ส่วนที่ 4 ตอนที่ 228 น้ำเงินเปล่งประกายงดงาม

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนถือไฟฉายไว้ในมือ แสงของไฟฉายไม่สามารถทำให้มองเห็นเนื้อแท้ของหินหยกมากเท่าที่ควร ส่งผลให้เธออาศัยดวงตาเปล่าๆ สำรวจดูสีและชนิดของเนื้อหยกข้างในแค่ผิวเผิน

 

 

แม้จ่านป๋ายจะไม่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนมีวิธีตัดสินหินหยกก้อนหนึ่งว่าดีหรือร้าย หรือว่าเป็นชนิดไหนอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ก็คือซีเหมินจินเหลียนไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยพวกนี้ในการดูหินหยก แว่นขยายใหญ่ขนาดนั้น ไฟฉายนั่น…เธอก็แค่ใช้อำพรางหูตาที่เพ่งเล็งอยู่ก็เท่านั้น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมาเบาๆ มือหนึ่งถือไฟฉาย ส่วนอีกมือแตะลงบนหิน

 

 

ผิวสีดำอีกาค่อยๆ เลือนหายไป ผิวด้านนอกของหินหยกดีขนาดนี้ ไม่มีทางที่ข้างในจะไม่มีสีอะไรเลย ไม่อย่างนั้นคนเดิมพันหินทั้งหมดคงได้กระโดดตึกตายกันหมดแน่

 

 

เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผิวสีดำอีกาจางหายไป ก็เป็นภาพของสีฟ้าน้ำทะเลอยู่ในดวงตาลุ่มลึก ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตกใจมาก หยกสีน้ำเงิน…ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็น ที่บ้านก็มีตั้งหลายก้อน ไม่ว่าจะเป็นสีหรือชนิดของเนื้อหยกต่างก็ระดับดีทั้งนั้น

 

 

เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่ได้ดีใจออกนอกหน้า หยกสีน้ำเงินก้อนนี้ใช้ได้เลย เป็นสีของท้องฟ้า มองแล้วเหมือนฟ้าหลังฝน น้ำเงินบริสุทธิ์จนโปร่งใส เพียงแต่ความบริสุทธิ์ของสีน้ำเงินนี้มันซ้ำซากไปหน่อย

 

 

เหมือนกับคนที่ท่องอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน ทั้งวันได้แต่มองสีของท้องฟ้า เมื่อเห็นเป็นสีน้ำเงินอยู่ทุกวัน ก็ทำให้รู้สึกภาพเดิมๆ เพราะขาดความเปลี่ยนแปลง

 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดได้เท่านี้ก็ได้แต่ยิ้ม นี่ความต้องการของตัวเองเพิ่มสูงขึ้นหรือเปล่านะ? หยกสีน้ำเงินชนิดเนื้อแก้ว หากอยู่ในสายตาคนนอกมันก็คือหยกชั้นดี ที่ไม่ต้องหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบแล้ว แต่สำหรับเธอติดก็แต่สีซ้ำซากเดิมๆ

 

 

เป็นอย่างที่คิดไว้ คนโบราณว่าไว้…ความโลภในจิตใจมนุษย์เหมือนดั่งงูเขมือบช้าง!

 

 

คิดได้อย่างนี้เธอก็สงบจิตสงบใจดูต่อไป สีน้ำเงิน…สีของโลก สะอาดและสงบสุข สดใสสว่างไสว แม้ไม่เหมือนกับสีเขียวที่หรูหราสง่างาม ไม่เหมือนกับสีแดงไฟที่ร้อนแรงสะกดสายตา แต่ชนะตรงที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความงดงามสงบสุขอย่างไร้ที่ติ

 

 

นี่แหละเป็นสีของธรรมชาติ! ซีเหมินจินเหลียนพึมพำอยู่ในใจ

 

 

 ไม่ใช่สิ นี่เป็นอะไรกันแน่? ในระหว่างที่เธอครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีแสงอ่อนๆ ไม่ทำร้ายดวงตาเหมือนลอยมาปกคลุม ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดผิด แสงสว่างนี้เหมือนกับกำลังปกคลุมพื้นดินทั้งหมด สมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่ติ

 

 

นี่คือแสงอะไรกัน? ซีเหมินจินเหลียนเริ่มใช้เรดาร์ค้นหาคลังคำศัพท์ของตัวเองเพื่อที่จะมาบรรยายแสงนี้?

 

 

แสงเงินแสงทองบนท้องฟ้ายามอาทิตย์ขึ้นหรือตก!

