ภาคที่ 31 ขั้นอลวน ตอนที่ 41 ชุดเกราะเกล็ด

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 41 ชุดเกราะเกล็ด โดย Ink Stone_Fantasy

บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดก็ต้องยอมรับว่าต่อให้ระดับขั้นอย่างพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าความรู้สึกหลงใหลสายแล้วสายเล่าโจมตีดวงวิญญาณของพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องแบ่งพลังจิตส่วนน้อยไปต้านทานเขตลวง

“ตอนนี้ก็สามารถส่งผลกระทบมาถึงพวกเราได้ ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงเขาสามารถอาศัยวิถีโลกเทียมสำเร็จเป็นเทพจักรวาลได้ เช่นนั้นเขตลวงของเขาก็น่ากลัวเสียแล้ว ถึงเวลานั้นก็ต้องเป็นพวกเราที่ต่างก็ต้องแบ่งพลังจิตไปต้านทานเสียแล้วกระมัง” บรรพชนทิพย์ถ่ายเสียงพูด ราชันย์มีดก็เห็นด้วยเทพจักรวาลทางด้านวิถีโลกเทียมคนหนึ่ง การสังหารซึ่งหน้าอาจจะไม่ร้ายกาจพอ แต่ว่าท่ามกลางการต่อสู้ของเทพจักรวาลจำนวนมาก อาศัยเขตลวงมาส่งผลกระทบต่อศัตรูก็สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมหาศาลทีเดียว

“ฝีมือในการต่อต้านวิญญาณของเขายังบริสุทธิ์ตรงไปตรงมายิ่งกว่าภาพจิตเสียอีก” ราชันย์มีดพูด เจ้าลัทธิภาพจิตเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

พวกเขาสองคนสนทนาไปพลาง ก็เดินไปถึงยังเบื้องหน้าของมารผลาญทำลายเกราะทองสองตนที่กำลังหลับสนิท มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนนี้ต่างก็ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนย้ายมาพร้อมกัน แต่เข้ามาในเขตลวงก็คือการสังหารพวกเขา พวกเขาล้วนเต็มใจยอมรับความตายโดยไม่ตื่น

นี่คือการจมดิ่งอย่างสิ้นเชิง

มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนตรงหน้าแผ่กลิ่นอายผลาญทำลายอันชั่วร้ายออกมา แต่รูปลักษณ์ก็ยังคงปลอมแปลงเป็นรูปลักษณ์ของผู้บำเพ็ญเช่นเดิม

“สวบ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวไปอีกด้านหนึ่งเพื่อรับรางวัลของการคว้าชัยในสงคราม ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็ถูกชุดเกราะเกล็ดที่ ‘แม่ทัพโม่กู่’ ทิ้งเอาไว้ชุดนั้นดึงดูดอย่างมิอาจควบคุมตนเองได้  เดิมทีเขายังโชคดี… สุดท้ายก็ได้รับสิ่งของที่มารผลาญทำลายเกราะทองเหลือทิ้งเอาไว้! มารผลาญทำลายเกราะทองต่างก็สามารถเปลี่ยนแปรกลายเป็นพลังทำลายล้างอันชั่วร้ายได้ ดังนั้นหลังจากตายไปแล้ว โดยทั่วไปต่างก็สูญสลายไปจนหมดสิ้น

มีเพียงไม่กี่ตนที่น้อยยิ่งกว่าน้อยจึงจะมีชิ้นส่วนร่างกายหลงเหลืออยู่ โดยทั่วไปต่างก็สามารถขายได้เป็นราคาสูงลิบลิ่ว

“หืม” พร้อมกันนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถูกเกราะเกล็ดสีทองอันละเอียดประณีตนี้ดึงดูดเอาไว้ บนชุดเกราะเกล็ดมีประกายวับๆ แวมๆ กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญวิชาลับผู้ท่องไปถึงระดับขั้นที่ห้าสิบแล้ว ทั้งยังเจาะลึกความเร้นลับของห้วงอากาศมากมายเป็นระยะเวลายาวนานในทางเดินโลกาพิศวง บวกกับสำเร็จภาพวาดภาพที่สองและภาพวาดภาพที่สามของ ‘ภาพวาดทั้งสี่ของจักรพรรดิเก้าเมฆา’ เขาล้วนบำเพ็ญไปถึงระดับที่สูงส่งล้ำลึกเป็นที่สุดแล้วทั้งสิ้น

