ส่วนที่ 4 ตอนที่ 230 เรื่องสำคัญ

ความลับแห่งจินเหลียน

ในเมื่อเป็นของที่ถูกตาต้องใจอยู่แล้ว ซีเหมินจินเหลียนจึงจ่ายเงินไปอย่างโล่งอกด้วยเช็คเงินสดจำนวนสามสิบหกล้าน โดยที่เธอไม่มีเวลาลังเลใจเลยสักนิด เมื่อเขียนเช็คเสร็จก็รีบยื่นออกไป เพราะอย่างนั้นเหล่าหลี่จึงยิ้มหน้าบานไม่หุบ ส่วนใบหน้าของอวิ๋นเจียนั้นกลับไม่เป็นธรรมชาติ

 

แต่เพราะว่าเธอตัดสินใจที่จะไม่ซื้อเอง แน่นอนเลยไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดออะไรออกมา ขั้นตอนทั้งหมดซีเหมินจินเหลียนก็กระทำทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ส่วนเหล่าหลี่ก็ให้ราคาเดิม ไม่ได้ลดราคาลงไปจากราคาที่เคยให้ไว้กับเธอ

 

“คุณซีเหมินต้องการเจียรหินเลยไหมครับ” เหล่าหลี่พูด

 

“ไม่เป็นไรค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า จะเจียระไนหินไปทำไม? มีแต่ทำให้คนอิจฉาริษยา หากหินหยกสองก้อนนี้เจียออกมาก็ล้วนเป็นหยกชั้นดีทั้งนั้น

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเจ็บใจแทนเหล่าหลี่ หากเขาเจียออกมาดูเอง หยกทั้งสองก้อนนี้แค่ชั่วพริบตาก็สามารถเพิ่มราคาได้เป็นเท่าตัว แน่นอนเกรงว่าหินหยกแบบนี้ ตอนที่เข้ามาในร้านตอนแรกก็ไม่น่าจะราคาถูก เหล่าหลี่คงรับความเสี่ยงนี้ไม่ไหวแน่?

 

เพราะซีเหมินจินเหลียนใช้ประโยชน์จากความสามารถในการมองทะลุผ่านมาเดิมพันหิน เท่ากับว่าขี้โกง และไม่มีความเสี่ยงที่จะแพ้เดิมพัน เพราะอย่างนั้นเธอเลยไม่มีประสบการณ์ในการแพ้เดิมพันหินหยก และไม่เคยมีความกลัวที่จะล้มละลาย เลยมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้น

 

เหล่าหลี่จัดการเรื่องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเรียกให้คนเข้ามาใช้รถฟอร์คลิฟท์นำหินหยกทั้งสองก้อนขนย้ายไปวางข้างๆ จ่านป๋ายเห็นว่ายังไม่ดึกมาก หากขนย้ายตอนนี้ก็คงทันที่จะใช้บริษัทขนส่ง ตอนนั้นเลยปรึกษากับซีเหมินจินเหลียนพร้อมหารถขนสินค้า เพื่อจัดการขั้นตอนขนส่งสินค้าให้เสร็จเรียบร้อย

 

 แน่นอนต้องรวมถึงหินหยกทั้งสามก้อนที่ซื้อไว้ตอนแรกด้วย ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกโชคดีมาก คืนนี้เธอได้รับสินค้าชิ้นใหญ่ เจียหยางที่แห่งนี้มีสินค้าดีๆ อย่างที่ว่ากันไว้จริงๆ

 

ขอให้งานประมูลเดิมพันหินในคืนนี้มีสินค้าชั้นดีที่ทำให้เธอใจเต้นแรงได้อีกครั้งเถอะ

 

แน่นอนซีเหมินจินเหลียนไม่รู้สถานการณ์ทางเหล่าหลี่ว่านี่ไม่ใช่ทรัพย์สินของเขาคนเดียว แต่มาจากนักธุรกิจหยกหลายคนในเจียหยางร่วมหุ้นกัน หินหยกกี่ก้อนในโกดังเล็กๆ นั่นผ่านการเลือกสรรอย่างดิบดีจากนักธุรกิจผู้ถือหุ้นส่วน

 

เหมือนดั่งที่เหล่าหลี่พูด หากไม่ใช่คนรู้จักก็ไม่นำออกมาให้ดูหรอก!

