บทที่ 1315 ฉันให้พวกแกไปเหรอ / บทที่ 1316 ช่วงนี้สุขสบายดีไหม

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1315 ฉันให้พวกแกไปเหรอ

เจ้าสวะหมา ไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมา ยิ่งไม่รู้ชื่อแซ่ของเจ้าตัว แต่กลับรู้ว่าพลังต่อสู้ของคนผู้นี้นั้นระรานคนอย่างไม่ต้องกลัวเกรงในรัฐอิสระได้โดยสมบูรณ์ เรียกได้ว่าไร้คู่ประมือ

มีคนรู้จักหน้าตาของเจ้าสวะหมาน้อยมาก แต่เพราะผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยช่วงหนึ่งอยากล้างแค้นเจ้าสวะหมา จึงทำให้พันธมิตรอู๋เว่ยคุ้นเคยกับเจ้าสวะหมา

เมื่อชายชราถูกเจ้าสวะหมาฆ่าในนิ้วเดียว คนอื่นๆ ที่ชายชราพามาก็เงียบสนิทด้วยความกลัว เหมือนแม้แต่หายใจก็ยังค่อยๆ หายใจช้าๆ

ใครจะคิดถึงว่า ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยจะอยู่ด้วยกันกับเจ้าสวะหมาได้

สองคนนี้ ทั้งที่ต่างก็ไม่ถูกกันแท้ๆ …

“ไป…รีบไป…”

ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นมองเจ้าสวะหมาที่ยืนอยู่ข้างเยี่ยหวันหวั่น ทั้งร่างถูกเหงื่อเย็นชุ่มโชก ต้องรีบกลับไปรายงานผู้อาวุโสเรื่องที่ผู้นำพันธมิตรอยู่ด้วยกันกับเจ้าสวะหมา

“ฉันให้พวกแกไปเหรอ”

ชายผมยาวกวาดสายตาเย็นเยียบถึงกระดูกมองทุกคน

ได้ยินแบบนั้น ทุกคนในที่นั้นไม่มีใครสักคนกล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

“ทะ…ท่านหมา…นี่เป็นการเข้าใจผิดกัน!” ชายหัวหน้ามองเจ้าสวะหมา หน้าผากผุดเหงื่อเย็นไม่หยุด

“แกเรียกฉันว่าอะไร” เจ้าสวะหมาเอ่ยปากเสียงเย็นชา

“ไม่ๆๆ …นายท่าน นายท่านคือนายท่านของผม…” ชายหัวหน้าอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ไหนเลยเขาจะรู้ว่าเจ้าสวะหมามีชื่อว่าอะไร คนของรัฐอิสระ ทุกคนไม่ได้เรียกเขาว่าเจ้าสวะหมาหมดหรอกเหรอ…

“พวกแกเป็นคนของพันธมิตรอู๋เว่ย” ชายผมยาวเอ่ย

“เรื่องนี้…” ชายหัวหน้ามองเยี่ยหวันหวั่นโดยไม่รู้ตัว พวกเขาเป็นคนของพันธมิตรอู๋เว่ยก็จริง แต่…วันนี้พวกเขามาฆ่าผู้นำพันธมิตร ไม่อาจเผยตัวตนออกไป…

แต่เผชิญหน้ากับเจ้าสวะหมา พวกเขากลับไม่กล้าโกหกสักเสี้ยว ไม่งั้นคืนนี้เป็นไปได้มากที่อาจไม่ได้รอดออกไปจากคาสิโน

“ชะ…ใช่ครับ…” ภายใต้กลิ่นอายน่ายำเกรงของเจ้าสวะหมา ชายหัวหน้าได้แต่กัดฟันยอมรับ

ทันทีที่สิ้นเสียง ชายผมยาวก็มองเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างตัวเองอย่างกึ่งตั้งใจไม่ตั้งใจ

“ไสหัวไปซะ” ชายผมยาวเอ่ยเสียงเรียบ

ได้ยินดังนั้น คนของพันธมิตรอู๋เว่ยทุกคนเสมือนได้รับพระราชทานอภัยโทษ พุ่งออกไปจากคาสิโนชั่วพริบตา

ผ่านไปสักพัก สายตาของชายผมยาวก็ตกลงบนตัวเยี่ยหวันหวั่น

ถูกสายตาของเจ้าสวะหน้าจับจ้อง เยี่ยหวันหวั่นใจสั่นสะท้าน แบดเจอร์…ชาติก่อนฉันมีความแค้นกับเธอเหรอ เธอล่วงเกินอะไรเข้ากันแน่..

