ตอนที่ 190 ข่มขู่

รักเล่ห์เร้นใจ

ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนสุภาพของสวี่เหวินอีบิดเบี้ยวขึ้นมาทันควัน เขาแสยะยิ้มพลางพูดว่า “เซียวจิ่งสือ คุณเห็นผมเป็นคนโง่รึไง ท่าทางแบบนี้ของคุณยังคิดจะให้หลินหว่านมีชีวิตกลับไปไหม ทางที่ดีคุณก็ทำตัวให้ฉลาด เชื่อฟังหน่อย” (ตอนจบของบทก่อนหน้านี้ เซียวจิ่งสือเพิ่งเจอสวี่เหวินอี ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ทำไมท่าทีเปลี่ยนไป หรือจะขาดบทสนทนาไปท่อนหนึ่ง? –ผู้แปล)

 

 

ภายในโรงงานขนาดใหญ่นี้ มีเพียงเสียงหัวเราะเยือกเย็นไร้น้ำใจของสวี่เหวินอี ท่ามกลางเศษซากเหล็ก และเครื่องยนต์กลไก ยิ่งทำให้บรรยากาศเย็นเยือกขึ้นไปอีก

 

 

เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บที่ไหนหรือเปล่า ทำให้เขาคิดหาลู่ทางอย่างรวดเร็ว สวี่เหวินอีที่ดูเหมือนเป็นพวกมีความรู้ที่ไม่ค่อยมีกำลัง แต่กลับเป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือ หลินหว่านที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยจึงถูกคนใจสัตว์ประเภทนี้ใช้เป็นเครื่องมือ สถานการณ์ในวันนี้คงจะเอาตัวรอดได้ยากแล้ว เซียวจิ่งสือนึกในใจอย่างอับจน แต่จะถ้าปล่อยให้คนพวกนี้จัดการ เขากับหลินหว่านคงต้องตายอยู่ที่นี่แน่

 

 

เซียวจิ่งสือยังคงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ดูไม่หวั่นไหว พูดเสียงช้าชัดว่า “สวี่เหวินอี แกมันไม่ใช่คน เรื่องแบบนี้ยังทำได้ลงคอ หลินหว่านโชคร้ายที่มารู้จักกับรุ่นพี่แบบแก แกอยากได้เงินนักใช่ไหม ฉันจะให้แก แต่ว่าถ้าหากหลินหว่านต้องเจ็บตัวที่ไหนก็ตาม ฉันจะให้แกอยากตายเลยทีเดียว”

 

 

สวี่เหวินอีหัวใจกระตุกวูบ นึกในใจว่า เซียวจิ่งสือไม่เสียทีที่ผ่านคลื่นลมในวงการธุรกิจมาก่อน เจอเรื่องแบบนี้ยังสงบสติอารมณ์ได้ ไม่มีท่าทีตื่นตกใจ ไม่ใช่คนใจบุญที่จะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ วันนี้ยิ่งปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว

 

 

พอนึกถึงตอนนี้ สวี่เหวินอีก็แสยะยิ้มชั่วร้ายยิ่งขึ้น พูดเสียงเยาะหยันว่า “โอ๊ะๆๆ เสียทีที่เป็นท่านประธานใหญ่เซียวจริงๆ คำพูดคุณเมื่อกี้ทำเอาผมตกใจแน่ะ” พลัน สวี่เหวินอีเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุร้าย ดวงตาทั้งคู่ทอแววชั่วร้าย ร้องเสียงดังว่า “แต่ว่า คนอย่างสวี่เหวินอีทำอะไรแล้วต้องทำให้ถึงที่สุด ในเมื่อเริ่มเรื่องแล้ว ผมก็ไม่เปลี่ยนใจแน่ วันนี้พวกคุณไปได้ แต่ต้องทิ้งของอย่างหนึ่งไว้”

 

 

“แกต้องการอะไร?” เซียวจิ่งสือถลึงตาจ้องสวี่เหวินอี ดูว่าเขาต้องการอะไรกันแน่

 

 

“อันที่จริงก็ง่ายมาก คุณแค่หักแขนซ้ายข้างหนึ่งก็ได้แล้ว” สวี่เหวินอีเบิ่งตากว้าง พูดออกมาราวกับถูกผีร้ายเข้าสิงจนเสียสติไปแล้ว

 

 

เซียวจิ่งสือนึกในใจว่า แกไอ้เลว ให้ฉันหักแขนตัวเอง งั้นก็ยิ่งไม่ต้องคุยกันแล้ว ต่อให้ฉันยอมหักแขนตัวเอง ถ้าเกิดแกไม่รักษาคำพูดแล้วจะทำไง? (จากรูปประโยคต้นฉบับที่ให้ “ทิ้งของอย่างหนึ่งไว้” น่าจะเป็นให้ตัดแขนข้างหนึ่ง แต่พอด้านหลัง สิ่งที่ทำออกมาคือ หักแขนข้างหนึ่ง…-ผู้แปล)

