ส่วนที่ 4 ตอนที่ 227 กักตุนเพื่อรอทำกำไรสูง

ความลับแห่งจินเหลียน

ฉินเฮ่าและอวิ๋นเจียเห็นซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายมีสีหน้าสับสนเล็กน้อย ฉินเฮ่าจึงเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนว่า “จินเหลียน คุณจ่านคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกคุณที่นี่”

 

 

“คงไม่ใช่คิดไม่ถึงหรอกครับ” จ่านป๋ายยิ้มและประคองซีเหมินจินเหลียนให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้แข็งอีกฝั่ง จากนั้นก็ยิ้มอ่อนออกมา “ในเมื่อมาซื้อหินหยก แน่นอนว่าต้องเจอกันอยู่แล้ว”

 

 

“ดูแล้ว พวกคุณคงได้ของมาบ้างแล้วสินะคะ” อวิ๋นเจียยิ้มบางๆ ออกมา ท่าทางเคลื่อนไหวช่างดูงดงามสง่าผ่าเผย

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรซีเหมินจินเหลียนจึงมีความรู้สึกว่าท่าทางของอวิ๋นเจียนั้นช่างคล้ายกับอวิ๋นอวิ้น แต่นี่เป็นแค่ท่าทางที่คล้าย ส่วนคุณนายซูคนนั้น แม้ว่าจะหน้าตาสะสวย แต่ยังขาดสไตล์ของอวิ๋นอวิ้นที่เรียบง่ายสบายๆ แถมมีความผ่อนคลายในตัว

 

 

“คุณหลี่ พอจะมีเวลาคุยเรื่องราคาหรือเปล่าคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

“แน่นอนครับ แน่นอน!” เหล่าหลี่พยักหน้าติดๆ กัน ก่อนจะเรียกให้ลูกน้องสองคนคอยต้อนรับอวิ๋นเจียกับฉินเฮ่า

 

 

อวิ๋นเจียยิ้มและส่ายหน้าพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ หินหยกที่นี่มีตั้งเยอะ พวกเราเองก็อยากไปดูเหมือนกัน”

 

 

“ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณทั้งสองตามสบายนะครับ!” เหล่าหลี่ยิ้มออกมาและเรียกซีเหมินจินเหลียนพร้อมถามว่า “คุณซีเหมินถูกใจก้อนไหนเหรอครับ”

 

 

“ก้อนนี้ แล้วก็ก้อนนั้นค่ะ” ในขณะที่เธอพูดอยู่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนจนหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง หินหยกก้อนนั้นจ่านป๋ายบอกว่าเหมือนงู แต่เธอดูแล้วก็ยิ่งเหมือนอุจจาระมากกว่า

 

 

“เอ่อ…” เหล่าหลี่มองแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่จ่านป๋ายและปัดมือพูดว่า “คุณหลี่ คุณอย่าหัวเราะเลยค่ะ บางคนก็มีความชอบพิเศษส่วนตัว!”

 

 

เธอไม่พูดยังไม่เป็นไร แต่พอพูดออกมาแล้วเหล่าหลี่ก็หักห้ามใจตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาไม่ได้ เขาหัวเราะพลางเหล่ไปมองจ่านป๋ายและชูนิ้วโป้งชื่นชม “สายตาเฉียบ!”

 

 

“แน่นอนครับ สายตาของผมใช้ได้เสมอ” จ่านป๋ายพูดและมองซีเหมินจินเหลียนในเวลาเดียวกัน

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและถลึงตามองเขา ทำให้เหล่าหลี่หัวเราะออกมาไม่หยุด ทางด้านเจียหยวนฮวากับฉินเฮ่าก็เข้ามาดูว่าเป็นอะไรกัน เมื่อได้เห็นหินหยกรูปทรงประหลาดนั่นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเช่นกัน

 

 

“คิดไม่ถึงว่าพวกคุณจะชอบหินหยกทั้งสองก้อนนี้?” หลังจากที่หยุดหัวเราะลง เหล่าหลี่ก็ขมวดคิ้วพักใหญ่ จากนั้นพูดขึ้น “สองก้อนรวมกันผมคิดแสนสองครับ!”

 

 

 ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเต็มสองหู ลักษณะข้างในของหินหยกสองก้อนนี้ไม่เลวจริงๆ แม้จะไม่ถึงขั้นเนื้อน้ำแข็ง แต่ก็รองลงมาจากเนื้อน้ำแข็งถือว่าใช้ได้แล้ว เพียงแค่ลักษณะภายนอกดูไม่ดี อย่าพูดถึงเนื้อหยกเส้นลายหยกเลย แม้แต่สีสันของผิวยังเฉยๆ เดิมพันเต็มตัวด้วยหินหยกเกรดต่ำแบบนี้ เขายังเปิดราคาสูงถึงแสนสอง?