ในขณะนี้เมื่อมองดูชุดเกราะเกล็ด โดยเฉพาะประกายรางๆ บนชุดเกราะเกล็ด สอดแนมดูความเร้นลับของ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ ภายในนั้นออกมาในทันใด

“ดูเหมือนว่าจะแปลงให้ง่ายและตรงไปตรงมายิ่งกว่าภาพวาดภาพที่สองของจักรพรรดิเก้าเมฆาเสียอีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ถึง ‘ความงดงามอันเรียบง่าย’ ชนิดหนึ่ง

เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุที่จักรพรรดิเก้าเมฆาคิดค้นขึ้นนั้นซับซ้อนนัก

ชุดเกราะเกล็ดชุดนี้…

กลับ ‘เรียบง่ายตรงไปตรงมา’ อย่างแท้จริง

“เด็กดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต็มตาขึ้นมาในทันที เขาเข้าใจว่าเขาต้องการเวลาในการสำรวจชุดเกราะเกล็ดที่เหลือทิ้งเอาไว้ชุดนี้ให้ดีๆ! สำหรับเขาแล้วชุดเกราะเกล็ดมิได้เอาไว้ขายให้ได้เป็นศิลาปฐมโลกามา เหมาะสำหรับเอาไว้ให้เขาสำรวจหาความเร้นลับที่ซ่อนเร้นเอาไว้มากกว่า

นี่ก็คือระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์

ทั้งหมดจำเป็นต้องสำรวจความเร้นลับอันเป็นแก่นสำคัญที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง

“เสวี่ยอิง” เงาร่างสายหนึ่งส่งเสียงดังขึ้นข้างหู

“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจจนสะดุ้งตัวลอย มองเห็นบรรพชนห้วงอากาศที่อยู่ด้านข้าง

บรรพชนห้วงอากาศอาภรณ์ดำผมเขียว มองชุดเกราะเกล็ดชุดนี้ด้วยดวงตาเปล่งประกาย เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “ด้วยระดับขั้นของเจ้า เจ้าควรจะมองความเร้นลับของห้วงอากาศที่แฝงอยู่ภายในชุดเกราะเกล็ดชุดนี้ออกกระมัง ว่าเป็นทิศทางที่ไม่เหมือนกับวิชาลับผู้ท่องที่ข้าคิดค้นขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง ประสบความสำเร็จในวิชาลับผู้ท่องของข้าอย่างยิ่งใหญ่สมบูรณ์แบบ จึงจะสามารถไปถึงขั้นสุดยอดของการกลายเป็นอากาศธาตุได้ และดูเหมือนว่ามันจะกระชับกว่าสิ่งที่ข้าตระหนักรู้มากมายเหลือเกิน ความกระชับและงดงามเช่นนั้นช่างวิเศษยิ่งนัก ชุดเกราะเกล็ดนี้ ข้ารู้ว่าเจ้า เสวี่ยอิง จะต้องหยั่งรู้ได้แน่ นี่คือรางวัลของการคว้าชัยในสงครามของเจ้า ข้าไม่บังคับหรอกนะ แต่พอถึงเวลาที่ร่างแปรของข้าไปยังวังทวีสูญของเจ้า เจ้าจะต้องให้ข้าหยั่งรู้ดูด้วยกัน”

“ข้าจะหยั่งรู้พร้อมกันกับท่านอาจารย์ ถึงเวลานั้นเกรงว่ายังต้องการให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะข้าด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ

บรรพชนห้วงอากาศมีระดับขั้นเช่นไร

บรรพชนที่คิดค้น ‘วิถีผู้ท่องอากาศ’ ขึ้นมา การหยั่งรู้ย่อมต้องล้ำเลิศ ก็ย่อมมองออกถึงความไม่ธรรมดาของชุดเกราะเกล็ดในปราดเดียวอยู่แล้ว แม้กระทั่งวิถีผู้ท่องอากาศนั้นเดิมทีก็เชี่ยวชาญการกลายเป็นอากาศธาตุอยู่แล้ว บรรพชนห้วงอากาศก็ไปถึง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือจักรพรรดิเก้าเมฆา ต่างก็ตระหนักรู้เคล็ดวิชาการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด แต่พูดถึงระดับความกระชับของเคล็ดวิชา

