บทที่ 636 ม้ามืดที่แข็งแกร่งที่สุด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ความเจ็บปวดที่ลึกถึงกระดูกถูกกระจายจากท้องน้อยไปยังแขนขาและทั่วร่าง ทาคาโอะ อูโนะรู้สึกเหมือนอวัยวะต่างๆ ถูกฉีกกระชาก ทำให้ใบหน้าของเขาเกร็งจนเป็นก้อนเดียวกัน

“กับท่วงท่าที่สะเปะสะปะนั่น ต่อให้ไปฝึกมาอีกร้อยปีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก!”

เย่เทียนเบ้ปากอย่างดูถูก ขยับขา แล้วพุ่งเข้าไปราวกับสายฟ้า พอขาข้ามผ่านหัวไป ส้นเท้าก็ได้กระแทกลงไปที่สะบักของทาคาโอะ อูโนะอย่างแรง

ภายใต้พละกำลังที่ยิ่งใหญ่นี้ ทาคาโอะ อูโนะก็สั่นไปทั่วร่าง ขาทั้งสองข้างงอลงพื้นอย่างควบคุมไม่ได้ จนเกือบคุกเข่าลงพื้นจึงรีบตวัดดาบออกไปเล่มหนึ่งหวังที่จะกดดันเย่เทียนออกไป

“หู้ย?!”

เย่เทียนตกใจจนอุทานออกมา นึกไม่ถึงว่าช่วงล่างของทาคาโอะ อูโนะจะมั่นคงขนาดนี้ จึงรีบคว้าข้อมือของทาคาโอะ อูโนะเอาไว้และขวางการโจมตีจากดาบทาชิเอาไว้ได้

“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”

ไม่รอให้ทาคาโอะ อูโนะทันได้ทำอะไรอีก เย่เทียนก็ได้ตะคอกใส่ ขาที่วางอยู่บนสะบักก็ได้ออกแรงอีกครั้ง

“หืม?!”

ทาคาโอะ อูโนะรู้สึกถึงแรงอันมหาศาลที่ส่งมาจากสะบัก ขาทั้งสองข้างงอหนักยิ่งกว่าเก่า แต่เขากลับกัดฟันแน่น พยายามไม่ให้ตัวเองคุกเข่าลง

“คุกเข่า!”

ดวงตาสีดำคู่นั้นของเย่เทียนปรากฏลำแสงที่เยือกเย็นออกมา เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วโขกลงไปอย่างแรง

“ปั้ง!”

ในครั้งนี้ ทาคาโอะ อูโนะที่ถึงขีดจำกัดไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว เข่าทั้งสองข้างแตะลงบนพื้นเวทีอย่างสมบูรณ์ ด้วยความแรงอันมหาศาลก็ทำให้เข่าของเขาแทบหักเลย

“อ้า!”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บที่ส่งมาจากเข่า หรือเป็นเพราะศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำ ทำให้ทาคาโอะ อูโนะส่งเสียงคำรามออกมา ดาบที่คาบอยู่ในปากก็ได้หล่นลงพื้นจนเกิดเสียงกระทบพื้นที่ดังสนั่นขึ้น

“น่ารำคาญชะมัด”

เย่เทียนเบ้ปาก จังหวะที่ดึงขาขวากลับ ขาซ้ายก็ได้เหวี่ยงไปอีกครั้ง แล้วเหยียบลงที่ใบหน้าของทาคาโอะ อูโนะอย่างแรง

“เอื๊อก!”

ทาคาโอะ อูโนะส่งเสียงโอดครวญออกมาอีกครั้ง เลือดกับฟันที่หักได้พุ่งออกมาจากปาก ลอยไปในอากาศจนเกิดเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม หัวของเขาก็ได้กระแทกลงพื้นอย่างแรง และได้สลบไปทันที

ทันใดนั้น ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ทาคาโอะ อูโนะยังได้เปรียบอยู่เลย ทำไมผ่านไปแค่แปบเดียวก็ถูกอัดจนเละแล้วล่ะ?

“เชี่ย! พวกเรามีใครเคยได้ยินชื่อเย่เทียนมาก่อนมั้ย? นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้วมั้ง?”

“ก่อนหน้านี้ตอนที่ทาคาโอะ อูโนะได้เปรียบ ฉันนึกว่าเย่เทียนต้องแพ้แล้วแน่ๆ ดูจากตอนนี้ ที่ผ่านมาเขาจงใจที่จะแกล้งทาคาโอะ อูโนะเท่านั้น!”