 

 

“คุณหลี่ นี่คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ?” จ่านป๋ายแค่นยิ้มออกมา “สินค้าสองก้อนนี้วางไว้ข้างถนนก็ยังไม่มีใครคิดที่จะเก็บเลย แต่คุณดันเปิดราคามาด้วยแสนสองงั้นหรือ อีกอย่างเมื่อสักครู่คุณยังบอกเองว่าหินทั้งสองก้อนนี้เป็นหินหยกเกรดต่ำ คุณก็อย่าขูดรีดกันเกินไปสิครับ?”

 

 

“เวลาเปลี่ยน สถานการณ์ก็เปลี่ยนสิครับ!” เหล่าหลี่หัวเราะแห้ง “ตอนนี้หินหยกทั้งสองก้อนนี้เพิ่มราคาเป็นเท่าตัว ผมสามารถบอกกับคนนอกได้ว่าหินหยกทั้งสองก้อนนี้เจ้าหญิงหยกสนใจ พวกคุณว่า…” เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย เขาก็เห็นแววตาอาฆาตจากจ่านป๋าย เช่นนั้นจึงปิดปากลงอย่างสงบ

 

 

“เหล่าหลี่ แกก็เป็นคนทำธุรกิจอย่างเที่ยงตรง อย่าเล่นแบบนี้สิ!” เจียหยวนฮวาสีหน้าเคร่งขรึมและส่ายศีรษะพูดขึ้น “พวกเราทำธุรกิจนะ แต่ไหนแต่ไรก็ยึดมั่นความซื่อสัตย์มาโดยตลอด แกเล่นแบบนี้ภายหน้าจะมีใครแนะนำธุรกิจให้แกอีก?”

 

 

“เอาล่ะๆ ฉันไม่ล้อเล่นแล้ว!” เหล่าหลี่ก็รู้ว่าตัวเองหยอกล้อพอสมควร พูดกล้ำกลืนไปว่า “ราคาเดียว หากพวกคุณอยากได้จริงๆ จ่ายผมมาห้าหมื่นหยวนแล้วเอาไปเลย!”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดเล็กน้อย ราคานี้ก็ยังถือว่าเกินจริงอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเขาพูดแบบนั้น เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก ส่วนจ่านป๋ายก็ไม่สนใจ เขาได้แต่ส่ายหน้าพูดว่า “สามหมื่นหยวน!”

 

 

“สามหมื่นหยวนน้อยเกินไป เพิ่มให้ผมสักหน่อยเถอะ” เหล่าหลี่หัวเราะเหอะๆ ออกมา สามหมื่นหยวนเขาก็ไม่มีทางขาดทุนอยู่แล้ว แต่การซื้อขายก็เป็นอย่างนี้กันหมดไม่ใช่หรือ? ใครกินเงินได้เยอะหน่อยแล้วจะยอมปล่อยกำไรให้หายไปต่อหน้ากัน?

 

 

“สามหมื่นหนึ่งหยวนเป็นไงครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกับเจียหยวนฮวา แม้กระทั่งฉินเฮ่าเองก็พากันหัวเราะออกมาไม่หยุด เขาคิดได้อย่างไรกันเนี่ย

 

 

“คุณจ่าน…” เหล่าหลี่ยิ้มฝืน “ถ้าต้องการจริงๆ ก็ให้ราคาที่สมเหตุสมผลมาเถอะครับ”

 

 

จ่านป๋ายไม่ได้สนใจเขา ใครใช้ให้เขาข่มขู่ซีเหมินจินเหลียนแบบนั้นล่ะ? ตอนนั้นเขาเลยรีบเดินไปที่ชั้นวางเหล็กข้างหน้าและชี้ไปทางหินก้อนเต้าหู้นั้น “คุณหลี่ หินก้อนเต้าหู้นี้ราคาเท่าไหร่ครับ”

 

 

เหล่าหลี่สับสนอย่างเห็นได้ชัด หินหยกที่ถูกตัดเป็นก้อนเต้าหู้ก้อนนี้ แม้แต่ผิวยังไม่มี คิดไม่ถึงว่าเขาก็อยากได้ด้วย? เพราะผิวของหินหยกก้อนนี้ดูใช้ได้ เขาเลยเปิดช่องหน้าต่างเตรียมขายต่อ ผลสุดท้ายใครจะไปรู้ตัดออกมาเป็นแค่หินสีขาว เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยตัดมันเป็นก้อนเต้าหู้ แต่ผลที่ได้มันก็ยังไม่เผยสีเขียว เหลือก็แต่จะลงมีดจากตรงกลางเท่านั้น

 

 

แต่ในเมื่อจ่านป๋ายถามถึงราคา เขาจะไม่เปิดราคาก็ไม่ได้ เงียบอยู่นานจึงพูดขึ้น “สองแสนครับ”

 

 

“ยุคนี้แม้แต่ก้อนเต้าหู้ยังกินไม่ได้เลย” จ่านป๋ายส่ายหน้า

 

 

ในระหว่างที่เขาพูดประโยคนี้นั้น คนอื่นๆ ที่ได้ยินก็พากันหัวเราะ จากนั้นจ่านป๋ายเบี่ยงประเด็นชี้ไปทางหินหยกทั้งสามก้อนแล้วพูดขึ้นว่า “สามก้อนรวมกัน ราคาสองแสน ผมเอาเลย!”