 

 

ในระหว่างนั้น คำคำนี้ก็เป็นดั่งสายฟ้าที่ฟาดเข้าในใจเธอ ใช่! นี่คือแสงเงินแสงทองบนท้องฟ้า มีแค่แสงแรกแย้มยามรุ่งอรุณเท่านั้นถึงสดใสได้ขนาดนี้ และก็มีแค่แสงของพระอาทิตย์ตกยามเย็นถึงทำให้คนตราตรึงใจ สีสันที่สดใสปกคลุมไปทั่วทุกที่ ไม่ได้ดูชั่วร้ายอะไร

 

 

สิ่งที่ซีเหมินจินเหลียนสนใจอยู่ก็คือสิ่งที่ปกคลุมอยู่ตรงกลางของหินก้อนนั้น รอบๆ เป็นสีน้ำเงินบริสุทธิ์ หยกตรงกลางตำแหน่งเดียวนั้นมีสีน้ำเงินเปล่งประกายส่องแสงสว่างเจิดจ้า!

 

 

ในขณะนั้นซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกสับสน จนถึงขั้นไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผิวสีดำอีกาก้อนนี้ที่มีหยกสีน้ำเงินรอบๆ นั่นคือสีฟ้าน้ำทะเลจริงๆ หรือ? หรือตรงกลางที่มีสีน้ำเงินเปล่งประกายจะมีขนาดใหญ่แค่กำปั้น ทำให้เกิดการสะท้อนแสงตามมา? ความจริงรอบๆ ก็คือหยกไร้สีชนิดเนื้อแก้ว?

 

 

ซีเหมินจินเหลียนสติเหม่อลอย แสงนี้…จะใช่แสงชนิดหนึ่งที่อยู่ในแสงรุ้งเจ็ดสีตามที่ลุงงูบอกไว้หรือเปล่า? อืม? จู่ๆ เธอก็สมองทึบ แสงรุ้งเจ็ดสีที่ลุงงูบอกหมายถึงอยู่บนหยก และมีแสงสว่างเจ็ดสีในคราเดียวกัน หรือว่าต้องเก็บสะสมหยกที่มีแสงเจ็ดสีนี้มาเจ็ดก้อนก็พอแล้ว?

 

 

คิดได้เท่านี้เธอก็ถอนหายใจออกมา หยกแบบนี้ไม่ใช่อยากเจอก็ได้เจอ อย่าพูดถึงแสงรุ้งเลย แม้อยากจะเก็บรวบรวมทีละก้อน จะใช้เวลากี่ปีกี่เดือนเธอถึงจะรวบรวมหยกแสงสีรุ้งนี้ได้? ถึงเธอจะมีความสามารถในการมองทะลุผ่านแล้วมันจะแตกต่างอย่างไร?

 

 

ใช้สายตาสำรวจไปยังบริเวณตรงกลางที่มีสีน้ำเงินเปล่งประกายของผิวสีดำอีกาก้อนนั้น เป็นแสงจากฟ้าแน่ เพียงแต่แยกไม่ออกว่าแหล่งกำเนิดแสงมาจากที่ไหน นี่ไม่เหมือนกับแหล่งกำเนิดแสงเย็นของหยกประกายดาว ประกายดาวเป็นแหล่งกำเนิดแสงระยิบระยับ แต่แหล่งกำเนิดนี้ถ้าเทียบกันแล้วมีความอบอุ่นกว่ามาก

 

 

เหมือนกับเมฆเจ็ดสี?

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเก็บมือกลับมาและเงยหน้าขึ้นมอง อวิ๋นเจียรวบรวมสติสำรวจผิวหินสีเทาขาวก้อนนั้น ในขณะเดียวกันก็ใช้ไฟฉายกับแว่นขยายส่องไปทั่วหิน จากนั้นก็วางลง ส่วนจ่านป๋ายกับฉินเฮ่าทั้งสองคนต่างนั่งยองๆ อยู่ในมุมมุมหนึ่ง ไม่พูดจาอะไร

 

 

ทางด้านเจียหยวนฮวานั้น เขาสนใจหินหยกที่เปิดช่องหน้าต่างอยู่ และกำลังต่อรองราคากับเหล่าหลี่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

สำหรับแสงสีน้ำเงินเปล่งประกายนี้ ในใจของซีเหมินจินเหลียนอยากเก็บไว้มาครอบครอง เวลานี้อวิ๋นเจียดูหินหยกผิวสีเทาขาวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจับหินหยกเพื่อประคองตัวลุกขึ้นมา มองซีเหมินจินเหลียนและพูดว่า “พี่ซีเหมิน พวกเราเปลี่ยนกันดูไหมคะ?”

 

 

“ได้สิ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด

 

 

“พี่ก็ดูเร็วจริงๆ นะคะ” อวิ๋นเจียยิ้มแห้ง

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เธอเดินตรงไปยังหินหยกสีเทาขาว ยื่นมือไปแตะพื้นผิวเม็ดทรายละเอียดกว่าที่เธอคิดไว้มาก หยิบไฟฉายขึ้นมาส่องตรงเปลือกผิวที่บางอ่อนก็สามารถเห็นสีเขียวอ่อนๆ ส่องผ่านมาจากข้างใน

 

 

เป็นสีเขียวสดไม่ผิด แต่ปัญหาก็คือสีเขียวนี้ลึกแค่ไหน? เป็นสีเขียวติดเปลือกหรือเปล่า?