“ม้ามืด! นี่มันม้ามืดตัวโตเลยนี่นา!”

หลังจากที่ช็อกไปชั่วขณะ ทุกคนก็ตั้งสติได้ แล้วพากันหันมาวิจารณ์ที่มาของเย่เทียนกันใหญ่

แต่น่าเสียดาย ในชาตินี้นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนออกนอกประเทศเลย แล้วพวกเขาจะไปรู้ข้อมูลของเย่เทียนได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไป ชื่อของเย่เทียนต้องเป็นที่รู้ไปทั่วในสามเหลี่ยมทมิฬอย่างแน่นอน!

อิจิโร ยามาโมโตะ เหมือนจะคาดการว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ไว้นานแล้ว แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ เย่เทียนจะสามารถจัดการกับศิษย์รักของตัวเองได้เร็วขนาดนี้ เร็วจนเกินความคาดหมายของเขา!

ประเด็นคือ ทำไมคุโรดะถูกทำร้ายแล้ว ศิษย์พี่กลับไม่ยอมก้าวออกมา มันจะเกี่ยวกับเย่เทียนรึเปล่านะ?

แต่ว่า ในเมื่อคิดไม่ตก อิจิโร ยามาโมโตะ ก็ไม่อยากเซ้าซี้ต่อ สายตาไม่สะอาดที่มองไปยังเย่เทียนได้เกิดประกายที่เยือกเย็นขึ้นความฮึดสู้ที่ห่างหายไปนานของเขาได้ถูกเย่เทียนปลุกขึ้นมาแล้วจริงๆ!

ในตอนนี้ สายตาของเย่เทียนก็ได้ละออกจากทาคาโอะ อูโนะที่สลบไปแล้ว เงยหน้าแล้วมองไปยังที่ที่อิจิโร ยามาโมโตะ อยู่ และได้สังเกตเห็นแววตาที่เยือกเย็นของอิจิโร ยามาโมโตะ เข้าพอดี

เย่เทียนจะไปกลัวได้ยังไง ยืนอยู่กับที่อย่างสบายๆ จ้องมองไปยังอิจิโร ยามาโมโตะ ด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม

ผู้ชมที่อยู่รอบๆ ต่างเห็นการจ้องตากันของทั้งคู่ ยังไงก็ต้องรับรู้ได้ถึงความอาฆาตของทั้งคู่ได้บ้าง ราวกับเป็นความสงบก่อนที่พายุจะมาเยือน ทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

พอนับรวมทาคาโอะ อูโนะ เย่เทียนก็ได้ชนะมาสามครั้งติดแล้ว ตามกติกาของที่นี่ อิจิโร ยามาโมโตะ จำเป็นต้องขึ้นสังเวียนเพื่อสู้ตัดสินกับเย่เทียนที่ลึกลับคนนี้แล้ว!

ถ้าการต่อสู้สามครั้งก่อนหน้าของเย่เทียนเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย ถ้าอย่างนั้น การต่อสู้กับอิจิโร ยามาโมโตะ หลังจากนี้ก็คืออาหารจานหลัก ความสุดยอดคงไม่ต้องพูดถึง

“ปรมาจารย์ยามาโมโตะ!ปรมาจารย์ยามาโมโตะ!”

พอคิดได้อย่างนั้น เหล่าผู้ชมใต้เวทีที่ดูเอามันส์ก็ได้พร้อมใจกันตะโกนขึ้นมา ราวกับจะทำให้หลังคาถล่ม สนั่นฟ้าดินทำให้บรรยากาศตรงนั้นปะทุขึ้นถึงขีดสุด

ดวงตาที่ไม่สะอาดของอิจิโร ยามาโมโตะ คู่นั้นกวาดมองไปที่ทุกคนรอบหนึ่ง ถึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา และค่อยๆ เดินลงอัฒจันทร์อย่างไม่เร่งรีบโดยไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปทางเวที

เย่เทียนจ้องมองอิจิโร ยามาโมโตะ ด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม จนเมื่อเขาเดินขึ้นเวที ถึงได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อิจิโร ยามาโมโตะ ได้ยินว่าคุณเป็นปรมาจารย์แห่งดาบด้วยใช่มั้ย?”

อิจิโร ยามาโมโตะ พยักหน้าเบาๆ “ถูกต้อง!”

