สวี่เหวินอียิ้มแล้วพูดว่า “อันที่จริงก็ไม่ใช่ของพิเศษอะไรมาก แค่โอนหุ้นตระกูลเซียวทั้งหมดมา ตอนนี้บริษัทผมกำลังเริ่มเดินหน้า ต้องการเงินทุนจำนวนมาก ถ้าคุณยอมทำตามที่ผมว่า คุณก็จะเป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ของบริษัทผมเลยทีเดียว”
หลินหว่านนั่งนิ่งอยู่บนพื้น พอได้ยินว่าสวี่เหวินอีเสนอความต้องการนี้ ก็ตกใจจนหน้าขาว ถ้าเซียวจิ่งสือยอมทิ้งหุ้นทั้งหมดไปเพื่อเธอจริงๆ เธอคงกลายเป็นคนบาปไปแล้ว หลินหว่านรีบร้องขึ้นว่า “เซียวจิ่งสือ อย่าโอนหุ้นให้เขานะ ต่อให้คุณโอนหุ้นให้เขา เขาก็ไม่ปล่อยฉันหรอก คุณรีบไปซะไม่ต้องสนใจฉัน”
สวี่เหวินอีพูดอย่างโมโห “หลินหว่าน ผมว่าคุณทำตัวให้ฉลาดหน่อยนะ เห็นแก่ที่เราเคยเรียนด้วยกันมา ผมไม่อยากทำร้ายคุณ แต่ถ้าคุณยังไม่สงบปากคำก็อย่าหาว่าผมใจร้ายนะ”
เซียวจิ่งสือพอได้ยินข้อเสนอของสวี่เหวินอี ก็ขมวดคิ้วแน่น คิดในใจว่า “หลินหว่านพูดถูก ต่อให้ฉันโอนหุ้นทั้งหมดให้ ถึงเวลาเขาจะไม่ทำตามสัญญาก็ได้ คนแบบนี้จะมีอะไรให้เชื่อถือได้กัน แต่ตอนนี้เราไม่มีทางเลือก ฉันไม่ยอมทิ้งหลินหว่านไปแน่”
เซียวจิ่งสือกัดฟันกรอด ดวงตาเป็นประกายเด็ดเดี่ยว ตอบว่า “สวี่เหวินอี ฉันรับปากโอนหุ้นทั้งหมดให้ แต่แกต้องปล่อยตัวหลินหว่านไป ไม่อย่างนั้น ฉันจะให้แกตายอย่างทุเรศแน่”
พอเห็นว่าเซียวจิ่งสือยอมรับปาก สวี่เหวินอีก็เปลี่ยนท่าทีเป็นมิตร พูดว่า “ได้สิ แค่คุณมอบหุ้นมา ทุกอย่างแล้วแต่คุณจัดการได้เลย”
ตอนนั้นเอง กองเศษซากเครื่องยนต์ที่ด้านหลังสวี่เหวินอีพลันมีเสียงหัวเราะดังออกมา เซียวจิ่งสือมองหาที่มาของเสียง ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลัง สายตาของผู้หญิงนั้นแฝงแววประหลาด ใบหน้าประดับรอยยิ้มจอมปลอม เธอหัวเราะเสียงดัง พูดว่า “เซียวจิ่งสือ คิดไม่ถึงว่าคุณจะยอมสละหุ้นทั้งหมดเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ ช่างบูชาความรักซะเหลือเกินนะ ฉันนับถือคุณจริงๆ เลย”
หลินหว่านรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูมาก จึงหันกลับไปมอง พบว่าผู้หญิงคนนี้ก็คืออันซิง หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือต่างมีสีหน้าประหลาดใจ เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน อันซิงอยู่ในคุกไม่ใช่หรือ
อันซิงไม่สนใจท่าทางตกใจของทั้งสอง พูดต่อไปว่า “เซียวจิ่งสือรู้ยังงี้แต่แรกจะขัดขืนไปทำไมกันนะ ถ้าคุณรับปากยอมทำตามฉันซะแต่แรก ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้หรอก”
อันซิงเดินเข้าหาเซียวจิ่งสือช้าๆ ในมือถือซองเอกสารซองหนึ่ง
พอถึงเบื้องหน้าเซียวจิ่งสือ อันซิงก็ย่อตัวนั่งลง ยื่นมือออกไปคิดจะลูบคลำแขนข้างที่บาดเจ็บของเซียวจิ่งสือ
เซียวจิ่งสือผลักมืออันซิงออก พูดว่า “อย่ามาเสแสร้งแกล้งดัดอยู่นี่ ผมรู้ว่าสภาพผมในตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นฝีมือคุณ”
อันซิงยิ้มฝืดๆ ออกมา พูดว่า “เซียวจิ่งสือ ฉันชอบคุณจริงๆ นะ ทุกอย่างที่ฉันทำลงไปก็เพื่อคุณ แต่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว หนังสือโอนหุ้นฉันเตรียมมาแล้ว อยู่ในซองเอกสารนี้ คุณเซ็นชื่อซะ ต่อไปฉันจะไม่มารบกวนพวกคุณอีก”
พูดจบ อันซิงก็ยื่นซองเอกสารมาตรงหน้าเซียวจิ่งสือ
เซียวจิ่งสือลังเลวูบหนึ่งแล้วหยิบปากกาออกมา ขณะจะเซ็นชื่อลงบนเอกสารนั้น พลันมีเสียงร้องอย่างตกใจว่า “ไม่นะ!”
