ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****257:**พบกับหญิงสาวที่งดงามทั้งสองอีกครั้ง

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาดีใจมาก “ยอดเยี่ยม ส่งคนเพื่อไปรวบรวมมันมาดีไหม? อืม ข้าจะไม่รับสิ่งของพวกนี้โดยเปล่าแน่นอน ข้าจะใช้หินจิตวิญญาณระดับต่ำแลกกับอุปกรณ์วิเศษและหินจิตวิญญาณระดับกลางแลกกับสมบัติวิเศษ แลกกันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง!”

สำหรับเอ๋าเทียนที่ได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจไปชั่วขณะ จากนั้นเขากล่าวด้วยความสับสน “ฝ่าบาท สิ่งของพวกนี้ล้วนแต่เป็นของที่ไม่มีใครต้องการ อีกทั้งมีมากกว่าล้านชิ้น ท่านคิดว่ามันไม่เพียงพองั้นหรือ?”

ซ่งจงยิ้มพร้อมกับคิดกับตนเอง ‘แน่นอนว่ามันไม่พอ ไม่ว่าจะมีเท่าไหร่ก็คงไม่เพียงพอสำหรับมิติลึกลับที่พร้อมจะแยกมันออกจากกัน ข้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ข้าร่ำรวย!’ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเปิดเผยความลับของมิติลึกลับของตนเองได้ เขาเผยรอยยิ้มอย่างลึกลับพร้อมกล่าวว่า “มั่นใจเถิดอาวุโสเอ๋า ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์กับข้าอย่างมาก ไม่ต้องกล่าวถึงภูเขาเล็ก ๆ ข้าใช้เวลานานหลายปีเพื่อภูเขาเหล่านี้สิบลูก!”

หลังจากที่เอ๋าเทียน เหล่าเฟิงและเหลยซานเอ๋อได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่งจงกำลังคิดอยู่แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม เหลยซานเอ๋อนั้นไม่ได้คิดจะยุ่งกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น หลังจากที่นางได้ยินซ่งจงกล่าวว่าเขาจะใช้หินจิตวิญญาณเพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกมัน นางจึงกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี “พี่ชายน้อย ข้านั้นมีสิ่งเหล่านั้นมากมายเช่นกัน ท่านช่วยแลกเปลี่ยนมันไปด้วยหินจิตวิญญาณได้หรือไม่? ซึ่งมันสามารถทำเงินให้กับข้าได้จำนวนมาก!”

“ฮ่าฮ่า!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับโบกมือ หลังจากนั้นเกิดเป็นหินจิตวิญญาณขนาดเทียบเท่ากับภูเขาลูกเล็ก ๆ อยู่ในห้องโถง

ซ่งจงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “สถานที่แห่งนี้ใหญ่ไม่พอข้าจึงไม่สามารถเอาหินจิตวิญญาณออกมามากกว่านี้ได้ ถือว่าเป็นการค้าขาย ถ้าหากเจ้ามีชิ้นส่วน นำมันมาให้กับข้าและไม่ต้องกลัวว่าข้าจะไม่มีหินจิตวิญญาณเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยน!”

ซ่งจงกล่าวออกไปอย่างภูมิใจ ในความจริงแล้วเขาสามารถทำได้อย่างที่พูดจริง ๆ นับตั้งแต่เขามีมิติลึกลับ เขาสามารถแยกชิ้นส่วนของอุปกรณ์ที่แตกหักต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไร หินจิตวิญญาณได้รับการกลั่นมาจากพวกมัน เหล่าวัสดุที่แยกออกมาได้นั้นเป็นเพียงผลกำไรเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหินจิตวิญญาณ

แม้ว่าจะมีน้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าและหอคอยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังมีหินจิตวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้น แรกเริ่มนั้นพวกมันนั้นเป็นเพียงหินจิตวิญญาณระดับต่ำ แต่หลังจากที่ผ่านไปสามปี มิติลึกลับได้พัฒนาขึ้นจากหินจิตวิญญาณระดับต่ำกลายเป็นหินจิตวิญญาณระดับกลาง หลังจากนี้อีกสิบปี พวกมันจะกลายเป็นหินจิตวิญญาณระดับสูง

