“เข้ามา พาอวี้เหม่ยเหริน กลับไปยังตำหนักของนาง” เสียงของฮ่องเต้เมไปด้วยความมืดครึ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจ แต่โม่ อวี้เอ้อร์ ก็ยังไม่เข้าใจ นางยังดิ้นรนและพูดขึ้นอีก “ฝ่าบาทโปรดให้หม่อมฉันอยู่ด้วยเพคะ หม่อมฉันสามารถช่วยได้จริงๆ หม่อมฉันช่วยได้จริงๆเพคะ … … “นางถูกขังอยู่ในวังหลังแห่งนี้ ดังนั้นนอกเหนือจากโอกาสนี้ เมื่อไหร่ที่นางจะได้พบกับหลิน ชูจิ่ว อีกครั้ง?

       ใบหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นดำมืดอย่างสนิท แล้วหลิน ชูจิ่วก็พูดขึ้น “อวี้เหม่ยเหรินต้องการจะช่วยอย่างไร? ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด เมื่อครั้งที่หมอเทวดาโม่กำลังรักษาหวางเย่ ด้วยการแช่อ่างยาพร้อมกับวิญญาณมังกร เจ้าก็ขอร้องและบอกว่าเจ้าสามารถช่วยได้ แต่ตอนนี้ในขณะที่ข้ากำลังจะรักษาองค์ชายสาม เจ้าก็ขออยู่อีก? อย่าลืมองค์ชายสามเสี่ยว จื่ออันเป็นบุตรชายของฮ่องเต้ ”

       ประโยคสุดท้ายของเธอคือตบหน้า ไม่เฉพาะใบหน้าของโม่ อวี้เอ้อร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงฮ่องเต้อีกด้วย ดังนั้นทั้งฮองเฮาและพระสนมโจวจึงต่างก็กลัว

       หลิน ชูจิ่ว กล้ามากจริงๆ

“ปิดปากนางและลากนางออกไป” ฮ่องเต้ไม่ได้เรียกโม่ อวี้เอ้อร์ หรืออวี้เหม่ยเหริน เขาไม่ได้ไว้หน้าโม่ อวี้เอ้อร์จริงๆ ในเวลานี้

“ไม่ … … อืมม” โม่ อวี้เอ้อร์ พยายามที่จะอธิบาย แต่นางก็ไม่ได้รับโอกาสใด ๆ ความเยือกเย็นและความเย่อหยิ่งของนางไม่เป็นประโยชน์กับทหารหลวง

       หลังจากที่โม่ อวี้เอ้อร์ถูกลากออกไป หลิน ชูจิ่วก็หันไปและคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้ ก่อนจะพูดขึ้น “ฝ่าบาท โปรดอภัยในความหยาบคายของหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันเป็นคนพูดตรงไปตรงมาเสมอ หม่อมฉันบังเอิญพูดความจริงออกไป อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นคนที่ดูแลหวางเย่ จริงๆแล้วก็คือหม่อมฉันไม่ใช่อวี้เหม่ยเหรินเพคะ”

       ไม่อธิบายก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าฮ่องเต้เกิดรำคาญพวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรฮ่องเต้ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้อยู่แล้ว “เรื่องเล็กน้อย ลืมมันไปเสีย การไปพบองค์ชายสามคือเรื่องสำคัญสูงสุดของเรา “

“เพคะ” หลิน ชูจิ่วลุกขึ้นหลังจากขอโทษฮ่องเต้ แต่เมื่อเธอยืนขึ้น เธอก็มองเห็นเสี่ยวเทียนเหยา กำลังจ้องมองเธออยู่ หลิน ชูจิ่ว ทำตัวเหมือนว่าเธอไม่เห็นอะไร เธอก้มหัวลงในขณะที่เดินไปกับทุกคน