 

 

“เอ่อ…” เหล่าหลี่คิดดูแล้ว สามก้อนรวมกันราคาสองแสน ก็ถือว่าเขาทำกำไรได้มากพอแล้ว แต่งานประมูลเดิมพันหินในคืนนี้เป็นตัวละครหลักต่างหาก ถ้าเอาราคาจากพวกเขาสูง เขาคงไม่กล้าทุ่มเงินไปกับหินหยกด้านนอกที่ไม่มีใครเอา ตอนนั้นเลยพยักหน้าพูดขึ้นว่า “เห็นแก่หน้าของเจียหยวนฮวา สองแสนก็สองแสน!” พูดจบใบหน้าของเขาราวกับเจ็บปวด

 

 

จ่านป๋ายยิ้มแย้ม ซีเหมินจินเหลียนก็ยิ้มบางเบา แซ่หลี่คนนี้ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจเป็น ยังถ่ายทอดความรู้สึกส่งไปให้เจียหยวนฮวาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย?

 

 

ซีเหมินจินเหลียนหยิบเช็คเงินสดและเขียนราคาไปสองแสนส่งไปให้คุณหลี่ “เรียบร้อยค่ะ”

 

 

“คุณซีเหมินต้องการที่จะเจียรหินไหมครับ ที่ผมมีเครื่องผ่าใช้ได้ตามสบาย” เหล่าหลี่พูด

 

 

“ไม่เป็นไรครับ พวกเราค่อยขนกลับไปเจียรเองดีกว่า!” จ่านป๋ายพูด

 

 

“อย่างนั้นก็ดีครับ ผมจะให้คนย้ายมาไว้อีกฝั่งเพื่อแยกสัดส่วน หลีกเลี่ยงคนอื่นเข้าใจผิด” เหล่าหลี่รีบพูด พูดจบก็เรียกให้ลูกน้องทั้งสองนำหินหยกทั้งสามก้อนมาวางไว้ในพื้นที่ที่แยกไว้

 

 

“คุณหลี่ คุณก็บอกว่ามีหินหยกสองก้อนที่ดีมากไม่ใช่เหรอ พวกเราขอดูได้ไหมคะ?” อวิ๋นเจียยิ้ม

 

 

“ใช่ครับๆ!” เหล่าหลี่รีบพูดขึ้น “หินหยกสองก้อนนี้ เป็นหินหยกที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในรอบหลาบปี เพราะไม่ได้ทำอะไรกับมัน พูดตามตรงแล้ว ถ้าไม่ใช่คนรู้จักผมไม่ยอมเอาออกมาให้คนสัมผัสหรอกครับ! ในเมื่อพวกคุณอยู่ทั้งคู่  ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูด้วยกันทั้งหมดนี่เป็นอย่างไรครับ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนฟังออกว่าประโยคสุดท้ายนั้นเขาก็แค่พูดผ่านๆ ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ มีสินค้าชั้นดีจริง แต่เก็บไว้ไม่ให้พวกเขาดู ส่วนอวิ๋นเจียคงต้องมีเส้นสายวงในของอวิ๋นอวิ้น เหล่าหลี่ถึงได้ยอมให้เธอสัมผัส

 

 

เจียหยวนฮวาลำบากใจ จะเดินตามไปหรือไม่ไปดี? เห็นได้ชัดว่าในสายตาของเหล่าหลี่ พวกเขาคงมีคุณสมบัติไม่พอจะดูสินค้าชั้นดี

 

 

แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับไม่ได้พูดอะไร เธอเดินตามไปเฉยๆ ในเมื่อมีสินค้าดี ทำไมจะไม่ดูล่ะ? หน้าด้านเข้าหน่อย ดูสินค้ามากขึ้นหน่อย หาเงินมากหน่อย ใช้ชีวิตแต่ละวันยิ่งมีสีสันมากขึ้น!