 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดพลาง ในขณะนั้นก็ยื่นมือไปแตะด้านบน ผิวสีเทาขาวค่อยๆ เลือนหายไปในดวงตาข้างใน สีเขียวมรกตค่อยๆ ลอยเข้ามาในตาของเธอ

 

 

ไม่เหมือนกับสีน้ำเงินบริสุทธิ์เมื่อสักครู่ หยกสีเขียวมรกตนี้ช่างสดใสมีชีวิตชีวา

 

 

แม้แต่ซีเหมินจินเหลียนยังรู้สึกแปลกใจ หินหยกก้อนนี้ นอกจากผิวแล้ว ข้างในยังมีสีเขียวสดเนื้อแก้วบริสุทธิ์อยู่ ยิ่งทำให้ดวงตาของเธอโตเท่าไข่ห่าน…ส่วนที่เผยสีเขียวของหินหยกก้อนนี้มีแค่หนึ่งเซนติเมตร

 

 

หากขาดศีลธรรมและนำผิวทั้งหมดไปเจียรให้หมด จากนั้นตั้งตระหง่านท่ามกลางสายตาผู้คน มันก็แค่หินหยกเนื้อแก้วบริสุทธิ์สีเขียวสดขนาดใหญ่เท่านั้น แต่…นี่เป็นของมีค่าที่ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง!

 

 

ขอแค่ลงมีดตัดจากตรงกลาง ความหนาประมาณหนึ่งเซนติเมตร มันก็เป็นแค่หินสีขาวน่าอนาถใจแก่ผู้พบเห็น!

 

 

ซีเหมินจินเหลียนดูเสร็จ จู่ๆ ก็อยากจะหัวเราะออกมา เมื่อลองทบทวนถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรสร้างมา…ไม่สิๆๆ หากการก่อตัวของเหมืองหยกเป็นเพราะหินปิดฟ้าของเทพธิดาหนี่วา ถ้าอย่างนั้นเธอต้องคำนึงถึงความมหัศจรรย์ที่เทพธิดาหนี่วาสร้างขึ้นมา

 

 

หินหยกก้อนนี้ถ้าตกอยู่ในมือของเธอ เธอคงไม่ลังเลที่จะเจียรหินออกทั้งหมดจากนั้นก็ขายทอดตลาดสักร้อยกว่าล้านคงไม่น่ามีปัญหา

 

 

แน่นอนกับดักหลอกกินเงินนี้ หากกลับไปตัดหินหยกเพื่อทำเป็นเครื่องประดับหรือของตกแต่ง เกรงว่าถ้าตัดลงไปคงได้ยิ้มไม่ออกแน่

 

 

เมื่อชักมือกลับมาซีเหมินจินเหลียนก็ถอยหลังไปหลายก้าวและถือโอกาสมองหินหยกที่ตัดแล้วหลายก้อนนั้น ในนั้นมีอยู่สองสามก้อนที่ช่องตัดไม่เลวเลย แต่เมื่อเธอลองสำรวจดูอย่างละเอียดแล้ว มันก็ไม่เหมือนใจที่ปรารถนาจึงได้แต่ยอมถดถอย

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง คุณหนูคนสวยทั้งสองคนดูเสร็จแล้วใช่ไหมครับ?” เหล่าหลี่ถาม

 

 

“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าหงึกหงัก แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา เพราะเป้าหมายของเหล่าหลี่ก็แค่ให้อวิ๋นเจียดูสินค้า เธอก็แค่ก้อนติ่งที่ติดตามมาด้วย เพราะแบบนี้อวิ๋นเจียถึงมีสิทธิ์ที่จะเลือก

 

 

เหล่าหลี่เข้าใจได้ในทันทีจึงรีบถามอวิ๋นเจียว่า “คุณอวิ๋น คุณชอบก้อนไหนครับ”

 

 

“คุณหลี่ หินหยกทั้งสองก้อนของคุณไม่เลวเลยจริงๆ จะให้ฉันตัดสินใจได้ยังไงกันคะ” อวิ๋นเจียยิ้ม

 

 

“ไม่ใช่ว่าคุณอวิ๋นอยากได้ทั้งหมดหรอกนะครับ?” เหล่าหลี่ยิ้มแห้ง

 

 

ในใจของซีเหมินจินเหลียนอดที่จะสั่นไหวไม่ได้ หากอวิ๋นเจียยอมทุ่มเงินหนักเพื่อซื้อหินหยกทั้งสองก้อนกลับไป แล้วเธอจะทำยังไง?