       ในวังชั้นใน นอกเหนือจากองค์ชายสามแล้วยังมีหมอบางคนที่ติดตามหมอหลวงฉินมา เมื่อพวกเขาเห็นฮ่องเต้ พวกเขาจึงก้าวออกมาข้างหน้าและถามเกี่ยวกับการรักษาอาการของเสี่ยว จื่ออัน ฮ่องเต้ได้อธิบายอย่างง่ายๆขึ้นว่าอาการขององค์ชายสามจะได้รับการจัดการโดยหลิน ชูจิ่วต่อจากนี้

       หลิน ชูจิ่ว กำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่เสี่ยวเทียนเหยา ก็ดึงเธอกลับมาแล้วพูดขึ้น “ฝ่าบาท โปรดสั่งให้ทุกคนออกไปด้วย ถ้าท่านรู้สึกไม่สบายใจท่านสามารถสั่งให้หมอหลวงฉินอยู่ได้”

       หลิน ชูจิ่วไม่เข้าใจ แต่เธอรู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา กำลังทำเพื่อเธอ ดังนั้นเธอเพียงแค่ยืนอยู่เงียบๆ เท่านั้น

“เจ้าต้องการให้ทุกคนออกไปหรือ?” เขาปฏิเสธที่จะให้ทุกคนอยู่และดู แต่เขากลับปล่อยให้หมอหลวงฉินอยู่ได้? เสี่ยวเทียนเหยากำลังวางแผนที่จะทำอะไร?

       เขาตั้งใจทำเช่นนี้เพื่อให้เขาสงสัยว่าหมอหลวงฉินใช่ไหม?

       เสี่ยวเทียนเหยา ต้องการทำอะไรกันแน่?

       แย่หน่อย ที่มีเพียงแค่หมอหลวงฉิน ที่สามารถเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ได้

       เมื่อหมอหลวงฉินได้ยินคำพูดของเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็รู้ว่าคุณธรรมของเขาก่อนหน้านี้กำลังบินหนีไป

“พ่ะย่ะค่ะ”

       เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยากำลังจริงจังมาก เขาก็กลัวว่าเขาจะไม่สามารถเผชิญกับผลกระทบได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธคำขอของเขาโดยตรงแต่กลับถามขึ้นแทน “ทำไม?”

“เปิ่นหวางไม่สามารถอธิบายได้ในตอนนี้ แต่เปิ่นหวางรับประกันได้ว่า จื่ออันจะหายหลังจากนี้ นอกจากนี้ยังมีหมอหลวงฉินอยู่ ฝ่าบาท ไม่ต้องกังวัลแม้แต่น้อย “เสี่ยวเทียนเหยาบอกว่าไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ แต่พระสนมโจว ไม่เชื่อเช่นนั้น แต่เพราะเห็นแก่บุตรชายของนาง นางจึงขอให้ฮ่องเต้ยอมตกลง

       ไม่ว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะมีเล่ห์กลอะไร ที่เขาจะการจะเล่นมัน  นางเพียงแค่อยากให้บุตรชายของนางดีขึ้นเท่านั้น

“หมอคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้รับอนุญาตด้วยหรือ?” ฮ่องเต้ก็ยังคงเป็นฮ่องเต้ เขามีความห่วงใยต่อเสี่ยว จื่ออัน แต่มันก็ไม่ได้ว่าความว่าความเกลียดชังของเขาที่มีต่อเสี่ยวเทียนเหยาจะหายไป

       เสี่ยวเทียนเหยา ดูเหมือนว่าจะคาดหวังได้ถึงปฏิกิริยาดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก “หมอคนอื่น ๆ ไร้ความสามารถ เปิ่นหวางจะคอยช่วยหวางเฟยในการรักษาจื่ออันเอง”

“หวาง … เย่” การแสดงออกทางสีหน้าของหลิน ชูจิ่ว เปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเธอก็ดึงแขนเสื้อของเสี่ยวเทียนเหยา

       เธอยังไม่สามารถรับประกันอะไรได้ทั้งนั้น!