“พวกนั้นเป็นคนของพันธมิตรอู๋เว่ย” ชายผมยาวมองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยปาก

“โอ้…เหมือนจะเป็นงั้น…” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มกระอักกระอ่วน

“ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อกี้พวกนั้นเรียกเธอว่าผู้นำพันธมิตร” ชายผมยาวราวกับครุ่นคิด

“อา…หมายถึงผู้นำประตู[1]…” เยี่ยหวันหวั่นรีบอธิบาย “คุณอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดเชียว…ฉันขายประตู ธุรกิจยังไม่เลวด้วย…เลยมีชื่อเล่นว่าผู้นำประตูน่ะ…”

“ขายประตู?” ชายผมยาวชะงักเล็กน้อย

“ใช่ๆๆ ขายประตูนี่แหละ ประตูเหล็ก ประตูไม้…ประตูกระจก ขายประตูทุกรูปแบบ…” เยี่ยหวันหวั่นรีบพยักหน้า

“ท่านหมา ฉันไปได้หรือยัง…” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มด้วยสีหน้าเอาใจเต็มเปี่ยม

แม่มเอ๊ย ผู้ชายตรงหน้านี้คือบอสที่น่ากลัวที่สุดของรัฐอิสระจริงๆ กระบวนท่าเดียวทำแบดเจอร์ช่วงยุคทองหมอบราบ แค่คนเดียวเกือบทำลายล้างตระกูลเก่าแก่ในโลกลับหนึ่งทั้งตระกูล

ตอนนั้นแบดเจอร์จองหองถึงขั้นไหนกันแน่ แม้แต่บอสที่น่ากลัวแบบนี้ยังกล้ายั่วยุตามอำเภอใจ…

ว่ากันว่า ตอนนั้นแบดเจอร์นัดดวลอย่างยุติธรรมกับเจ้าสวะหมา แต่กลับแอบซุ่มยอดฝีมือของพันธมิตรอู๋เว่ยไว้ไม่น้อย…หลังถูกเจ้าสวะหมาทำแพ้ราบคาบก็สั่งให้ยอดฝีมือของพันธมิตรอู๋เว่ยปรากฏตัวแล้วรุมโจมตีเจ้าสวะหมา…

เพียงแต่ยอดฝีมือของพันธมิตรอู๋เว่ยพวกนั้น สุดท้ายต่างถูกเจ้าสวะหมาอัดโหดในหมัดเดียว ตายและบาดเจ็บกันยับเยิน

———————————————————————————————-

บทที่ 1316 ช่วงนี้สุขสบายดีไหม

เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นแทบอยากอยู่ห่างจากชายผมยาวหน้าตาดีคนนี้ยิ่งไกลยิ่งดีใจจะขาดแล้ว

“เธอไม่ใช่ผู้นำพันธมิตรจริงๆ” เจ้าสวะหมาจ้องเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ ท่านจอมยุทธ พวกเราเปลี่ยนเรื่องกันดีไหม…

“ฉันเป็นแค่คนขายประตูคนหนึ่งจริงๆ …ท่านจอมยุทธ คุณลองคิดดู ถ้าฉันเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย งั้นทำไมคนจากพันธมิตรอู๋เว่ยถึงต้องมาฆ่าฉันด้วย?” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอธิบาย

ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ชายผมยาวผงกหัวน้อยๆ คำพูดนี้ก็มีเหตุผลอยู่หน่อย คนของพันธมิตรอู๋เว่ยภักดีผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยมาตลอด

“เธอชื่ออะไร” ชายผมยาวเอ่ย

“ฉัน…ฉันชื่อเยี่ยหวันหวั่น” เยี่ยหวันหวั่นตอบความจริง

“อี้สุ่ยหาน” พูดจบชายผมยาวก็หันตัวจากไป

“จอมยุทธหานเดินดีๆ …วันไหนประตูในบ้านพังมาหาฉันนะ…” หลังมองส่งอี้สุ่ยหานจากไป เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยถอนหายใจโล่งอก

ที่แท้เจ้าสวะหมาก็ชื่ออี้สุ่ยหาน…ชื่อนี้ กลับค่อนข้างมีอารมณ์ของกวีอยู่

ไม่นานเยี่ยหวันหวั่นก็ออกจากคาสิโน กลับคฤหาสน์ตัวคนเดียว

เรื่องคืนนี้สาดน้ำเย็นใส่หัวเยี่ยหวันหวั่นแล้วก็ทำให้เธอเริ่มเข้าใจสภาพที่แท้จริงของพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว

หลังลูกนอกสมรสของผู้อาวุโสสามยั่วยุตัวเองแล้วถูกเป่ยโต่วโยนลงจากชั้นสี่ เธอก็เผชิญกับการไล่ฆ่าจากพันธมิตรอู๋เว่ยแทบจะในทันที

ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าเรื่องการไล่ฆ่านี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสสาม

ภายในพันธมิตรอู๋เว่ย ไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่เธอจินตนาการแม้แต่น้อย ชีซิงเป็นแค่ปราการด่านแรกสุด ที่ทำให้เยี่ยหวันหวั่นปวดหัวจริงๆ ก็คือพวกตาแก่ที่มีพลังและอำนาจของพันธมิตรอู๋เว่ยพวกนั้น

ถ้าตัวเธอไม่สามารถนั่งตำแหน่งผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยได้อย่างแท้จริง เกรงว่าคงได้ตายอนาถยิ่ง

ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นไม่มีทางเดินที่สองให้เดินนานแล้ว

อยากหาคนในรัฐอิสระแทบเป็นจริงไม่ได้ แต่ถ้ายืมอำนาจของพันธมิตรอิสระมาใช้ตามหาซือเยี่ยหาน ก็ไม่น่าจะยากเย็นเกินไป

แต่สำหรับตอนนี้แล้ว เธอโยกย้ายอำนาจศูนย์กลางของพันธมิตรอู๋เว่ยไม่ได้แม้แต่น้อย ดังนั้นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ของเยี่ยหวันหวั่น ก็มีแต่ต้องนั่งตำแหน่งผู้นำพันธมิตรที่แท้จริง ไม่งั้นทั้งหมดก็สูญเปล่า

“ซือเยี่ยหาน…” เยี่ยหวันหวั่นพึมพำในลำคอ

เช้าตรู่วันถัดมา เยี่ยหวันหวั่นมาถึงพันธมิตรอู๋เว่ยแต่เช้า

“พี่เฟิง เมื่อคืน…”

เป่ยโต่วเดินเข้ามาในห้องทำงานของเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าสงสัยหนักหน่วง

ไม่ใช่ว่าเขาเล่นพิชิตแลนลอร์ดไม่เป็น แต่…เงินของเจ้าสวะหมา เขาไม่กล้าเอาชนะมาจริงๆ …

เดิมทีเป่ยโต่วคิดอยากอธิบายบางอย่าง แต่ไม่รอให้เขาพูด เยี่ยหวันหวั่นกลับเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ไปเรียกตาเฒ่าพวกนั้นมาให้ฉัน”

“อา…” ได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น เป่ยโต่วชะงักเล็กน้อย ตาแก่พวกนั้น…เขาจะไปเชิญมาได้ยังไง

“บอกว่าฉันมีธุระกับพวกเขา” ไม่ให้โอกาสเป่ยโต่วเอ่ยปาก เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย

“งั้น…ก็ได้ ผมไปลองเรียกดู” เป่ยโต่วพยักหน้าก่อนหมุนตัวจากไป

แต่เป่ยโต่วเพิ่งออกไปก็กลับมีคนเข้ามาอีก “พี่เฟิง…ดูเหมือนไม่ต้องให้ผมไปเชิญ…พวกเขาก็มาเองแล้ว”

เมื่อสิ้นเสียงของเป่ยโต่ว ชายชราสิบกว่าคนก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของเยี่ยหวันหวั่นช้าๆ

มองชายชราเหล่านี้ตรงหน้า เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่รู้จักสักคน…ใครคือผู้อาวุโสสามกันแน่

เยี่ยหวันหวั่นหยิบเอกสารฉบับหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาอย่างวางท่าในทันที เธอจ้องเอกสารในมือพลางเอ่ยยิ้มเย็นอย่างไม่เงยหน้า “ผู้อาวุโสสาม ช่วงนี้สุขสบายดีไหม”

ทันทีที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ชายชราสวมสูทดำ ผมขาวโพลนผู้หนึ่งก็พลันขึ้นหน้ามา จากนั้นมองเยี่ยหวันหวั่นพลางหัวเราะเบาๆ “ขอบคุณผู้นำที่เป็นห่วง ช่วงนี้ก็พอใช้ได้”

…………………………………………

[1] คำว่าผู้นำพันธมิตร (เหมิงจู่) ออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่า ผู้นำประตู (เหมินจู่)