 

 

แต่ว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือก เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่นอนไร้สติอยู่ตรงหน้าสวี่เหวินอีห่างไปไม่ถึงเมตรแล้ว เขารู้ดีว่าความปลอดภัยของหลินหว่านสำคัญที่สุด

 

 

สีหน้าเซียวจิ่งสือไม่บอกว่ากลัวเลยสักนิด หัวเราะแล้วพูดว่า “แกจับตัวแฟนฉันมา เพื่อข่มขู่ฉัน ฉันก็ต้องรู้ก่อนสิว่าเธอยังปลอดภัยดีหรือเปล่าไม่ใช่รึไง”

 

 

สวี่เหวินอีผงกศีรษะ พูดว่า “คุณก็เป็นงานเหมือนกันนี่ ได้! ผมจะพยุงเธอขึ้นมา คุณถามเธอเองแล้วกัน” พูดจบก็ก้มตัวลงไปพยุงร่างหลินหว่านที่ยังสลึมสลืออยู่ขึ้นมา “ผมแค่ให้หลินหว่านกินยาไปนิดหน่อย อีกเดี๋ยวก็ไม่เป็นไรแล้ว” สวี่เหวินอีพูดอย่างสบายอกสบายใจ

 

 

“หลินหว่าน! หลินหว่าน! คุณเป็นยังไงบ้าง” เซียวจิ่งสือถามอย่างเป็นห่วง เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านอยู่ในสภาพสลึมสลือ ก็โมโหจนตัวสั่น สวี่เหวินอีแกมันตัวอะไรวะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่

 

 

หลินหว่านได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเธอ ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นเป็นเซียวจิ่งสือ ก็พยายามยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า อยากจะบอกเขาว่าเธอไม่เป็นไรหรอก

 

 

พอเห็นว่าสายตาของเซียวจิ่งสือที่มองเธอเต็มไปด้วยความห่วงใยกับโทสะ หลินหว่านก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนล้าว่า “เซียวจิ่งสือ ฉันเหนื่อยมากเลย รีบพาฉันไปจากที่นี่ทีเถอะ”

 

 

หัวใจของเซียวจิ่งสือเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง ไม่มีความทุกข์ทรมานใจอะไรมากไปกว่าเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ตรงหน้าแต่กลับพาเธอไปไม่ได้อีกแล้ว

 

 

เซียวจิ่งสือหยิบท่อเหล็กท่อนหนึ่งที่ข้างตัวขึ้นมา พูดกับสวี่เหวินอีว่า “หวังว่าแกจะรักษาสัญญา ฉันจะหักแขนตัวเอง แกปล่อยตัวหลินหว่าน”

 

 

เซียวจิ่งสือตวัดท่อนเหล็กขึ้นสูงแล้วกัดฟันหวดลงที่แขนซ้ายของตัวเอง เซียวจิ่งสือครางออกมาคำหนึ่ง เหงื่อเม็ดเป้งๆ ผุดขึ้นบนหน้าผาก สีหน้ากลายเป็นซีดขาว กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกด้วยความเจ็บปวดจนบิดเบี้ยวไป

 

 

“ไม่นะ!!!!” หลินหว่านเห็นเซียวจิ่งสือทำร้ายตัวเอง สายตาเปี่ยมด้วยความหวาดกลัวและสงสัย แต่สายไปแล้ว หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสือที่กุมแขนข้างที่บาดเจ็บทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างเจ็บปวด น้ำตาของหลินหว่านทะลักออกมาบดบังสายตาของเธอ หลินหว่านเข้าใจอย่างเจ็บปวดในที่สุด สวี่เหวินอีใช้เธอข่มขู่เซียวจิ่งสือ ให้เขาทำร้ายตัวเอง

 

 

ในที่สุดหลินหว่านก็ได้เห็นธาตุแท้ของรุ่นพี่หน้าเนื้อใจเสือ หลายครั้งที่เขาเข้าใกล้เธอก็เพื่อบรรลุแผนร้ายของตัวเองเท่านั้น หลินหว่านด่าสวี่เหวินอีในใจไปนับหมื่นรอบ แต่ร่างกายเธอยังไม่มีแรงกลับคืนเหมือนเดิม ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง

 

 

สวี่เหวินอีเห็นเซียวจิ่งสือเจ็บปวดก็ตบมืออย่างรื่นเริง “เท่ห์สุดๆ ไปเล้ย ท่านประธานเซียว คุณนี่ลูกผู้ชายขนานแท้เลย ผมล่ะยอมนับถือเลย ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจซะจริง”