 

อาศัยความโด่งดังของอวิ๋นอวิ้นที่มีชื่อเสียงคร่อมอยู่ในวงการนี้ ดังนั้นเห็นแก่หน้าตาอวิ๋นอวิ้น เขาจึงยอมให้อวิ๋นเจียดูหิน แม้จะผ่านการแนะนำจากเจียหยวนฮวามา เขาก็ไม่ยอมนำออกมาให้ซีเหมินจินเหลียนดูง่ายๆ

 

แน่นอนเมื่อผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไป เหล่าหลี่จึงปรับมุมมองในความสามารถในการซื้อของซีเหมินจินเหลียนใหม่ทั้งหมด ขายสินค้ากับคนรู้จักนี่ดีจริงๆ เวลาเดียวกันก็ได้เห็นศักยภาพในการซื้อของของฝ่ายตรงข้ามด้วย

 

หลังจากที่จ่านป๋ายไปแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็เดินไปพักผ่อนที่สำนักงานของเหล่าหลี่ เพราะงานประมูลเดิมพันหินในคืนนี้เหล่าหลี่ไม่ได้เชิญคนจำนวนน้อยมาร่วมงานอยู่แล้ว ดังนั้นในช่วงที่เธอพักผ่อนอยู่ก็มีกลุ่มคนไม่น้อยทยอยมา

 

อวิ๋นเจียกับฉินเฮ่าก็นั่งพักผ่อนอยู่ในสำนักงาน คนที่ชอบร้องงอแงและขี้หึงอย่างอวิ๋นเจีย ฉินเฮ่าเลยไม่กล้าพูดคุยสักคำกับซีเหมินจินเหลียน

 

สำหรับนักธุรกิจอัญมณีหลากหลายที่ ซีเหมินจินเหลียนแทบจะไม่รู้จักสักคน ได้แต่พลิกหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะไปมาอย่างเกียจคร้าน

 

เมื่อนักธุรกิจหยกรวมตัวอยู่ด้วยกัน บทสนทนาส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องการเดิมพันหิน หินหยกในโกดังข้างในของเหล่าหลี่เปลี่ยนเจ้าของจับจองกันง่ายเหลือเกิน

 

ในนั้นมีวัยรุ่นพุงโตคนหนึ่งดูแล้วไม่เหมือนกับนักธุรกิจอัญมณี แต่จู่ๆ เขาก็ต้องการจะเจียรหิน เลยทำให้ผู้ชมที่กำลังเบื่อหน่ายอยู่นั้นรีบออกไปดู

 

ฉินเฮ่ามองไปทางอวิ๋นเจีย ก่อนพูดขึ้นว่า “เจียเจีย พวกเราออกไปดูกันไหม?”

 

อวิ๋นเจียเห็นซีเหมินจินเหลียนก้มหน้าก้มตามองหนังสือพิมพ์ จึงถามอย่างแปลกใจ “พี่ซีเหมิน ไม่ไปดูเหรอคะ?”

 

ซีเหมินจินเหลียนมองคนอ้วนผ่านทางหน้าต่างกระจก ได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปมและลอบถอนหายใจออกมา คนอ้วนนั้นเพราะว่ากั้นขวางเพียงแค่กระจก เธอจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน และเมื่อสักครู่ที่เข้ามาเธอก็ได้ยินแล้วว่ามันเป็นหินที่เปิดช่องหน้าต่าง ผิวสีเหลืองแกมน้ำตาล หินหยกสีเขียวอ่อน จากช่องหน้าต่างเผยให้เห็นว่าดีกว่าชนิดเนื้อน้ำแข็งอยู่หน่อย แต่ไม่ถึงขั้นเนื้อแก้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นสินค้าชั้นดีแล้ว

 

เพราะอย่างนี้ราคาเลยไม่ได้ถูก สุดท้ายราคาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ก็อยู่ที่สามแสนห้าหมื่นหยวน ราคาไม่ต่ำจริงๆ

 

แต่หินหยกก้อนนี้ ซีเหมินจินเหลียนได้ดูมาก่อนแล้ว ลักษณะดีมาก แต่น่าเสียดายที่ว่าข้างในไม่ผ่าน สีเขียวไม่ได้ลงลึกไปเท่าไหร่ และเมื่อค่อยๆ ลงลึกไปข้างใน ชนิดของเนื้อหยกก็ยิ่งย่ำแย่ จะเอาเนื้อหยกออกไปลงฝีมือก็คงไม่คุ้มทุน อยากจะทำกำไรเกรงว่าคงยาก

 