ความลึกลับบนชุดเกราะเกล็ดชุดนี้จึงจะกระชับมากที่สุด รองมาเป็นเคล็ดวิชาที่จักรพรรดิเก้าเมฆาหยั่งรู้ก็กระชับมากเช่นกัน สุดท้ายจึงจะเป็นวิชาลับผู้ท่องที่บรรพชนห้วงอากาศคิดค้นขึ้น

ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็เห็นด้วยอย่างยินดียิ่ง เพราะว่าสิ่งที่บรรพชนห้วงอากาศสำรวจนั้นเกรงว่าจะล้ำลึกยิ่งกว่าเขา พอถึงเวลานั้นเกรงว่ายังจะสามารถช่วยเหลือเขาได้อีกด้วย

“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือไปรับชุดเกราะเกล็ดมาในทันใด

“ตงป๋อเสวี่ยอิง” บรรพชนทิพย์เอ่ยปาก

ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนห้วงอากาศต่างก็เดินเข้าไป

ภายใต้เขตลวง บรรพชนห้วงอากาศก็ยังจำเป็นต้องแบ่งพลังจิตออกเป็นสองสามส่วนเพื่อต้านรับ จึงอดที่จะมองตงป๋อเสวี่ยอิงพลางพูดยิ้มๆ มิได้ “เสวี่ยอิง ถ้าหากเจ้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาลด้วยวิถีโลกเทียม ภายใต้เขตลวงของเจ้า เกรงว่าพลังยุทธ์ของข้าคงจะไม่เหลืออะไรเลย”

“การสำเร็จเป็นเทพจักรวาลนั้นยากเย็นยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“ตงป๋อเสวี่ยอิง เจ้าสอบปากคำพวกเขาสองคนเสีย” บรรพชนทิพย์ชี้ไปทางมารผลาญทำลายเกราะทองที่กำลังหลับสนิทสองตนนั้น “พวกเขาพากันผ่านทะลุป้อมปราการอากาศได้อย่างไร ที่แท้แล้วมีความลับอันใดกันแน่”

“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าแล้วเริ่มต้นไต่สวนผ่านเขตลวงในทันที

ถึงแม้ว่ามารผลาญทำลายเกราะทองสองตนนี้จะถูกจับเป็นมา แต่การไต่สวนนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างยิ่ง เพราะว่าวิญญาณของพวกเขาทั้งสองนั้นต่างก็แกร่งกล้าอย่างยิ่ง คิดจะบังคับตรวจค้นวิญญาณอย่างนั้นหรือ เกรงว่าทำได้เพียงแค่สืบหาข้อมูลไม่เป็นชิ้นเป็นอันบางอย่างเท่านั้น วิญญาณก็คงจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว

เขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นสามารถชี้นำภายในเขตลวงได้อย่างเงียบๆ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเปิดเผยออกมาได้

……

เวลาเคลื่อนผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า

บรรพชนทิพย์ ราชันย์มีด และบรรพชนห้วงอากาศ พวกเขาสามคนดูอยู่ข้างๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ควบคุมเขตลวงจงใจเหนี่ยวนำมารผลาญทำลายเกราะทองสองตนนี้ ไต่สวนหาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังนำข้อมูลที่มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนให้มาทำการเปรียบเทียบกันอีกด้วย แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็ค่อยๆ ประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไต่สวนเสร็จสิ้นแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงหันมาพูด

“เป็นอย่างไรบ้าง” บรรพชนทิพย์ ราชันย์มีด และบรรพชนห้วงอากาศต่างก็พูดอย่างกระตือรือร้น

พวกเขาอยากรู้มาโดยตลอดว่าที่แท้แล้วเหล่าฝูงมารผลาญทำลายทะลุผ่านป้อมปราการอากาศกันมาได้อย่างไร ต้องรู้สาเหตุ จึงจะสามารถคิดหาวิธีไปตอบสนองได้

ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยต่อไปว่า “ตั้งแต่ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองถือกำเนิดขึ้นมาก็มีพรสวรรค์กันไปต่างๆ นานา มีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเสน่ห์ มีผู้ที่เชี่ยวชาญเปลวเพลิง มีผู้ที่เชี่ยวชาญการควบคุมอากาศ…