อย่างไรก็ตาม หินจิตวิญญาณระดับสูงนั้นเกิดขึ้นได้ยาก นับตั้งแต่ซ่งจงได้ใช้หอคอยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ มีหินจิตวิญญาณระดับสูงเพียงไม่กี่ก้อนเท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้น อย่างไรก็ตามเขายังมีหินจิตวิญญาณระดับต่ำและระดับกลางจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิดที่จะเติมภูเขาเงินของเขาด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ให้มากที่สุด เมื่อวันเวลาผ่านไปซ่งจงเองก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นครอบครองหินจิตวิญญาณจำนวนมาก เขารู้เพียงแค่เขามีหินจิตวิญญาณสูงเท่าภูเขาหลายพันฟุต

ซ่งจงนั้นไม่เคยมีโอกาสได้นับจำนวนหินจิตวิญญาณของตนเองสักครั้ง ตอนนี้เขามีโอกาส แน่นอนว่าเขาจะทำมัน หินจิตวิญญาณนั้นไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไปแล้วเพราะเขามีมันมากเกินกว่าที่เขาต้องการ แต่ถึงอย่างไรมันก็ถือเป็นสมบัติที่เขาต้องการมากที่สุด สุดท้ายแล้วเขาจะมีทั้งหินจิตวิญญาณและวัสดุมากมาย เมื่อเห็นว่าซ่งจงนั้นใจกว้างมากเพียงใด เอ๋าเทียนและเหล่าเฟิงได้แต่ตกใจ สำหรับเหลยซานเอ๋อนั้นนางปรบมืออย่างตื่นเต้น “ฮ่า ยอดเยี่ยม! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพี่ชายน้อยจะร่ำรวยมากเพียงนี้! ข้าจะให้คนนำของมาส่งให้ทันที!” เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น นางหยิบขนนกสายฟ้าออกมาพร้อมเขียนถ้อยคำบางอย่างลงไปและส่งมันออกไปทันที แน่นอนว่ามันจะต้องกลับไปที่เกาะอินทรีย์สายฟ้า

เมื่อเหล่าเฟิงเห็นว่าเหลยซานเอ๋อทำอะไร เขานั้นถูกล่อลวงอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วจะไม่มีใครบ่นเพราะมีหินจิตวิญญาณมากเกินไป ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่พวกเขามีล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และมันดีมากถ้าหากเปลี่ยนมันเป็นหินจิตวิญญาณได้

ด้วยเหตุนี้เหล่าเฟิงเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาทน้อย ถ้าหากท่านต้องการมันจริง ๆ ข้านั้นมีอุปกรณ์เหล่านี้อยู่ในเกาะของตนเองเช่นกัน!”

โดยไม่ต้องรอซ่งจงตอบกลับ เอ๋าเทียนโบกมือและกล่าวว่า “เหล่าเฟิงอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้จะดีกว่า!”

เอ๋าเทียนมองไปที่ซ่งจงพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท มีหลายสิ่งในทะเลตะวันออก เพียงแค่ชิ้นส่วนพวกนี้ข้านั้นครอบครองมันมากมายจนนับไม่ถ้วน มันเป็นเพียงของเล่นของลูกชายข้านับร้อย ข้ากล้ารับประกันได้ว่ามันมากกว่าร้อยเท่าที่ท่านได้เห็นที่นี่ ซึ่งสามารถนำไปใช้ฟรี ๆ ได้เท่าที่ท่านต้องการ เหตุใดท่านจึงต้องใช้จ่ายด้วยเล่า?” เห็นได้ชัดว่าเอ๋าเทียนนั้นกำลังเป็นห่วงซ่งจง

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาเผยยิ้มพร้อมกล่าวออกมา “ท่านมีลูกชายนับร้อยเลยงั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่า ข้ามีเพียงร้อยคนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ แต่ความจริงนั้นมีเท่าไหร่ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ข้ามีลูกมากมายเหลือเกิน!” เอ๋าเทียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “พวกเขานั้นเป็นหัวหน้าเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ถ้าหากเขาไม่ได้มีลูกน้องนับพัน ข้าก็คงไม่สนใจพวกเขา!”

ซ่งจงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสหายผู้นี้จะเป็นมากเพียงนี้ เขามีลูกชายมากมาย อีกทั้งใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความภูมิใจ

เมื่อเหล่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ฝ่าบาทน้อย หลักร้อยนั้นไม่ได้ถือว่ามากมายนัก อสูรกายดังเช่นพวกเรานั้นมีช่วงชีวิตที่ยาวนานและเป็นธรรมดาที่จะมีบุตรมาก อาวุโสเอ๋านั้นมีอายุมากกว่าแปดพันปีจึงไม่แปลกที่เขาจะมีลูกมากมายเช่นนี้!”

