สาเหตุที่เซียวอวี๋ประหลาดใจก็เพราะได้เจอกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะพบได้ที่นี่ที่สุด นางเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและลึกซึ้งกับเขา แต่เขาและนางต่างก็แทบไม่เคยพูดคุยกัน
ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้กลับพบกัน โลกมันช่างกลมเสียจริง เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย สตรีนางนี้เป็นที่มีความสำคัญต่อเขามาก นั่นก็เพราะว่านางได้พรากครั้งแรกของเขาไป ใช่แล้ว นางคือหญิงสาวที่จับได้โดยบังเอิญตอนกวาดล้างพวกโจร นางคือ ‘เคราแดง’ ไฉนนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้? ไม่ใช่ว่านางอยู่ในจักรวรรดิเมฆาตะวันออกหรือ? เซียวอวี๋ประหลาดใจมาก ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกๆในอก อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีคนแรกที่ทำให้เขากลายเป็นบุรุษเต็มตัว เมื่อเคราแดงมองเห็นเซียวอวี๋ ใบหน้าของนางก็แดงฉานพานนึกไปถึงเหตุการณ์เก่าก่อนระหว่างพวกเขา ทว่าไม่นาน จากอับอายก็กลายเป็นโทสะ นางแทบอยากจะฉีกร่างเซียวอวี๋เป็นชิ้นๆเสียตรงนี้ ร่างแบบบางพลันพุ่งเข้าหาเซียวอวี๋ เคราแดงเป็นมือสังหาร ทั้งยังเป็นมือสังหารชั้นสูง ทว่าตอนนี้ช่องว่างระหว่างฝีมือของนางกับเซียวอวี๋หดสั้นจนใกล้เคียงกันแล้ว อย่างไรเสีย ครั้งสุดท้ายที่เผชิญหน้ากัน เซียวอวี๋ไม่อาจต้านทานนางได้แม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้เซียวอวี๋กลับมีฝีมือรุดหน้าจนบรรลุขั้นที่ห้า แม้จะยังไม่ใช่ระดับสุดยอด แต่เมื่อรวมกับทักษะประหลาดๆของเขาแล้ว แม้นางแต่นางก็ยังไม่แน่ใจว่าจะชนะได้ “เจ้าสารเลว! มอบชีวิตมา!” เห็นเซียวอวี๋พุ่งทะยานพร้อมกับสาวงามสองนางในอ้อมอกซึ่งเห็นชัดว่าพวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันแล้ว นางก็เข้าใจว่าเซียวอวี๋คงมาที่นี่เพื่อฉุดคร่าสตรี ตอนนี้ไม่เพียงมีมือสังหารขั้นที่หกเท่านั้น ยังมีเคราร่วมไล่ล่าเขาด้วย เซียวอวี๋รู้สึกอับจนปัญญา มือทั้งคู่ก็ไม่ว่าง ยังจะให้ไปสู้กับอีกฝ่ายหรือ? อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเข้าโจมตีใส่เคราแดง ฟุบ! เสียงของมีคมแหวกฝ่าอากาศมา เคราแดงก็ไม่กล้าประมาท ดังนั้นจึงหันไปปัดป้อง สายตาของนางจ้องมองไปยังผู้ลงมือที่อยู่ในชุดคลุมสีดำ บุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่น เป็นเมอีฟเอง เมอีฟทราบว่าสถานการณ์รีบร้อนคับขัน