 

 

เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายเดินตามไป เจียหยวนฮวาเลยรีบตามไปติดๆ เหล่าหลี่เรียกให้ลูกน้องทั้งสองคนมาช่วยดูโกดัง ส่วนตนนำทางพวกเขาไปทางข้างๆ

 

 

ข้างๆ มีโกดังเล็กๆ ไม่ใหญ่มากเช่นเดียวกัน เหล่าหลี่หยิบกุญแจและเปิดประตู จากนั้นเปิดไฟให้สว่าง ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายสบตากัน โกดังนี้มีทางเข้าแค่ทางเดียว ไม่มีหน้าต่างและทำจากปูนซีเมนต์ แข็งแรงทนทาน ไหนจะระบบป้องกันกันขโมยที่ครบวงจร

 

 

ข้างในมีหินหยกสองก้อนวางไว้ ไหนจะหินหยกก้อนเล็กที่เปิดช่องหน้าต่างอีก เมื่อมองไปหินหยกที่เปิดช่องหน้าต่างทั้งหมดเป็นเนื้อแก้ว ในนั้นมีช่องหน้าต่างที่เปิดมาเป็นสีเขียวสด

 

 

 สายตาของซีเหมินจินเหลียนไม่ระวางไปไหน ยังคงอยู่ที่หินหยกก้อนใหญ่ทั้งสองก้อน ขนาดใหญ่ไม่ได้เล็ก อย่างน้อยน่าจะหนักสักห้าร้อยกิโลกรัมขึ้นไป ก้อนหนึ่งเป็นสีดำอีกา น่าจะมาจากหมาเหมิง ส่วนอีกก้อนผิวสีเทาขาวน่าจะมาจากพะกัน อย่างไรความสามารถในการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดของเธอก็ไม่ค่อยแม่นยำสักเท่าไหร่

 

 

“ทั้งสองท่านเชิญดูตามสบายครับ” เหล่าหลี่ยิ้มแหะๆ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่พูดไม่จา เธอมองไปที่หินหยกผิวสีเทาเขา จุดหยกเห็นได้ชัด และเหมือนจะล้อมรอบไปทั่วทั้งหินหยก ผิวลื่นละเอียด ไม่น่าล่ะที่เหล่าหลี่เก็บไว้และรอให้ผู้ซื้อที่รู้จักปรากฏตัวถึงให้สัมผัสได้ ความจริงก็คือกักตุนเพื่อรอทำกำไรสูงนี่เอง

 

 

อีกก้อนเป็นสีดำอีกา พื้นผิวก็ราบเรียบ จุดหยกเห็นได้ชัด แต่แบ่งจุดกระจายไม่สม่ำเสมอ แต่ไม่ได้มาก ซีเหมินจินเหลียนยื่นมือไปแตะ สัมผัสที่ราบเนียน ถ้ามีสีน่าจะเป็นเนื้อแก้วแน่

 

 

เจียหยวนฮวาสนใจหินหยกที่เปิดช่องหน้าต่างอย่างเห็นได้ชัด เขาดูทีละก้อนอย่างตั้งใจ

 

 

อวิ๋นเจียมองไปทางซีเหมินจินเหลียนอยู่นานและพูดขึ้น “คุณซีเหมิน พวกเราสลับดูกันคนละก้อนเป็นยังไงคะ?”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอยู่นานแต่ก็ยิ้มขึ้นทันใด “โอเคค่ะ เชิญคุณหนูอวิ๋นก่อนเถอะ”

 

 

ไม่ผิดจากที่เธอคาดคิด อวิ๋นเจียสนใจหินหยกผิวสีเทาขาวก้อนนั้น เธอหยิบไฟฉายมาจากมือของฉินเฮ่าและส่องไปที่ผิวเพื่อสำรวจอย่างละเอียด

 

 

 ก้อนนั้นซีเหมินจินเหลียนเพิ่งกวาดสายตาดู มองผ่านผิวยังสามารถแอบเห็นแสงสีเขียวที่อยู่ข้างในส่องผ่านออกมาได้ สีข้างในเป็นสีเขียวสดบริสุทธิ์ ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นเนื้อแก้ว แน่นอนสีเขียวสดเนื้อแก้วก้อนใหญ่ขนาดนี้ ราคาคงประเมินค่าไม่ได้เลย

 

 

ส่วนหินผิวสีดำอีกานั่น ลักษณะข้างนอกก็ดูดีเช่นกัน แต่เพราะว่าผิวของมันเข้มเกินไป เมื่อดูเลยไม่มีทางรู้ว่าข้างในเป็นสีอะไร

 

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ยากสำหรับซีเหมินจินเหลียน จ่านป๋ายส่งไฟฉายให้เธอจากข้างๆ และขยิบตาใส่ ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและหยิบแว่นขยายแกล้งทำเป็นส่องดู…

 

 

อย่างไรดูสินค้าต่อหน้าคนอื่นก็ต้องสร้างสถานการณ์ที่จำเป็นนี้ขึ้นมาสักหน่อย