ซ่งจงเข้าใจทุกอย่างทันที มนุษย์มีอายุได้เพียงไม่กี่ร้อยปีและสามารถมีลูกได้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น สำหรับเอ๋าเทียนนั้นมีอายุมากกว่าแปดพันปีจึงไม่แปลกที่เขาจะมีบุตรนับร้อย

เมื่อคิดเช่นนี้ เขายิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “อาวุโสเอ๋าช่างโชคดียิ่งนัก อย่างไรก็ตามท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับชิ้นส่วนเหล่านี้ สำหรับเศษที่บุตรของท่านมี ข้าจะจ่ายอย่างสมน้ำสมเนื้อและไม่ทำให้พวกเขาขาดทุน ข้าไม่กล้ากล่าวมากมายนักแต่ว่าข้านั้นไม่เคยกังวลเกี่ยวกับหินจิตวิญญาณเลยแม้แต่น้อย ท่านไม่ต้องกังวล!”

เมื่อได้ยินซ่งจงกล่าวเช่นนั้น ในขณะที่เอ๋าเทียนไม่เข้าใจแต่เขาก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็ให้เป็นไปตามที่ฝ่าบาทต้องการ!”

เมื่อเห็นว่าเขายอมรับแล้ว ซ่งจงได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกจากนั้นกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้ท่านจัดการเรื่องนี้ ข้าจะให้หินจิตวิญญาณไว้ก่อนที่ข้าจะแยกออกไป ตราบใดที่มีคนรอแลกเปลี่ยนอยู่ที่นี่ ข้าก็จะสามารถแลกเปลี่ยนได้!”

“แยกตัวออกไป?” เอ๋าเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาถามออกมาอย่างงุนงง “ฝ่าบาทจะไปที่ใดกัน?”

“อือ!” ซ่งจงพยักหน้าและกล่าวต่อ “ข้าได้รับการยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้และไม่สามารถอดทนได้ ในเวลานี้ข้าไม่คิดไปไหนจนกว่าจะถึงขั้นที่ห้า!”

เอ๋าเทียนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและใบหน้าของเขาว่างเปล่า แต่เหล่าเฟิงและเหลยซานเอ๋อรู้ดีว่าซ่งจงนั้นต้องการแข็งแกร่งขึ้นเพราะจักรพรรดินี!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เอ๋าเทียนไม่รู้เหตุผลว่าเหตุใดซ่งจงจึงจะแยกตัวออกไป เขาก็ไม่คิดที่จะหยุดซ่งจงไว้ เขายิ้มและกล่าวว่า “เนื่องจากฝ่าบาทต้องการแยกตัวเพื่อเก็บตัวฝึกฝนนั้น ทาสผู้นี้จะปลดปล่อยน้ำสีดำบริสุทธิ์ให้กับท่าน ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่ดีอย่างยิ่ง!”

“ไม่ต้อง ไม่!” ซ่งจงโบกมือและกล่าวว่า “ท่านควรอยู่ที่นั่น การฝึกฝนของข้านั้นพิเศษมากและข้าไม่สามารถฝึกฝนภายในน้ำสีดำบริสุทธิ์ได้!”

“ว่าอะไร?” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขามึนงงทันที เอ๋าเทียนได้แต่ถามออกมาด้วยความสับสน “ฝ่าบาท ท่านไม่ใช่เต่าดำที่เป็นธาตุน้ำงั้นหรือ? จึงกล่าวออกมาว่ามันพิเศษกว่าผู้ใด?”

“ข้าคือธาตุน้ำ แต่นั่นไม่ใช่ทุกสิ่ง แม้ว่าการฝึกฝนของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่พื้นที่นั้น แต่ข้ามีบางสิ่งที่ดีกว่า ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” ซ่งจงเผยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ท่านเพียงเตรียมพื้นที่เงียบสงบและปลอดภัยให้ข้าก็พอ!”

เอ๋าเทียนนั้นรู้ดีว่าเคล็ดวิชาการฝึกฝนนั้นคือความลับของผู้ฝึกตน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าถามอะไรต่อ

จากนั้นเขาก้มหัวลงและกล่าวว่า “เช่นนั้นทาสผู้นี้จะไปเตรียมพร้อมสถานที่ที่ท่านต้องการให้เดี๋ยวนี้!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาเดินออกไป

เหล่าเฟิงที่เห็นเช่นนั้น เขารู้ดีว่าไม่ดีที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ดังนั้นเขาคุกเข่าลงและกล่าวลา เหลยซานเอ๋อไม่มีทางเลือกนางจึงยืนขึ้นอย่างหดหู่

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มและกล่าวว่า “แท้จริงแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกถ้าหากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกวันสองวัน!”