หลังจากยิงพลุสัญญาออกไปนอกเมือง นางก็รีบกลับมา พื้นที่แถบนี้เสียงดังที่สุด จึงเป็นเรื่องง่ายที่นางจะหาตัวเซียวอวี๋พบ “หืม?” เมื่อได้เห็นเมอีฟ เคราแดงก็ขมวดคิ้ว ด้วยสัญชาตญาณมือสังหารของนาง น่าจึงรับรู้ได้ถึงความน่าพรั่นพรึงของเมอีฟ บรรยากาศชวนขนหัวลุกแผ่กำจายออกมาจากร่างของเมอีฟ กลิ่นอายเช่นนี้ มีเพียงมือสังหารชั้นยอดเท่านั้นที่มีได้ เร้นกายอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีผู้ใดระแคะระคาย และสังหารเป้าหมายในอึดใจเดียว นี่ล่ะ คือบัญญัติแห่งมือสังหาร เคราแดงไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า นางเพียงจับตามองเมอีฟเขม็ง นางตระหนักได้ว่าหากเคลื่อนไหวผิดพลาดแม้เพียงคืบ นางคงไม่แคล้วดับดิ้นในพริบตา กระทั่งนักฆ่าขั้นที่หกผู้ลงมือต่อเซียวอวี๋ก็ยังสัมผัสได้ถึงอันตรายจากเมอีฟ โครม! ในเวลานั้นเอง บ้านหลังที่อยู่ใกล้กับเซียวอวี๋ก้พังทลายลง ขณะที่อิลิดันร่อนลงมาอยู่ข้างเซียวอวี๋ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ดาบคู่จันทร์เสี้ยวในมือพลันกวัดแกว่งฟาดฟันเข้าใส่นักฆ่าขั้นที่หก นักฆ่าผู้นั้นถูกบีบให้ถอยร่นไปหลายก้าว แม้อิลิดันจะเพียงอยู่ในขั้นที่ห้า ทว่าพละกำลังของเขาก็ทัดเทียมกับผู้ที่อยู่ขั้นที่หกบางส่วน โครม! เกิดเสียงดังขึ้นอีกครา บ้านอีกหลังถูกป่นเป็นเศษหิน เงาร่างหนึ่งพลันก้าวออกมา เป็นโล้นมหากาฬที่ไล่ตามอิลิดันเอง ใบหน้าของโล้นมหากาฬฉายแววโหดเหี้ยม การโจมตีของอิลดันได้ปลุกกระตุ้นความบ้าคลั่งในตัวของเขาขึ้นมา โลหิตในกายของโล้นมหากาฬกำลังเดือดพล่าน ย้ากกกกก! โล้นมหากาฬคำรามพลางระเบิดพลังจากภายใน กลิ่นอายที่ห่อหุ้มเขาส่งเสริมให้เขาดูราวกับเทพสังหาร “เซียวอวี๋ วันนี้เจ้าหนีไม่รอดหรอก!” มิรันด้าที่ติดตามตะโกนอย่างเดือดดาล “คิดว่าหยุดข้าได้หรือ? เหอะ ข้าจะคลายความเขลาของเจ้าให้ ตอนนี้กองทัพของข้ามาถึงนอกเมืองแล้ว ทางที่ดีเจ้าควรน้อมส่งข้าออกไป มิเช่นนั้นข้าจะนำทัพเข้าถล่มเมืองแห่งนี้ให้ราบ เจ้าเชื่อหรือไม่?” เซียวอวี๋ตาลงจ้องมองมิรันด้า มิรันด้าขบฟันแน่น “งั้นหรือ? เช่นนั้นก็ลองดู รอดูว่าข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆอย่างไร!” ในเวลานี้ เพื่อที่จะจัดการกับเซียวอวี๋ ทหารทั้งหมดจึงสวมใส่ยุทธภัณฑ์เวทและศรเวทมนตร์หลากหลายชนิด มิรันด้าทุ่มออกสุดตัว เขาจะปล่อยให้เซียวอวี๋หนีรอดไปได้ เซียวอวี๋ไม่ได้วิตกแม้จะอยู่ในสถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานเช่นนี้ เขาพลันหันหน้าไปกล่าวกับเคราแดง “นี่ ไฉนเจ้าจึงอยู่ที่นี่ได้? เจ้าคือเคราแดงแห่งจักรวรรดิเมฆาตะวันออกไม่ใช่หรือ? มายังจักรวรรดิแลนซ์แห่งนี้ หรือมีแผนก่อการร้ายใดอีก? ….