จู่ๆ หลินหว่านก็ลุกขึ้นยืนแล้วใช้พลังในตัวทั้งหมดพุ่งเข้าชนสวี่เหวินอีจนล้มลงแล้วพุ่งเข้าหาเซียวจิ่งสือราวกับคนบ้า
ทุกคนพากันมองไปที่หลินหว่าน แต่ไม่มีใครรู้ว่าหลินหว่านไปเอาแรงมาจากไหน ชั่วขณะนั้นอันซิงตะลึงนิ่งอยู่กับที่ ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร
หลินหว่านคว้าตัวเซียวจิ่งสือที่คุกเข่าอยู่กับพื้นได้ก็ฉุดให้วิ่งไปทางประตูหลัง เซียวจิ่งสือชะงักไปว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าหลินหว่านคว้าตัวเขาแล้ววิ่ง ก็เข้าใจทันควัน
พอสวี่เหวินอีรู้ตัวก็กระโดดขึ้นจากพื้น เป็ดต้มสุกจะปล่อยให้บินหนี [1] ไปได้ไงกัน เขาตะโกนดังลั่น “ตามไปเร็ว”
อันซิงจึงนึกขึ้นได้ตามติดออกไป
สวี่เหวินอีกับอันซิงไล่ตามคนทั้งสองที่วิ่งเตลิดอยู่ข้างหน้ามาอย่างกระชั้นชิด
เซียวจิ่งสือที่วิ่งออกมาได้จึงพบว่าที่แท้ด้านนอกคลังเก็บสินค้าเป็นทะเล คิดไม่ถึงว่าแผนของพวกสวี่เหวินอีจะรอบคอบปานนี้ เลือกสถานที่นัดพบห่างไกลผู้คนเช่นนี้ ช่างคิดหามาได้จริงๆ
เซียวจิ่งสือจับมือหลินหว่านไว้แน่น มองดูผืนทะเลกว้างใหญ่ข้างหน้าอย่างหมดสิ้นหนทาง ตรงหน้าไม่มีหนทางอื่นอีก มีเพียงหุบเหวสูงชัน ด้านล่างเป็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา ต่อให้มีปีกก็บินกลับไปไม่ได้ เซียวจิ่งสือคิดอย่างสิ้นหวัง
ทันใดนั้น เซียวจิ่งสือเห็นทุ่งหญ้ารกร้างด้านหน้ามีฝุ่นตลบขึ้น รถโฟล์คสวาเกน พาสสาทสีดำสามคันพุ่งตรงมาทางด้านนี้ เซียวจิ่งสือนึกในใจว่า “ผู้ช่วยของพวกเขามาแล้ว? ดูท่าว่าฟ้าไม่เข้าข้างเราซะแล้ว?”
ขณะกำลังสิ้นหวังนั้นเอง มีชายสวมชุดดำแว่นดำลงมาจากรถสิบกว่าคน คนที่นำหน้าคือซั่วเฟิงนั่นเอง
ซั่วเฟิงรีบเข้ามาหาเซียวจิ่งสือ พูดด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยว่า “ท่านประธานเซียวพวกเรามาช้าไป” “แขนคุณเป็นอะไรไป?” พอเห็นเซียวจิ่งสือประคองแขนข้างที่บาดเจ็บก็ถามขึ้น
สวี่เหวินอีวิ่งไล่ตามพลางคิดว่า ยังดีที่ฉันฉลาด เลือกสถานที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้ ข้างหน้ายังเป็นทะเลอีก จะดูซิว่าพวกแกจะบินขึ้นฟ้าไปได้ยังไง
แต่ว่าพอไล่ตามมาถึงด้านนอกก็ถูกคนชุดดำกลุ่มหนึ่งล้อมกรอบ อันซิงวิ่งช้า แต่ผลสุดท้ายก็เหมือนกัน
เซียวจิ่งสือมองดูคนหน้าด้านไร้ยางอายทั้งคู่แล้วพูดว่า “คนเลวย่อมต้องได้รับกรรมตามสนอง วันนี้พวกแกตกอยู่ในมือฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไร้น้ำใจ”
อันซิงรู้ว่าวันนี้คงหนีไม่รอดแล้ว ต่อไปก็คงหนีไม่รอดเช่นกัน เดิมทีตัวเองก็หลบหนีออกมาจากคุก ตอนนี้ถ้าถูกจับกลับเข้าไปอีก เธอคงต้องอยู่ในนั้นจนตายแน่ ชีวิตแบบนั้นจะไปมีความหมายอะไรกัน อันซิงที่คิดปั่นป่วนวุ่นวายในสมองเฝ้าถามตัวเองไม่หยุด จะทำอย่างไรดี
เซียวจิ่งสือพูดกับซั่วเฟิงว่า “ไม่ต้องพูดมาก จับส่งตำรวจไปเลย”
ขณะที่ซั่วเฟิงกำลังให้ชายชุดดำส่งตัวพวกอันซิงขึ้นรถนั้นเอง จู่ๆ อันซิงก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีกอดรัดร่างหลินหว่านเอาไว้แล้วโดดลงทะเลไป
เหตุเกิดขึ้นกะทันหัน แค่ได้ยินเสียงร้องโอ๊ะ จากนั้นร่างของอันซิงกับหลินหว่านก็หายลับไปจากสายตา จากนั้นเป็นเสียงตูมเมื่อคนทั้งคู่ร่วงลงในทะเลที่มีคลื่นลูกโตซัดสาดอยู่
เซียวจิ่งสือร้องออกมาอย่างร้อนใจ “ช่วยคนเร็ว” ชายชุดดำทุกคนต่างพากันวุ่นวาย ถอดเสื้อผ้าออก บ้างก็ปีนใต่หน้าผา
เซียวจิ่งสือโทษตัวเองที่ไม่ได้ดึงตัวหลินหว่านเอาไว้ ปล่อยให้หลินหว่านร่วงตกลงไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้
เซียวจิ่งสือที่สองตาแดงก่ำ มองสวี่เหวินอีที่อยู่ตรงหน้า ไม่อาจสะกดกลั้นโทสะไว้ได้อีกต่อไป เหวี่ยงออกไปหมัดหนึ่ง จนสวี่เหวินอีร่วงลงไปกองกับพื้น ก็ยังไม่หายแค้น
เขารัวหมัดเข้าใส่ใบหน้าของสวี่เหวินอีเป็นชุด
ซั่วเฟิงเห็นเจ้านายซ้อมเจ้านี่ราวกับเป็นบ้าไปแล้ว ก็นึกกังวลว่าจะถึงตายได้ จึงรีบพุ่งเข้าไปดึงตัวเซียวจิ่งสือออกมา
เซียวจิ่งสือร้องออกมาราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ เหมือนความเจ็บปวดภายในใจที่ไม่อาจบรรเทาลงได้
ซั่วเฟิงพูดปลอบว่า “ท่านประธานเซียว ผมจัดคนไปช่วยคุณหลินแล้ว คุณวางใจได้ จะต้องเจอตัวโดยเร็วแน่”
เซียวจิ่งสือรู้ดีว่า ตอนนี้หลินหว่านเป็นตายเท่ากัน
บนหน้าผา เซียวจิ่งสือหันหน้าเข้าหาท้องทะเล ร้องตะโกนออกมาสุดแรงว่า “หลินหว่าน คุณอยู่ไหน”
——
[1] เป็ดต้มสุกปล่อยให้บินหนีไป หมายถึง ของที่เห็นชัดว่าจะได้มาแต่หลุดมือไป