เสี่ยวเทียนเหยา ไม่สนใจว่าฮ่องเต้จะเห็นหรือไม่ เขาจับมือหลิน ชูจิ่วกลับและบอกให้นางปล่อยมือและเพียงแค่ผ่อนคลายเท่านั้น

       หลิน  ชูจิ่วเก็บมือลงไป แต่เธอไม่สามารถผ่อนคลายได้

       เธอยังไม่ทราบสภาพที่แท้จริงขององค์ชายสาม ดังนั้นพวกเขาจะสามารถรับประกันถึงผลของการรักษาไดอย่างไร? นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์เชียวนะ

       การโต้ตอบระหว่างพวกเขาไม่ได้ถูกซ่อนเอาไว้ ดังนั้นฮ่องเต้จึงได้เห็นมันเป็นธรรมชาติ เมื่อเห็นความตึงเครียดและความกลัวบนใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว ที่ไม่ใช่ของปลอม ฮ่องเต้ก็พูดง่ายๆขึ้น “ทุกคนออกไป หมอหลวงฉิน ท่านอยู่ที่นี่และช่วยเสี่ยวหวางเฟย”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ” หมอหลวงฉินรู้สึกช่วยไม่ได้ แต่การแสดงออกทางใบหน้าของเขาดูเหมือนปกติ เขาไม่ได้เปิดเผยความกังวลใด ๆออกมา

“ไปกันเถอะ” เมื่อฮ่องเต้หันหลังและเดินออกไป คนอื่น ๆ ก็ตามออกไปเป็นธรรมชาติและไม่มีใครกล้าที่จะอยู่ พวกเขาจากไปทีละคะๆ เหลือเพียงพระสนมโจวเท่านั้น แต่ก่อนที่นางจะจากไปนางมองไปที่หลิน ชูจิ่ว ด้วยสายตาที่มีความหมาย ดวงตาของนางดูซับซ้อนเกินไป ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร … …

       หลังจากที่ห้องว่างเปล่า ยกเว้นหลิน ชูจิ่วและเสี่ยวเทียนเหยา ก็มีเพียงองค์ชายสามที่ไม่ได้สติและหมอหลวงฉิน เหลืออยู่ภายในห้องโถงด้านใน

“ข้าจะไปดูองค์ชายสาม” หลิน ชูจิ่ว ก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปที่เตียง แต่เธอก็ถูกหยุดโดยเสี่ยวเทียนเหยา “อย่ากังวล ให้หมอหลวงฉิน ตรวจเขาก่อน”

“หือ?” หลิน ชูจิ่ว มองไปที่หมอหลวงฉิน และมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา

       หมอหลวงฉิน เป็นคนของเสี่ยวเทียนเหยาด้วยหรือ?

       เมื่อหลิน ชูจิ่ว หันศีรษะและมองมาที่เขา เสี่ยวเทียนเหยา ก็เข้าใจสิ่งที่นางคิด ดังนั้นเขาจึงยื่นนิ้วออกไปและตีไปที่หน้าผากของหลิน ชูจิ่ว”เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? หมอหลวงฉินก็ยังคงเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ ”

“โอ้ แล้วเช่นนั้น … … ” ทำไมท่านถึงปล่อยให้เขาตรวจดูองค์ชายสามก่อน?

       หลิน ชูจิ่วไม่กล้าพูดออกคำพูดที่เหลือของเธอออกมา เพราะเสี่ยวเทียนเหยา มองเธอเหมือนเธอเป็นหมู โชคดีที่เขาไม่ได้ถามว่าทำไมเธอถึงโง่เหมือนหมู

       หลิน ชูจิ่วเพียงแค่ปิดปากเงียบ แล้วเสี่ยวเทียนเหยาก็หันไปมองไปที่ หมอหลวงฉิน จากนั้นเขาก็ถามอย่างแดกดันขึ้น “อะไร? เจ้าต้องการให้เปิ่นหวางขอร้องเจ้าก่อนหรือ … … ”

“ผู้ต่ำต้อยผู้นี้ไม่กล้า … ” หมอหลวงฉิน ระงับคำพูดของเขาและลดศีรษะของเขาลง

       ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่อาจารย์ของเขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า : ไม่มีศัตรูนิรันดร์ มีเพียงความเป้าหมายที่เป็นนิรันดร์

       เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะร่วมมือกับเสี่ยวเทียนเหยา  

       “ไม่กล้าหรือ เช่นนั้น เปิ่นหวางและหวางเฟยจะรออยู่ที่นี่ “เสี่ยวเทียนเหยา ที่พูดราวกับผู้เป็นอาพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ดึงหลิน ชูจิ่วไปนั่งข้าง ๆ

“ผู้ต่ำต้อยจะเชื่อฟัง” หมอหลวงฉินพูดและถอนหายใจขึ้น เขาไม่ได้ปฏิเสธคำสั่งของเสี่ยวเทียนเหยา เลย เพราะเขาไม่สามารถที่จะชดใช้ถ้าถูกเปิดเผยได้

       หมอหลวงฉินหยิบอ่างน้ำทองแดงขนาดใหญ่มาและรักษาพิษในร่างขององค์ชายสาม

       หลิน ชูจิ่ว ดูสับสนมาก แต่เธอรู้ดีว่าไม่ควรถามคำถามใด ๆ เธอกดความสงสัยลงไปในหัวใจของเธอและตัดสินใจที่จะถามเสี่ยวเทียนเหยา เมื่อพวกเขากลับไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่แล้วเท่านั้น

       เมื่อหมอหลวงฉิน กำลังรักษาองค์ชายสาม หลิน ชูจิ่ว และเสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ๆ เพื่อดู ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดที่พวกเขารู้ก็คือหลังจากเวลาครึ่งก้านธูป พวกเขาก็ได้ยินเสียงอาเจียน ช่วงเวลาต่อมาห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นมันแย่มาก ๆ ถึงแม้ว่าหลิน ชูจิ่วจะเป็นหมอ แต่เธอก็พบว่าเธอไม่สามารถทนได้ ดังนั้นจะนับอะไรกับเสี่ยวเทียนเหยา?

“เกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายสาม?” ทำไมสัญญาณเตือนของระบบการแพทย์จึงอ่อนแอลงเมื่อเสี่ยว จื่ออันอาเจียนออกมา?

“แมลงพิษ” หลังจากที่เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย เขาก็นั่งสบาย ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นที่เกิดขึ้น

       เมื่อเสี่ยว จื่ออัน อาเจียนเสร็จ หลิน ชูจิ่ว ก็เห็นหมอหลวงฉินถึงฉากกั้นมาปิดเตียงเอาไว้ ทำหลิน ชูจิ่วมองไม่เห็นอะไร

       น่ารำคาญจริงๆ!