 

 

หยกสีน้ำเงินน้ำทะเลเปล่งประกายขนาดนั้น หากตกไปอยู่ในมือของตระกูลอวิ๋นแล้ว ชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้พบเจออีกแล้ว

 

 

“ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ เพียงแต่กำลังไม่พอ” อวิ๋นเจียยิ้ม ระหว่างที่เธอพูดก็มองไปยังหินหยกทั้งสองก้อนอย่างไม่คลาดสายตา

 

 

ซีเหมินจินเหลียนคอยจดจ่อไปตามสายตาของเธอ จังหวะหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่หยุด ในใจก่นด่าประโยคหนึ่ง เหล่าหลี่ที่สมควรตายนี่ ถ้ามีโอกาสแล้วไม่ฆ่าเขาตายคงจะแปลกแล้ว ให้เธอมาดูสินค้าแต่กลับไม่ได้ให้สิทธิ์เธอในการซื้อ แถมยังต้องรอให้คนอื่นดูให้หมดก่อนถึงได้เวียนมาถึงตาเธอ?

 

 

“ผิวสีดำอีกาก้อนนี้ใช้ได้เลยจริงๆ” อวิ๋นเจียขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำออกมา

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกระวนกระวายใจ ถ้าอวิ๋นเจียเลือกผิวสีดำอีกาก้อนนั้น ถ้าอย่างนั้นแสงสีน้ำเงินเปล่งประกายนี้คงได้หายไปต่อหน้าต่อตาเธอแน่ๆ…แม้จะไม่รู้ว่าแสงสีรุ้งเจ็ดสีที่ลุงงูบอกจะอยู่บนหินหยกก้อนเดียวกันและมีแสงเจ็ดสีอยู่ในนั้น หรือว่าแยกกันหาแล้วค่อยมารวบรวม สุดท้ายไม่ว่าอย่างไร วันนี้ถ้าแสงสีน้ำเงินเปล่งประกายจากไป เธอต้องทนไม่ไหวแน่

 

 

แม้เธอจะซื้อหินหยกสีเทาขาวก้อนนั้นและเจียระไนหินต่อหน้าผู้คนเสียตอนนี้ ภายในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถกอบโกยกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ…

 

 

ซีเหมินจินเหลียนสัมผัสได้ว่าสายตาของอวิ๋นเจียกำลังมองมาทางเธอ เลยรีบยิ้มเบาๆ ให้ เวลานี้เธอจะกังวลใจไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!

 

 

“แต่ฉันชอบก้อนนี้มากกว่าค่ะ!” อวิ๋นเจียมองไปทางซีเหมินจินเหลียนและหันตัวยืนอยู่ตรงหน้าหินหยกผิวสีเทาขาวก้อนนั้นยิ้มและพูดขึ้น “คุณหลี่คะ ฉันตัดสินใจซื้อก้อนนี้ค่ะ”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย พร้อมหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ขอบคุณฟ้าดิน อวิ๋นเจียไม่ได้เลือกผิวสีดำอีกาก้อนนั้น…

 

 

แต่ถึงอย่างนี้เธอก็รู้สึกกลุ้มใจ อวิ๋นเจียกับอวิ๋นอวิ้นอาศัยอะไรในการเดิมพันหินกัน? เห็นได้ชัดพวกเขาคงไม่ได้มีความสามารถในการมองทะลุผ่านเหมือนเธอ ไม่อย่างนั้นอวิ๋นเจียคงจะไม่เลือกหินหยกสีเทาขาวก้อนนั้น เธอต้องเลือกผิวสีดำอีกาก้อนนั้นต่างหาก

 

 

“โอ้ ก้อนนี้เหรอครับ?” เหล่าหลี่ตั้งใจนิ่งอยู่นานพร้อมพูดขึ้น “ห้าสิบล้านครับ”

 

 

ราคานี้ไม่ใช่มีแค่อวิ๋นเจียกับฉินเฮ่าเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋าย รวมถึงเจียหยวนฮวาเองก็รู้สึกสะดุ้งตกใจเช่นเดียวกัน หินหยกก้อนนี้ลักษณะใช้ได้เลย แต่ปัญหาก็คือราคาของมันก็ออกจะเกินจริงไปหน่อย

 

 

อวิ๋นเจียมองไปทางฉินเฮ่าเป็นนัยบอกให้เขาเจรจาต่อรองราคา แต่ฉินเฮ่ากลับเดินไปตรงหน้าหินหยกผิวสีดำอีกาและถามขึ้น “แล้วก้อนนี้ล่ะครับ?”

 

 

ในตอนนั้นเองซีเหมินจินเหลียนก็กัดฟันแน่น เธอเกือบจะวิ่งไปห้องครัวของบ้านเหล่าหลี่และหยิบมีดมาฆ่าคนแล้ว!