“พวกคุณออกไปดูเถอะค่ะ วันนี้ฉันเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด

 

“พี่พักผ่อนไม่เต็มที่เหรอคะ” อวิ๋นเจียที่คิดจะหันหลังและลุกขึ้นยืน เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงถามออกไปอย่างสงสัย

 

“ไม่ใช่หรอก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เพียงแต่เช้าวันนี้ไปรับสวี่อี้หรานหมอมองโกลคนนั้นที่สนามบิน ตอนเช้าเลยนอนหลับไม่เพียงพอ ตอนนี้ก็เลยรู้สึกง่วงขึ้นมาบ้างแล้วน่ะ”

 

“ฉันก็ว่าค่ะ” อวิ๋นเจียยิ้มและหันไปมองซีเหมินจินเหลียน “ว่ากันตามตรง คุณกับคุณป้าของฉันหน้าตาคล้ายกันมาก ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณทำไมถึงคิดไม่ถึงกันนะ?”

 

 ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา ตอนนั้นความสนใจของอวิ๋นเจียคงอยู่ที่ตัวฉินเฮ่า แน่นอนเลยไม่ได้สนใจเธอ แต่ตอนนี้อวิ๋นเจียไม่ได้เห็นเธอเป็นศัตรู และซีเหมินจินเหลียนเองก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน บางครั้งยังมีความรู้สึกดีๆ ด้วยซ้ำ แต่ต่อมาหลังจากรู้ว่าอวิ๋นอวิ้นเตรียมตัวให้อวิ๋นเจียเป็นผู้สืบทอดของตระกูลอวิ๋น เธอก็มีความรู้สึกประหลาดแวบเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว

 

อวิ๋นเจีย…ถ้าอบรมเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก หรือสืบทอดทักษะพิเศษในการเดิมพันหินของอวิ๋นอวิ้นมา การเดิมพันหินก็ถือว่าใช้ได้เลย แต่นิสัยอย่างอวิ๋นเจียก็ไม่เหมาะสมกับการเป็นหัวเรือของตระกูลใหญ่โต

 

ไม่รู้ว่าอวิ๋นอวิ้นคิดอะไรอยู่กันแน่ เพราะวันนี้สวี่อี้หรานบอกว่าอวิ๋นเจียใช้ยาชนิดนั้นมาเดิมพันหิน ซีเหมินจินเหลียนจึงได้แต่ถอนหายใจ

 

อวิ๋นอวิ้นทำเกินไปหน่อย ประสิทธิภาพของยาตัวนี้ดีขนาดไหนกัน เธอเองก็ยังไม่ชัดเจนพอ แต่ที่แน่ๆ ยาตัวนี้เอาชีวิตคนได้เลย นี่คือสิ่งที่เธอรู้แจ่มแจ้ง

 

สภาพอย่างนั้นของลุงงูคือตัวอย่างที่มีให้เห็น น่าเสียดายก็แต่ความสวยของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

 

“ฉันกับคุณนายอวิ๋นไม่เหมือนกันหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด

 

“ดูอย่างละเอียดมันก็มีส่วนที่คล้าย แต่ในสายตาคนใกล้ชิดมันก็ไม่เหมือนจริงๆ ด้วย” อวิ๋นเจียส่ายศีรษะพูดขึ้น “ฉันออกไปดูเขาเจียหินดีกว่า พี่สาวไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอคะ?”

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าอีกครั้ง ไม่มีอะไรน่าดูหรอก เพราะผลลัพธ์ในการเจียหิน เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

เมื่อมองอวิ๋นเจียกับฉินเฮ่าเดินออกไปแล้ว เธอก็นั่งลงบนโซฟาอ่านหนังสือพิมพ์ไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย เวลานี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

ซีเหมินจินเหลียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์ของฉินเฮ่า จึงรีบเงยหน้ามองไปทางประตูกระจกข้างนอกและเห็นแค่อวิ๋นเจียยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่ไม่เห็นฉินเฮ่า เช่นนั้นจึงได้แต่กดปุ่มรับสาย…

 

“จินเหลียน ผมฉินเฮ่านะครับ…เรื่องนี้สำคัญมาก คุณออกห่างจากสวี่อี้หรานให้ไกล ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าดีที่สุดนับจากนี้เป็นต้นไปไม่ต้องเจอเขาอีก…” เสียงในโทรศัพท์รีบพูดอย่างร้อนอดร้อนใจ