่ใหญ่และหยาบกร้าน
– … จงฮักเอ๋ย
ชินจงฮักพยักหน้าอย่างเงียบงันและชินมยองชุลก็ยังคงพูดต่อไป
– หลานมีความสุขกับสิ่งที่หลานเป็นอยู่หรือไม่?
ชายทั้งสองเงียบลง ชินมยองชุลยิ้มอย่างอ่อนโยน หลังจากใช้เวลาคิดสักครู่ ชินจงฮักก็พยักหน้ารับ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง และท้ายที่สุด ชินจงฮักใช้เวลาสักครู่เพื่อค้นหาความกล้าหาญที่จะส่ายหัวในที่สุด
– …เป็นเรื่องดีที่หลานยอมรับ จงยอมรับความกับตัวเองเสมอและมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความเสียใจใดๆที่ถูกซ่อนไว้ข้างหลัง มันไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ แต่ปู่ได้ทิ้งบางอย่างเอาไว้เพื่อช่วยหลานเมื่อจำเป็น แต่ก่อนหน้านั้น ปู่มีบางอย่างจะถามหลาน
ชินมยองชุลวางมือบนไหล่ของชินจงฮัก น้ำหนักของมือที่วางลงมานั้นดูเหมือนถ่วงไปทั้งร่างกายของชินจงฮัก ความรู้สึกที่เกินกว่าจะรับไหวนี้ ชินจงฮักเลื่อนสายสายตาไปมองที่ชินมยองชุล เขามุ่งมั่นที่จะทำตามความปรารถนาของปู่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
แต่สิ่งที่ชินมยองชุลพูดต่อไปนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
– ได้โปรด แก้ไขมันให้ถูกต้อง เมื่อทุกอย่างจบลงแล้วให้บอกโลกนี้เกี่ยวกับการกระทำผิดของปู่ บอกพวกเขาว่ามันเป็นความโลภและความเห็นแก่ตัวของตัวปู่เองที่เกือบทำลายโลก และหลานควรจะเป็นคนที่ทำสิ่งนั้น
ชินจงฮักเริ่มสั่นไหว เขามองดวงตางของปู่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
สำหรับชินจงฮักแล้วชินมยองชุลเป็นวีรบุรุษตลอดกาล อดีตของปู่ไม่สำคัญกับเขา เขายังคงต้องการภาคภูมิใจชินมยองชุลต่อไปตามความสำเร็จของปู่และความทรงจำของวันเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกัน แน่นอนว่า ชินจงฮักไม่อาจจินตนาการถึงอนาคตที่ชื่อของ ชินมยองชุลจะเสียไป….
ชินมยองชุลยิ้มอย่างขมขื่นและวางมือบนหัวของชินจงฮัก เขาขยับมือช้าๆและเริ่มลูบหลานชายของเขาเหมือนในอดีตที่เขาทำมาหลายต่อหลายครั้ง
– ได้โปรด จงฮักเอ๋ย นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของปู่ที่จะขอหลาน หลานมีอิสระที่จะปฏิเสธแน่นอนและหลานจะยังคงได้รับมรดกที่ปู่สัญญาไว้กับหลาน แต่…ปู่อยากให้หลานทำมันจริงๆ
คำพูดที่อ่อนนุ่มเหล่านั้นทำให้ชินจงฮักใจสลาย ทันใดนั้น เกิดน้ำสายหนึ่งที่คลออยู่ในดวงตาของเขา
“…”
ชินจงฮักกัดฟันแน่น แต่น้ำตานั้นได้ไหลอาบใบหน้าของเขาแล้ว ขาของเขาสั่นเทาและในไม่ช้าเขาก็เริ่มร้องไห้เสียงดัง
ชินจงฮักก้มศีรษะลงด้วยความอับอายและเสียใจ เหมือนเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก เขาคร่ำครวญอย่างเสียใจเหมือนในสมัยอดีต
ชินมยองชุล จ้องมองไปที่หลานชายของเขาเป็นเวลานาน
…ในที่สุดการร้องไห้ของเด็กชายก็หยุดลงและพยักหน้าตอบรับด้วยความเงียบงัน
**
บาอัลคิดถึงเวลาที่เขายังเป็นเด็ก มันอาจจะเป็น 10,000 หรือ 100,000 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้เขายังคง “ว่างเปล่า”
ในสมัยนั้น เขาถูกล้อมรอบด้วยฟิล์มบาง ๆ การมีอยู่ของเขาเริ่มขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนั้นและหลังจากนั้นเขาจะสามารถเห็นและสัมผัสโลกรอบตัวของเขา ในเวลานั้นเขาไม่ใช่ปีศาจหรือบาอัล เขาเป็นสิ่งที่ ‘ว่างเปล่า’
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็กลายเป็นปีศาจโดยธรรมชาติ ไม่ว่าเขาต้องการจะเป็นคนธรรมดาหรือปีศาจผู้ชั่วช้าเขาก็จำไม่ได้ วันหนึ่ง ตัวตนของเขากำเนิดขึ้นมาขนานกับสิ่งที่เรียกว่าความดี เขาถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นปีศาจ
ด้วยความเชื่อนั้น เขาจึงฉีกฟิล์มที่ล้อมรอบตัวเขา ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็สะท้อนมุมมองของอาณาจักรเหนือธรรมชาติ มันเป็นโลกที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ที่นั่นเขาได้รับชื่อว่าบาอัล และเรียนรู้ที่จะคิดโดยการสังเกตมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกอื่น….
…บาอัลตื่นขึ้นจากความทรงจำและถอนหายใจ
จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยสงสัยเกี่ยวกับที่มาของการดำรงอยู่ของเขา แต่ตอนนี้เขามีความคิดที่คลุมเครือว่าเขามาจากไหน
[ฮีโร่ผู้หวนคืน]
[ชม 3,235,212] [รายการโปรด 21,325] [จำนวนคำ 1,372,153]
ตัวเลขและคำพูดไม่กี่คำล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ มันยากที่จะเชื่อว่ามันเป็นความจริง แต่ละปีแห่งความโดดเดี่ยวของเขามาจากนวนิยายที่เขียนโดยมนุษย์
เขาจำโลกที่เขาเห็นในความทรงจำของเบลล์ได้
ไม่มีปีศาจในโลกแห่งนั้น ศาสนาเป็นเพียงความเชื่อและเวทย์มนตร์จะไม่ส่งผลต่อกฎของฟิสิกส์ มนุษย์ครองเผ่าพันธุ์อื่น
มนุษย์ไม่มีความสามารถในการแทรกแซงแนวคิดนามธรรมและแนวคิดไม่สามารถใช้พลังเกินกว่ากฎของธรรมชาติต่อมนุษย์ มนุษย์ไม่สามารถหยุดเวลาและเวลาทำงานอย่างเป็นธรรมสำหรับทุกคน มันเป็นโลกวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วยการคำนวณอย่างละเอียดละออและกฎเกณฑ์เชิงตรรกะโดยไม่มีที่ว่างสำหรับการแทรกแซงเวทมนต์
เมื่อเปรียบเทียบกับโลกของเขาแล้ว โลกใบนั้นช่างเรียบง่าย โลกแห่ง ‘ความพิเศษ’ สร้างขึ้นจากกฎหมายและหลักการที่ซับซ้อน –
นั่นคือโลกของผู้สร้าง
“Hiyaaap-!”
เสียงตะโกนดังขึ้นทำให้บาอัลไปกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาลืมตาขึ้นและมองดูมนุษย์นับไม่ถ้วนที่วิ่งโดยมีเป้าหมายที่เขา