ในขณะที่เหลยซานเอ๋อได้ยินเช่นนั้น นางกระโดดด้วยความตื่นเต้น “จริงหรือ ยอดเยี่ยมไปเลย! ข้าสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้?”

“แน่นอน ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของเจ้าเช่นกัน ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่นี่หรือไม่ เจ้าสามารถมาที่นี่และเล่นทุกอย่างได้!” ซ่งจงตอบด้วยรอยยิ้ม สำหรับนางแล้วซ่งจงรู้สึกคุ้นเคยกับนางมากขึ้น นางนั้นเปรียบเสมือนน้องสาวที่น่ารักของเขา

เหล่าเฟิงที่เห็นเอ๋าเทียนออกไปแล้ว มีเพียงซ่งจงและเหลยซานเอ๋อเท่านั้น ดังนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพื่อไม่ให้ถูกดูหมิ่น เขาทำได้เพียงหัวเราะอย่างขื่นขมและบอกซ่งจงว่าเขาต้องการไปรวบรวมชิ้นส่วนอุปกรณ์เพื่อแลกเปลี่ยนกับหินจิตวิญญาณ

เมื่อเห็นว่าเขาจะออกไป ซ่งจงจึงแอบไปส่งเขาเป็นการส่วนตัวและปล่อยให้เหลยซานเอ๋อเล่นอยู่ในวังวารีบริสุทธิ์

ชีวิตของซ่งจงนั้นเป็นสุขได้เพียงไม่กี่วัน หลังจากนี้เหล่าอสูรกายมากมายที่รู้ข่าวต่างนำชิ้นส่วนอุปกรณ์มาส่งให้เขาถึงที่จากทุกสารทิศ

ซ่งจงนั้นใจกว้างอย่างมาก เขาใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย นอกจากนั้นเขาไม่ได้แสดงตัวว่าเหนือกว่าผู้ใดและสามารถเข้ากับทุกคนได้อย่างดี ดังนั้นเหล่าอสูรกายมากมายจึงมอบความรักให้กับเขาอย่างล้นเหลือ ผู้คนจำนวนมากมาเยี่ยมเขา นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยน พวกเขาเหล่านั้นไม่ลืมที่จะมีของขวัญติดมือมาฝากเจ้าชาย ซึ่งในของขวัญเหล่านั้นมีสมบัติล้ำค่าจากสวรรค์อีกด้วย

ในตอนแรกซ่งจงนั้นยินดีที่ได้พบกับพวกเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนเริ่มมากขึ้นและเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย เขามอบหินจิตวิญญาณไว้ให้กับเอ๋าเทียน จากนั้นเขาเก็บตัวเข้าสู่ความสันโดษพร้อมกับสมบัติล้ำค่า สถานที่ของเขานั้นเป็นพื้นที่ปิดกว้างกว่าร้อยฟุต ค่ายกลมากมายถูกวางไว้ด้านนอกถือได้ว่าปลอดภัยอย่างมาก อย่างไรก็ตามซ่งจงนั้นหยิบระฆังทองแดงออกมาและซ่อนบอลสีดำไว้ในมิติลึกลับเพื่อเป็นมาตรการป้องกันฉุกเฉิน จากนั้นเขาจึงเดินเข้าสู่มิติลึกลับของตนเอง

เมื่อซ่งจงเข้ามา เขาพบกับซูหยู่และซูหยุนที่หลบซ่อนอยู่ภายในนี้ สองสามวันนี้ที่ซ่งจงไม่ได้เข้ามา เขาส่งข้อความมาบอกทั้งสองคนว่าไม่ต้องกังวล

ในตอนนี้ซูหยู่และซูหยุนต่างรับรู้เรื่องประหลาดของซ่งจงแล้ว หลังจากที่ได้พบกับเขาอีกครั้ง ทั้งสองไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดนอกจากดวงตาที่เปล่งประกายออกมา

เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “ข้าไม่ได้พบพวกเจ้าเพียงไม่กี่วัน จำข้าไม่ได้แล้วงั้นหรือ?”

“หลังจากที่ไม่ได้พบเจ้าสองสามวัน เจ้าเปลี่ยนจากผู้ฝึกตนมนุษย์เป็นเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออกแล้ว!” ซูหยู่และซูหยุนกล่าวออกมาอย่างทุกข์ใจ “พวกเราสองพี่น้องจะกล้าจดจำเจ้าได้อย่างไร!”

