หลิน ชูจิ่ว รออีกนาน หลังจากครึ่งชั่วโมง หมอหลวงฉินผู้ซึ่งกำลังเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอยู่ก็พูดขึ้น”พิษขององค์ชายสามได้รับการรักษาแล้ว ที่เหลือคงต้องรบกวนเสี่ยวหวางเฟยแล้ว“เขาไม่สามารถรักษาโรคเก่าขององค์ชายสามได้ แม้ว่า เสี่ยวหวางเย่จะตัดขาดเขา เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก

       เสี่ยวเทียนเหยาลูบไหล่ของหลิน ชูจิ่ว และพูดขึ้น “ไปดูเสี่ยว จื่ออันเถอะ หากเจ้าไม่สามารถทำได้ ก็ยังมีหมอหลวงฉินอยู่ “เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ยอมปล่อยให้หมอหลวงฉินไปง่ายๆ

       ในเวลานี้หลิน ชูจิ่ว ได้สังเกตุเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แต่เธอก็เพียงแค่ยิ้มให้หมอหลวงฉิน ก่อนจะหยิบกล่องยาของเธอ จากนั้นเธอก็เอาหูฟังของเธอออกมา … …

“นั่นคืออะไร?” หมอหลวงฉินเองก็เป็นหมอ แต่เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะสงสัย

“หูฟัง” หลิน ชูจิ่ว พูดขึ้นสั้น ๆ เกี่ยวกับหลักการและการใช้งาน เมื่อเธอเห็นหมอหลวงฉิน ดูเหมือนจะกระตือรือร้นที่จะลองทำมัน หลิน ชูจิ่วก็ถามขึ้น “ท่านอยากจะลองดูไหม?”

“ไม่ ไม่ … ” หมอหลวงฉินรีบปฏิเสธขึ้นทันที ทั้งสองคนมีตำแหน่งที่แตกต่างกัน ไม่ควรติดต่อใกล้ชิด

       หลิน ชูจิ่ว ไม่สนใจเรื่องการปฏิเสธของหมอหลวงฉิน เธอเพียง แต่จดจ่ออยู่กับการรักษาเสี่ยว จื่ออันเท่านั้น  

       การเต้นของหัวใจขององค์ชายสามช้า อุณหภูมิของเขาก็ต่ำกว่าคนปกติ ดูเหมือนว่าหนาอกของเขาจะมีความแน่นอยู่และมีโรคหอบหืดด้วยเล็กน้อย แต่ … … โดยรวมแล้วไม่มีปัญหากับร่างกายของเขา!

       หลิน ชูจิ่ว เกือบจะร้องไห้ด้วยผลนี้!

“เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าไม่สามารถวินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไรได้หรือ? “เสี่ยวเทียนเหยาเห็นหลิน มีสีหน้าไม่ค่อยจะดี ในขณะนั้นเขาก็รู้ว่าหลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถทำอะไรได้

       โชคดีที่หลิน ชูจิ่วไม่ได้มีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง มิฉะนั้น … …

       เขาจะสงสัยว่าหลิน ชูจิ่วเป็นปีศาจ

“องค์ชายสามไม่ได้ป่วย” หลิน ชูจิ่ว มองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา ด้วยความตกใจ

       หลิน ชูจิ่ว ไม่คิดว่าเธอดูผิด เพราะอย่างไรก็ตามมันก็เป็นผลมาจากระบบการแพทย์ ระบบทางการแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเสี่ยว จื่ออันไม่ได้ป่วย

“แต่ เขาก็เจ็บป่วยบ่อยๆ” เสี่ยวเทียนเหยาเน้นคำว่า “ป่วย” โดยเฉพาะ

       หลิน ชูจิ่ว พยักศีรษะในขณะที่คิดลึก ๆ จากนั้น จู่ๆเธอก็คาดเดาขึ้นอย่างกล้าหาญ”ร่างกายของเขาอยู่ภายใต้สิ่งที่ไม่เป็นที่รู้จัก หรือบางทีอาจจะมีบางอย่างที่ควบคุมสุขภาพร่างกายของเขา?”

“เจ้าฉลาด!” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ”ถ้าเจ้าสามารถคิดได้ไกลเช่นนี้ เจ้าก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าที่หมอที่แท้จริงๆแม้แต่น้อย”

“ท่านรู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร?” ดวงตาของหลิน ชูจิ่วสดใสขึ้น แต่แล้วเธอก็ส่ายหัวอีกครั้ง “ไม่ๆ ท่านน่าจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว”

“ฮืม … ” เสี่ยวเทียนเหยาส่งเสียงเย็นขึ้น ก่อนจะถามขึ้น “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเปิ่นหวางจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว?”

“แต่ ท่านรู้จริงๆใช่ไหม?” หลิน ชูจิ่ว ไม่รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา รู้จริงๆหรือว่าไม่อยากจะพูดกันแน่

“อืมม” มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นมันจะผิดปกติอะไรถ้าเขาจะรู้?

       เมื่อเห็นเสี่ยวเทียนเหยา รู้อะไรบางอย่าง หลิน ชูจิ่ว ก็เข้ามาถามเขาขึ้นทันที”หวางเย่ มีอะไรผิดปกติกับขาขององค์ชายสามหรือเจ้าค่ะ?”

“ทำไมเปิ่นหวางต้องบอกเจ้า?” เสี่ยวเทียนเหยา รู้สึกภาคภูมิใจ เขาไม่ได้มองไปที่หลิน ชูจิ่วด้วยซ้ำ

       หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้โกรธ เธอเดินไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้น”ท่านเข้าวังมาพร้อมกับข้า เพราะท่านรู้ว่าข้าไม่สามารถทำอะไรได้ตามลำพังใช่ไหมเจ้าค่ะ?”

“เปิ่นหวางกลัวว่าถ้าเจ้าเข้าวังมาเพียงลำพัง เจ้าจะโยนใบหน้าของเขาทิ้ง” ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดว่าเขาเป็นห่วงนางหรือ?

“ขอบคุณหวางเย่ สำหรับความห่วงใยของท่าน” หลิน ชูจิ่ว กล่าวขอบคุณเสี่ยวเทียนเหยา ก่อนจะพูดขึ้นอีก”หวางเย่ ท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะรักษาองค์ชายสามได้อย่างไร? การช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งที่ดีกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นนะเจ้าค่ะ”

“เมื่อเปิ่นหวางวางดาบ เปิ่นหวางก็ถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์” ดังนั้นทำไมเขาต้องสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น?

“หวางเย่ … … ” หลิน ชูจิ่วถึงกลับพูดไม่ออก เธอรู้สึกอับอายมาก เธอจะสื่อสารกับผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร?

“ท่านควรจะสงสารข้าและช่วยชีวิตของข้า” หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา ไม่สนใจเรื่องชีวิตของเสี่ยว จื่ออัน แม้แต่น้อย มิฉะนั้นแล้วทำไมเขาจะปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปีเช่นนี้?

“มั่นใจได้ แม้ว่า จื่ออันจะตาย แต่เจ้าจะไม่ตาย ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือกับเจ้า” ถ้าฮ่องเต้กล้าที่จะคว่ำวังเนื่องจากการเสียชีวิตของเสี่ยว จื่ออัน เขาก็กล้าที่จะฉีกหน้าเขาด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้มีปัญหาที่จะเห็นใบหน้าของฮ่องเต้กลายเป็นอะไรที่น่าเกลียดไปมากกว่านี้ … …