 

 

เซียวจิ่งสือมองดูสวี่เหวินอีที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นแล้วพูดว่า “สวี่เหวินอี แกหมายความว่าไง”

 

 

“ฮ่าๆๆๆ แค่นี้ยังดูไม่ออกรึไง พูดกันถึงขนาดนี้แล้วผมยังจะปล่อยพวกคุณไปได้อีกรึไง คุณนี่มันช่างไร้เดียงสาซะจริง”

 

 

หลินหว่านคิดอย่างเจ็บปวดใจ เธอเองเป็นคนทำร้ายเซียวจิ่งสือ เซียวจิ่งสือยอมทำร้ายตัวเองเพราะเพื่อเธอ หลินหว่านโทษตัวเองที่ไม่เห็นคุณค่าในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกัน ได้แต่มองดูสวี่เหวินอีทรมานเซียวจิ่งสืออยู่ด้านข้าง ทุกข์ทรมานจนแทบจะขาดใจ

 

 

“สวี่เหวินอี ฉันมันตาบอดเอง จึงเห็นคุณเป็นเพื่อน เป็นรุ่นพี่ที่ฉันเคารพนับถือ ตอนนี้ทำไมคุณถึงเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้ รีบปล่อยพวกเราไปนะ” หลินหว่านพูดไปพลางร้องไห้พลาง

 

 

“ฮ่าๆ รุ่นน้องที่น่ารักของพี่ สังคมสมัยนี้ใครใหญ่ใครก็อยู่ ผมแค่ใช้อุบายนิดหน่อยเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ผมผิดรึไง? พวกนักธุรกิจใหญ่ๆ นั่นมีกี่คนที่สะอาดหมดจดกัน?” สวี่เหวินอีหัวเราะอย่างไม่แยแส

 

 

หลินหว่านเห็นว่าคนตรงหน้ากลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว ได้แต่ส่ายหน้าอย่างหมดทาง รุ่นพี่นี่ถลำลึกจนเกินไปแล้ว กลับตัวกลับใจไม่ทันซะแล้ว

 

 

หลินหว่านใช้สายตาที่เศร้าเสียใจมองดูเซียวจิ่งสือที่ทนอดกลั้นความเจ็บปวดอยู่ เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “คุณรีบไปซะ อย่าสนใจฉันเลยค่ะ”

 

 

เซียวจิ่งสือสะกดกลั้นความเจ็บปวดรวดร้าวที่แขน แข็งใจส่งยิ้มให้หลินหว่านพลางปลอบเธอว่า “หลินหว่าน คุณวางใจเถอะ ผมไม่เป็นไรหรอก บาดเจ็บแค่นี้ผมยังทนได้ ร่างกายผมแข็งแรงออกนะครับ”

 

 

สวี่เหวินอีฟังดูทั้งคู่พูดคุยกันที่ด้านข้างแล้ว พูดแทรกขึ้นอย่างรำคาญว่า “ผมว่านะคุณสองคน นี่ไม่ใช่จะล่ำลากันไปตายซะหน่อย ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้มั้ง เห็นแล้วคลื่นไส้ชะมัด พวกคุณสองคนนี่แสดงได้ดีซะเหลือเกิน แม้แต่ฮอลลีวู้ดยังต้องให้รางวัลตุ๊กตาทองเลยมั้งเนี่ย”

 

 

เซียวจิ่งสือแค่นเสียงแล้วพูดว่า “หุบปากเหม็นๆ ของแกไปเลย แกมันสัตว์ชั้นต่ำ ยังจะรู้จักน้ำใจไมตรีของคนด้วยรึไง? ตอนนี้แกรีบปล่อยหลินหว่านไปซะ ถ้าให้ฉันออกไปได้ แกได้ตายดีแน่”

 

 

สวี่เหวินอีเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน พูดว่า “เซียวจิ่งสือ คุณก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ทำไมยังไร้เดียงสาขนาดนี้เนี่ย วันนี้ผมไม่มีทางปล่อยหลินหว่านไปแน่ นอกจากว่าคุณจะให้ในสิ่งที่ผมต้องการ”

 

 

“แกอย่ามาพูดพล่อยๆ เมื่อกี้จะเอาแขนฉัน ฉันให้แกแล้วไง แกยังจะเอาอะไรอีก? บอกมาเลยดีกว่า อย่าทำให้เสียเวลาคนอื่นเขา” เซียวจิ่งสือพูดอย่างเข่นเขี้ยว

 

 

สวี่เหวินอีเผยรอยยิ้มประหลาดออกมา