“อาจารย์ ผมทำให้อาจารย์ต้องขายหน้าแล้ว”

ในตอนนั้นเอง ทาคาโอะที่ถูกคนลากลงเวทีก็ได้สติคืนมา แล้วมองอิจิโร ยามาโมโตะ ด้วยสีหน้าที่อับอาย

อิจิโร ยามาโมโตะ ได้ยิ้มออกมาอย่างเมตตา “ไม่เป็นไร การที่แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขามันก็เป็นเรื่องธรรมดา อาจารย์ไม่ได้โทษแกเลย”

พอได้ยินอย่างนั้น ทาคาโอะ อูโนะก็ถึงกับตกใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องยกย่องเย่เทียนถึงขนาดนั้น

“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องพูดมากแล้ว”

เย่เทียนที่เห็นอย่างนั้น จึงได้โบกมือด้วยความรำคาญใจ “พวกเรารีบมาเริ่มกันเถอะ! เวลาหนึ่งนาทีของผมมันมีค่าเป็นแสนเลยนะ ไม่มีเวลามาเสียกับคุณหรอกนะ”

อิจิโร ยามาโมโตะ ถลึงตาใส่เย่เทียนอย่างไม่พอใจ จากนั้นค่อยหันไปโบกมือหมอสองคนที่รับหน้าที่ดูแลทาคาโอะ อูโนะ ให้พวกเขาพาทาคาโอะ อูโนะออกไปรักษา

“นี่พวกนายกะจะแทงฝั่งไหนเหรอ?”

“ยังต้องให้ตอบอีกเหรอ? ก็ต้องเป็น ปรมาจารย์ยามาโมโตะอยู่แล้วสิ!”

“ฉันว่ามันก็ไม่แน่นะ ไอ้คนที่ชื่อเย่เทียนก็ดูเก่งมากเลยนะ!”

ตอนนี้ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังชายแก่กับหนุ่มน้อยที่อยู่กลางสังเวียน ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา กลัวจะพลาดจังหวะสำคัญอะไรไป

อิจิโร ยามาโมโตะ ไม่ได้สนใจคำวิจารณ์ของผู้ชมที่อยู่ใต้เวทีแม้แต่น้อย ดวงตาคู่นั้นกำลังพิจารณาเย่เทียนด้วยความสนใจ

เย่เทียนก็มองไปที่อิจิโร ยามาโมโตะ เหมือนกัน ดวงตาสีดำแอบปรากฏความกลัวออกมาเล็กน้อย

โบราณพูดไว้ดี : คนแก่ที่ไม่ตายนั้นถือเป็นภัย

อย่าคิดว่าการที่ก่อนหน้านี้เย่เทียนไม่ให้เกียรติอิจิโร ยามาโมโตะ ต่างๆ นาๆ แต่เย่เทียนกลับไม่กล้าดูถูกเขาแม้แต่นิดเดียว ในเมื่อเขาสามารถได้ชื่อปรมาจารย์แห่งดาบมา แล้วจะเป็นคนที่ไม่เอาไหนได้ยังไง?

“นี่พ่อหนุ่ม เธอเก่งมาก”

หลังจากที่ทั้งสองสบตากันไปประมาณหนึ่งนาที อิจิโร ยามาโมโตะ จึงเป็นฝ่ายที่ทำลายความเงียบลงก่อน “ถ้าเป็นไปได้ ฉันเองก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับเธอหรอกนะ”

“ความจริงเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกันก็ได้นี่ครับ?”

เย่เทียนยิ้มอย่างสดใส แล้วพูดอย่างลึกซึ้งว่า “ขอแค่คุณยอมบอกผมเรื่องหนึ่ง ผมก็จะลงไปทันที”

ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายของอิจิโร ยามาโมโตะ มีเพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่งยังไงก็ดีกว่ามีศัตรูเพิ่มมาคนหนึ่งอยู่แล้ว

“มีคนมากมายแบบนี้ดูอยู่ ถ้าเราไม่สู้มันจะดูน่าเกลียดเกินไปนะ”

อิจิโร ยามาโมโตะ อดยิ้มไม่ได้ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เธออายุแค่นี้ก็ฝึกฝนจนถึงระดับดินแล้ว ฉันเองก็อยากสู้กับเธอมากเหมือนกัน!”

“ว่ายังไงนะ! นี่เขาอยู่ระดับดินอย่างนั้นเหรอ?”

“เขาอายุแค่เท่าไหร่เอง? ทำไมถึงฝึกถึงระดับดินแล้วล่ะ?”

พอพูดอย่างนั้นออกไป ก็ทำให้ทุกคนถึงกับแตกตื่นขึ้นมาทันที ทุกคนต่างเบิกตาโตแล้วมองมาที่เย่เทียนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ…