ตอนที่ 192 ตามหาเธอ

รักเล่ห์เร้นใจ

เซียวจิ่งสือนั่งอยู่ที่ห้องทำงานในสภาพผมเผ้ากระเซิง ซั่วเฟิงเคาะประตูห้องเข้ามา เซียวจิ่งสือเด้งตัวผึงลุกขึ้นยืนเหมือนได้ยากระตุ้นประสาท

 

 

“เป็นยังไงบ้าง? ได้ข่าวไหม?” เซียวจิ่งสือเขย่าแขนซั่วเฟิงอย่างตื่นเต้น ถามพลางจ้องเขาเขม็ง

 

 

“ท่านประธานเซียว ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านมาพวกเราปูพรมออกค้นหาไปตามแนวชายฝั่งจนทั่วแล้ว ทุกซอกมุมของทุกหมู่บ้านพวกเราก็สอบถามอย่างละเอียด แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคุณหลินเลยครับ”

 

 

เซียวจิ่งสือพอได้ฟังข่าวนี้จากอาการกระชุ่มกระชวยก็กลายเป็นหมดอารมณ์เซื่องซึม เซียวจิ่งสือพูดอย่างหมดแรงว่า “นายออกไปก่อนเถอะ ให้คนออกหาตัวหลินหว่านต่อไป”

 

 

ซั่วเฟิงรับฟังคำสั่งแล้ว รีบตอบรับว่า “ได้ครับ ประธานเซียว คุณพักผ่อนก่อนเถอะ พวกเราต้องหาตัวคุณหลินกลับมาได้แน่” พูดจบก็หมุนตัวจะออกจากห้อง

 

 

แต่เซียวจิ่งสือรีบร้องเรียกเอาไว้ก่อน “ซั่วเฟิง รอเดี๋ยว”

 

 

ซั่วเฟิงที่กำลังตั้งท่าจะก้าวออกไปหยุดชะงักอยู่กับที่ ถามว่า “ประธานเซียว คุณต้องการอะไรอีกหรือครับ”

 

 

“เอาเถอะ ผมไปค้นหากับพวกคุณด้วยก็แล้วกัน” เซียวจิ่งสือนึกในใจว่า ‘ตอนนี้หลินหว่านหายตัวไป ฉันก็ไม่มีแก่ใจจะทำอะไร อยู่บ้านก็ยิ่งคิดเรื่อยเปื่อย ออกไปหาด้วยกันเลยดีกว่า บางทีอาจเจออะไรบ้างก็ได้’

 

 

ซั่วเฟิงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง กำลังคิดจะบอกให้ประธานเซียวเห็นแก่สถานการณ์โดยรวม ต้องดูแลรักษาสุขภาพอะไรประเภทนั้น แต่แล้วฉุกคิดได้ว่า “ประธานเซียวรักหลินหว่านมาก เกรงว่าจะรั้งไว้ไม่อยู่ งั้นก็ปล่อยตามใจเขาก็แล้วกัน จัดบอดี้การ์ดตามคุ้มกันมากหน่อยก็แล้วกัน”

 

 

เซียวจิ่งสือค้นหาหลินหว่านตามแนวกระแสน้ำที่เธอร่วงตกลงมา เขาเข้าไปสอบถามในหมู่บ้านมากมาย พวกชาวบ้านมากมายส่ายศีรษะเป็นเชิงว่าไม่พบเห็นเธอ เซียวจิ่งสือยืนอยู่ที่ริมทะเล รู้สึกอับจนสิ้นหนทาง เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าจะสามารถพบตัวหลินหว่าน ถ้าหาเธอไม่พบแล้วจะทำยังไงต่อไป? นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นหมู่บ้านที่กี่สิบแล้ว เซียวจิ่งสือคิดเตลิดไปอย่างสับสนว้าวุ่นใจ จู่ๆ ก็อยากสูบบุหรี่ขึ้นมา

 

 

เขาหันมาถามซั่วเฟิงที่ด้านข้าง “มีบุหรี่ไหม”

 

 

ซั่วเฟิงอึ้งไปวูบ ประธานเซียวดูเหมือนจะไม่สูบบุหรี่นี่ แต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ตอบว่า “ม…มีครับ…” พูดพลางยื่นบุหรี่ให้เซียวจิ่งสือมวนหนึ่ง

 

 

เซียวจิ่งสือคาบบุหรี่ไว้ในปากอย่างไม่ใส่ใจนัก ซั่วเฟิงรีบจุดไฟแช็กยื่นให้เขา เซียวจิ่งสือสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงคำหนึ่งแล้วพ่นกลุ่มควันออกมา เพียงชั่วพริบตาก็สลายหายไปกับลมทะเล

 

 

ทันใดซั่วเฟิงอุทานออกมาว่า “เอ๋” เซียวจิ่งสือหันไปมองอย่างรำคาญ ขึงตาใส่ซั่วเฟิงด้วยท่าทีว่า ซั่วเฟิง นายมันชอบตกใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันยิ่งกำลังอารมณ์บูดอยู่ด้วย

 

 

ซั่วเฟิงยังมีท่าทางประหลาดใจ ชี้มือไปยังเงาหลังคนหนึ่งที่ริมหาดซึ่งอยู่ห่างออกไป พูดว่า “ประธานเซียว คุณไม่รู้สึกว่าเงาหลังนี้เหมือนกับคุณหลินรึไง”

 

 

เซียวจิ่งสือพอได้ยินว่าคุณหลิน ก็เหมือนได้น้ำยาชุบชีวิต กระตือรือร้นขึ้นมาทันที ถามว่า “ไหน ตรงไหน?”

 

 

เซียวจิ่งสือมองไปยังทิศทางที่ซั่วเฟิงชี้นิ้ว สมองลั่นเปรี้ยะแล้วกลายเป็นว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง ปากพึมพำว่า “หลินหว่าน! หลินหว่าน!” จากนั้นวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ซั่วเฟิงพอเห็นว่าประธานเซียวพุ่งเข้าไปอย่างกับเป็นบ้า ก็รีบเรียกระดมพลตามติดไป

 

 

เซียวจิ่งสือโถมเข้าหาแล้วพบว่าผู้หญิงคนนี้ไม่แค่เงาหลังคล้ายหลินหว่าน เพราะเธอก็คือหลินหว่าน เซียวจิ่งสือคว้าตัวหลินหว่านเอาไว้อย่างตื่นเต้นดีใจจนพูดไม่ออก พวกซั่วเฟิงที่ติดตามมา กลับพบว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนกับหลินหว่านมาก แต่ปฏิกิริยาของเธอที่มีต่อเซียวจิ่งสือกลับเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ทุกคนจึงรู้สึกว่าคนนี้อาจไม่ใช่หลินหว่านก็ได้

 

 

ตอนนั้นเอง ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวมองดูผู้ชายกลุ่มนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู เขาร้องตะโกนเสียงดังว่า “พวกคุณเป็นใครกัน ทำไมมายุ่งกับแฟนผม?”

 

 

เซียวจิ่งสือ ยังจมอยู่กับความยินดีที่เจอตัวหลินหว่าน จะไปสนใจฟังคนอื่นพูดที่ไหนกัน เขาไม่สนท่าทีตั้งป้อมจากชายคนนั้น และไม่สนที่ผู้หญิงดิ้นรนขัดขืน

 

 

ชายคนนั้นเห็นเช่นนั้นก็คิดว่า นี่มันอันธพาลชัดๆ จะมากเกินไปแล้ว กล้าดียังไงมาทำเรื่องแบบนี้ในหมู่บ้านของเรา

 

 

ชายหนุ่มนั้นตะโกนไปทางหมู่บ้าน “เฮ้ย พวกเรา มีพวกแก๊งอันธพาลโว้ย”

 

 

พอสิ้นเสียง คนกลุ่มใหญ่ล้วนแต่ผิวกายดำมะเมื่อมร่างกายกำยำพากันวิ่งมาทางนี้ ซั่วเฟิงเห็นรูปการณ์ไม่ดี คนมากันเยอะเกินไปแล้ว

 

 

เขารีบดึงมือเซียวจิ่งสือ บอกว่า “ประธานเซียว เราค่อยเป็นค่อยไปกันเถอะครับ คุณดูสิหมู่บ้านนี้มีคนตั้งมากขนาดนี้ วันนี้พวกเราคงพาตัวเธอกลับไปไม่ได้แน่”

 

 

เซียวจิ่งสือหันไปมอง เห็นคนกลุ่มใหญ่พากันมุ่งตรงมาทางนี้ ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายวาบ นึกในใจว่า ‘หลินหว่าน เธอรอฉันก่อนนะ ฉันรู้ว่าต้องเป็นเธอแน่ รอฉันกลับมา’

 

 

เซียวจิ่งสือปล่อยมือจากหญิงสาวอย่างปวดใจ กัดฟันพูดว่า “หลินหว่าน รอฉันกลับมานะ” หันกลับไปส่งสัญญาณให้ซั่วเฟิงถอย

 

 

หญิงสาวเหม่อมองเซียวจิ่งสือ นึกในใจว่า ‘คนนี้ประหลาดจัง ฉันไม่รู้จักเขาซะหน่อย เขายังเรียกฉันว่าหลินหว่านอีก ฉันไม่ได้ชื่อหลินหว่านซะหน่อย ฉันชื่ออินเสี่ยวเสี่ยวต่างหาก’

 

 

เซียวจิ่งสือกลับถึงออฟฟิศ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ สมองกำลังคิดถึงผู้หญิงที่เจอวันนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเฉยชากับเขามาก แต่เขารู้สึกได้เลยว่าเธอคือหลินหว่าน

 

 

ผู้ช่วยเคาะประตูห้องเข้ามาแล้วถามว่า “ท่านประธานเซียวครับ คุณเรียกตัวผมมามีอะไรให้รับใช้ครับ?”

 

 

“ระยะนี้บริษัทเรามีโครงการหนึ่งที่จะพัฒนาหมู่บ้านริมทะเลให้เป็นชายหาดพักผ่อนในวันหยุดใช่ไหม” เซียวจิ่งสือถามกลับ

 

 

“ใช่ครับ ท่านประธานเซียว บริษัทเรามีแผนดำเนินโครงการที่ว่านี้ แต่สถานที่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัด ท่านประธาน จะสั่งการอย่างไรครับ”

 

 

“เลือกหมู่บ้านนี้ก็แล้วกัน” เซียวจิ่งสือหยิบแผนที่ขึ้นมาชี้ไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแล้วพูดขึ้น

 

 

“ครับท่านประธาน ผมเข้าใจแล้ว จะไปดำเนินการทันทีครับ” ผู้ช่วยเข้าอกเข้าใจเป็นอันดี หมุนตัวออกไปจัดการทันที

 

 

ในงานฉลองพิธีเปิดหน้างาน ที่เวทีชั่วคราวด้านล่างพวกคนในหมู่บ้านพากันจับกลุ่มบอกเล่ากันให้กระหึ่ม

 

 

“ได้ยินว่าหมู่บ้านเราถูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่หมายตาไว้ ตัดสินใจจะพัฒนาที่นี่ล่ะ” มีบางคนพูดขึ้น

 

 

“ใช่แล้วๆ ได้ยินมาว่าจะพัฒนาหมู่บ้านเราให้เป็นสถานที่พักผ่อนวันหยุดริมทะเลด้วยล่ะ! เงินลงทุนตั้งร้อยล้าน!” ใครบางคนพูดเสริมขึ้น

 

 

ฝูงชนต่างแสดงท่าทีชื่นชมยินดีไปตามกัน

 

 

ที่มุมหนึ่ง หนุ่มสาวคู่หนึ่งก็มาร่วมชมพิธีเปิดงานนี้อย่างสงบเช่นกัน

 

 

เซียวจิ่งสือสวมแว่นดำนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง เขาสั่งให้ผู้ช่วยขึ้นไปบนเวทีแล้วกล่าวทักทาย จากนั้นแจ้งว่าจะรับสมัครผู้ร่วมงานอีกจำนวนหนึ่ง

 

 

พวกคนในหมู่บ้านที่ด้านล่างเวทีพากันดีใจใหญ่โต ถ้าสามารถทำงานที่หมู่บ้านได้จะดีขนาดไหนกัน ทั้งไม่ต้องออกไปหางานที่ด้านนอก อีกทั้งเงินเดือนก็ไม่เลวอีกด้วย คนไม่น้อยที่ได้ฟังเรื่องดีๆ แบบนี้แล้วอยากจะเข้ามาลองสมัครงานดูบ้าง

 

 

หญิงสาวนั้นเห็นชายหนุ่มดูเหมือนจะสนใจอยู่บ้างเช่นกัน ก็พูดขึ้น “พี่อวี่ ฉันก็อยากจะหางานทำบ้าง พี่จะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้อีก”

 

 

ฮั่วเทียนอวี่นิ่งคิดอยู่นานจึงผงกศีรษะ พูดว่า “เอาเถอะ ในเมื่อเธออยากจะหาอะไรทำบ้าง งั้นก็ไปเถอะ แบบนี้จะได้ไม่รู้สึกว่างเกินไปกระมัง”