“นี่มันเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้นไม่ใช่หรือ?” ซ่งจงรีบกล่าว “แน่นอนว่าตาเฒ่าเฟิงนั้นต้องวางกับดักชิ้นใหญ่ไว้รอข้า ถ้าหากข้ากลับไปในตอนนี้ แน่นอนว่าข้าจะต้องพบกับปัญหา แทนที่จะต้องไปพบเจอกับความเสี่ยงเหล่านั้น ทำไมข้าจึงไม่อยู่ที่นี่เพื่อเข้าสู่ระดับจินตันเสียก่อน ในเวลานั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวตาเฒ่าเฟิงเพราะว่าข้ามีภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า!”

“แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าสู่ระดับจินตัน การเผชิญหน้ากับระดับจินตันนั้นจำเป็นต้องมีปราณจิตวิญญาณที่แน่นหนามากพอ!” ซูหยู่และซูหยุนกล่าวออกมาอย่างกังวล “ในขณะที่เจ้ากำลังโดดเด่นราวกับดาวตก อีกทั้งยังเด็กอยู่ แต่ความแข็งแกร่งของสภาพจิตใจของเจ้าอาจจะยังไม่มากพอและไม่อาจข้ามผ่านระดับจินตันได้!”

“ฮ่าฮ่า เจ้าสองคนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวอย่างภูมิใจ “ข้าสามารถเข้าสู่ระดับจินตันภายในสิบปีแน่นอน!”

“จริงหรือ?” สำหรับซูหยู่และซูหยินที่ได้ยินเช่นนั้น พวกนางกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกเราสามารถรอได้!”

“แน่นอน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ข้าโกหกพวกเจ้า!” ซ่งจงเผยยิ้มออกมา

“อือ!” ซูหยู่และซูหยุนหยักหน้าและเผยยิ้มออกมา “หากเป็นเช่นนั้น เราสามารถรอได้ ในความจริงแล้วสถานที่แห่งนี้มีปราณจิตวิญญาณมากอย่างไม่น่าเชื่อและเหมาะกับเราอย่างยิ่ง ที่แห่งนี้มีดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าอีกด้วย สวรรค์ สมบัติเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสมบัติในตำนาน! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าจะมีพวกมันอยู่ในนี้!”

“ฮี่ฮี่ มันเป็นเรื่องของโชคลาภเท่านั้น!” ซ่งจงยิ้มออกมา “ที่นี่มีดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้า ซึ่งพวกเจ้าสามารถกินมันได้ น้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าอยู่ตรงนี้ ถ้าหากพวกเจ้าต้องการก็สามารถดื่มมันได้!”

“โอ!” หลังจากที่ซูหยู่และซูหยุนได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “พวกเราจะสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน!”

“พวกเจ้าทั้งสองคนยินดีที่จะตามข้าไปสู่ความตาย เจ้าไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรนัก!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างมีอารมณ์ “เราสามารถเห็นความจริงใจเมื่อพบกับปัญหา ในขณะที่ภรรยาของข้ายังสามารถทิ้งข้าได้ แต่พวกเจ้ากลับยืนอยู่ด้านหลังของข้า แน่นอนว่าข้าจะดูแลพวกเจ้าทั้งสองด้วยทุกสิ่งที่ข้ามีและในอนาคตข้าจะมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านี้!”

หลังจากซูหยู่และซูหยุนได้ยินว่าซ่งจงกล่าวอะไร ทั้งสองสัมผัสได้ทันที ใบหน้าของทั้งสองแดงเรื่อขึ้นมาและกล่าวอย่างเขินอาย “พวกเราเพียงแค่ต้องการตอบแทนที่เจ้าเคยช่วยชีวิตพวกข้าไว้!”

“ฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้ช่วยพวกเจ้าไว้เท่านั้น ข้าช่วยตาเฒ่าพิษและหินแต่พวกเขาก็ยังทิ้งข้าไป?” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องคิดฝันถึงผลประโยชน์อะไรจากข้า สักวันข้าจะสั่งสอนบทเรียนนี้ให้กับพวกเขาอย่างสาสม!”

เมื่อเห็นซ่งจงกัดฟันอย่างโกรธแค้น ซูหยู่และซูหยุนตกใจไปชั่วขณะพร้อมกล่าวว่า “แม้ว่าหินจะทำไม่ถูก แต่ในสถานการณ์เช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นโปรดเมตตากับเขาด้วยเถิด พวกข้าขอร้อง!”