เฺฮ้ย มิรันด้า! ดูเหมือนจะมีคนอยากได้หัวเจ้ามากกว่าข้าซะอีก ต่อให้ข้าไม่ฆ่าเจ้าวันนี้ เจ้าก็คงถูกปลิดปลงลงอยู่ดี” ได้ยินคำกล่าวของเซียวอวี๋ มิรันด้าก็หรี่ตาลง เขายกมือสั่งให้กองทหารหยุดนิ่ง มิรันด้าขมวดคิ้ว “คุณหนูหยินเค่อ ใยท่านจึงมาที่นี่?” เห็นได้ชัดว่ามิรันด้านั้นรู้จักกับเคราแดง ได้ยินเช่นนี้ ก็เดาออกว่าเคราแดงเป็นเพียงชื่อปลอม ชื่อจริงของนางคือ หยินเค่อ เซียวอวี๋สงสัยว่านั่นจะเป็นชื่อจริงหรือไม่ แม้จะร่วมรักด้วยกันแล้ว ทว่าเขากลับไม่ทราบแม้แต่ชื่อของนางเลย เมื่อเคราแดงเห็นมิรันด้า นางก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “องค์ชายมิรันด้า ข้ามาเพื่อจะพบกับท่านด้วยเรื่องธุรกิจ ไม่คาดว่าจะถูกชายผู้นี้ก่อกวนเสียได้ เขาเองก็เป็นศัตรูของข้าเช่นกัน จะดีกว่าหรือไม่หากพวกเราร่วมมือกันจับเขาและมอบตัวเขามาให้ข้า ข้าสามารถมอบทรัพย์สมบัติตอบแทนในระดับที่ท่านก็คิดไม่ถึง” “โฮ่? คุณหนูหยินเค่อ ท่านก็มาที่นี่ได้สักพักแล้ว หากท่านต้องการร่วมมือกับข้าจริงๆ ท่านก็สามารถบอกต่อข้าตั้งแต่ก่อนหน้า ใยจึงเพิ่งมากล่าวเอาตอนนี้?” มิรันด้าย่อมไม่โง่ สตรีนางนี้ทั้งลึกลับทั้งแปลกประหลาด อีกทั้งความสัมพันธ์ของนางกับเซียวอวี๋ดูก็รู้ว่าไม่ชอบมาพากล ดังนั้นเขาจึงตระหนักว่านางคงไม่เรียบง่ายดังที่แสดงออก “นั่นเพราะยังไม่มีโอกาสเหมาะ องค์ชายและข้าต่างก้มีความสนใจเดียวกัน พวกเราสามารถร่วมมือกันได้ ข้าให้สัญญาได้ว่าเมื่อท่านได้รับผลประโยชน์ก้อนนี้ ข้าก็สามารถหนุนส่งท่านขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแลนซ์” “เป็นความจริง?” มิรันด้าท่าทีนิ่งเฉย หากแต่แววตากลับเผยความปรารถนาออกมา มิรันด้าเป็นคนทะเยอทะยาน ทั้งยังทะเยอทะยานมากเสียด้วย เขาต้องการจะเป็นใหญ่ในโลกหล้า ดังนั้นเขาย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสใดๆที่จะทำให้เขามีอำนาจมากขึ้นหลุดลอยไป แม้จะต้องขี่หลังเสือก็ตาม มิรันด้าไม่ใช่แกะ หากแต่เป็นหมาป่าจอมตะกละ “ย่อมแน่นอน ไม่ช้าท่านจะทราบได้เอง ข้าจะไม่พูดมากความ แต่จะแสดงเบี้ยสำหรับต่อรองให้ท่านประจักษ์ แต่ตอนนี้ พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน คือบุรุษไร้ยางอายผู้นั้น” เคราแดงหันไปจ้องเซียวอวี๋อย่างโกรธเกรี้ยว เซียวอวี๋กลอกตามองบน “สองคนนี้คือภรรยาและแม่ยายของข้า เจ้าจะฆ่าสามีและพี่น้องของเจ้าหรือไร? อืม…เจ้ากับข้าก็เป็นสามีภรรยากัน หรือเรียกว่าคู่นอนคืนเดียวดี เหอเหอ เป็นสามีวันเดียวก็เท่ากับเป็นสามีชั่วชีวิต การปองร้ายต่อสามีนั้นผิดมหันต์ นี่ มิรันด้า! นางเป็นภรรยาที่คิดฆ่ากระทั่งสามี เจ้ายังจะไว้ใจนางได้หรือ?” เซียวอวี๋เชิดหน้าวางท่าอย่างสูงส่ง ที่ทำไปนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาให้กองทัพของเขามาถึง ประโยคนี้ทำให้เคราแดงที่โกรธเกรี้ยวอยู่หน้าแดงก่ำ “เจ้าคนไร้ยางอาย! เจ้ายังกล้าพูดถึงเรื่องนั้น….องค์ชายมิรันด้า อย่าได้ใส่ใจ ข้าถูกเจ้าคนชั่วนั่นทำให้แปดเปื้อน ดังนั้นข้าย่อมต้องการล้างแค้น” เคราแดงกล่าวพลางร่ำไห้ นางเสมือนบุปผางามที่ต้องฝน ช่างน่าเวทนาจับจิต ผู้คนที่ได้เห็นฉากนี้ต่างก็โกรธแค้นต่อเซียวอวี๋ “ผู้ใดทำเจ้าแปดเปื้อนกัน? ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่ข่มเหงรังแกข้าจนข้าต้องเสียความบริสุทธื์ไป เป็นเจ้าที่ขึ้นคร่อม ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย เรื่องนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!” เซียวอวี๋ตะโกนแย้ง “ข้าไม่สนเรื่องไร้สาระของเจ้า แต่เซียวอวี๋ นางพูดถูกแล้ว เจ้าจะต้องตายที่นี่!” มิรันด้าแค่นเสียงเมื่อตระหนักได้ว่าเซียวอวี๋กำลังถ่วงเวลา เขาส่งสัญญาณมือให้พลธนูระดมยิงทันที อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง เสียงบางอย่างแหวกฝ่าอากาศพลันดังขึ้น สายฟ้านับไม่ถ้วนพลันพุ่งลงจากฟ้าถล่มใส่เหล่าผู้ที่กำลังโอบล้อมเซียวอวี๋ กองกำลังอัศวินกริฟฟ่อนมาถึงแล้ว! เซียวอวี๋พลันยินดี เขารีบขว้างระเบิดที่เหลือในแหวนมิติไปยังตำแหน่งที่มิรันด้าอยู่ บึ้ม บึ้ม บึ้ม…… เสียงระเบิดดังขึ้นกึกก้อง แรงระเบิดได้ทำลายสถานที่ทั้งแถบจนราบคาบ เกิดฝุ่นควันขึ้นคละคลุ้ง คนทั้งหมดต่างก็ไม่อาจเห็นเหตุการณ์ด้านใน ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ไค่เอ๋อร์และมารดาพลันรู้สึกว่าร่างกายถูกโอบกอด รู้สึกตัวอีกที พวกนางก็กำลังอยู่บนหลังของสัตว์อสูรบินได้ ไค่เอ่อร์รีบกวาดตามอง และนางก็เห็นว่าเซียวอวี๋นั่งอยู่ห่างไปไม่ไกลพลางกำลังส่งยิ้มให้นาง ได้เห็นรอยยิ้มของเขา นางก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เมื่อมีเซียวอวี๋อยู่ข้างๆ นางรู้สึกปลอดภัยยิ่ง……