ในบรรดานั้นก็มีมารผลาญทำลายเกราะทองสองตนที่มีพรสวรรค์อันน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด ในบรรดาฝูงมารผลาญทำลาย พรสวรรค์เช่นนี้ถูกเรียกว่า ‘ไร้เงา’ เมื่อใดที่สำแดงพรสวรรค์ก็จะสามารถรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับห้วงอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ พอถึงเวลานั้น นอกเสียจากว่าเคล็ดการโจมตีจะสามารถทำลายแก่นของห้วงอากาศได้ มิฉะนั้นก็ย่อมมิอาจทำร้ายพวกเขาได้เลย ในเมื่อพวกเขารวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับห้วงอากาศ นอกเสียจากว่าจะสามารถแยกออกจากแก่นของห้วงอากาศได้ มิฉะนั้นพวกเขาต่างก็สามารถทะลุผ่านได้อย่างง่ายดาย”

“อะไรนะ” บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดตกตะลึง

“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดหรือ” บรรพชนห้วงอากาศสีหน้าเยียบเย็น

“การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดอย่างนั้นหรือ” บรรพชนทิพย์ ราชันย์มีด และบรรพชนห้วงอากาศต่างก็เข้าใจแล้ว

จักรพรรดิเก้าเมฆาและบรรพชนห้วงอากาศต่างก็สามารถทำได้ถึงระดับขั้นที่สมบูรณ์อย่างสิ้นเชิงนี้ได้ พวกเขาก็ย่อมเข้าใจอยู่แล้ว แต่นี่ก็ยังยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง

ต้องรู้ไว้ว่าจักรพรรดิเก้าเมฆาพวกเขาสองคน ต่างก็เป็นเทพจักรวาลที่ประสบความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศ!

“แต่หนึ่งในฝูงมารผลาญทำลายที่มีพรสวรรค์ไร้เงาตายไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่มารผลาญทำลายเกราะทอง ทางด้านสภาพจิตใจและความปรารถนาค่อนข้างอ่อนแอ ติดกับอยู่ภายใต้เขตลวงของข้า ข้าเดาว่านี่ก็คือชิ้นส่วนร่างกายของเขา” พูดแล้วก็โบกมือคราหนึ่ง ด้านข้างก็มีเกราะเกล็ดสีทองอันละเอียดประณีตชุดนั้นปรากฏขึ้นมา

“การกลายเป็นอากาศธาตุหรือ” บรรพชนทิพย์และราชันย์มีดต่างพากันมอง

บรรพชนห้วงอากาศก็เอ่ยขึ้นว่า “ชุดเกราะเกล็ดชุดนี้แฝงไว้ด้วยความเร้นลับของ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ นี่ก็คือรางวัลของการคว้าชัยในสงครามของตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเจ้ามิอาจช่วงชิงไปได้ เขาเองก็รับปากจะให้ข้าไปดูการหยั่งรู้ด้วย”

“แน่นอนว่าข้าไม่ไปช่วงชิงอยู่แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ พวกเราจะชดเชยให้ก็ยังไม่ทันเลย” บรรพชนทิพย์พูดพลางชี้มารผลาญทำลายเกราะทองสองตนที่หลับสนิทนั้น “อีกประเดี๋ยวข้าจะผนึกวิญญาณของพวกเขาสองคน ทำให้พวกเขาสองคนไม่สามารถปลิดชีพตนเองได้ พวกเขาสองคนก็ให้ตงป๋อเสวี่ยอิงคุมขังเอาไว้ชั่วคราวก่อน มีสิ่งใดต้องการสอบถามก็ให้เจ้า ตงป๋อเสวี่ยอิงมาทำการไต่สวน”

“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

“เช่นนี้เจ้าก็มิอาจสังหารพวกเขาสองคนได้เป็นการชั่วคราว ก็เป็นความสูญเสียอย่างหนึ่งต่อเจ้า วางใจเถิด พวกเราก็จะจำกันไว้ ความดีความชอบของเจ้า ข้าย่อมไม่มีทางผิดต่อเจ้าแน่” บรรพชนทิพย์พูด “ยังมีอีก ข้าอาจจะส่งร่างแปรไปยังวังทวีสูญเป็นครั้งคราว เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็มิอาจซ่อนชุดเกราะเกล็ดนี้เอาไว้ จะต้องให้ข้าดูให้ดีๆ สักหน่อยล่ะ”

เป็นถึงบรรพชนของระบบทิพย์ เขาก็มีความกระตือรือร้นที่จะสำรวจสรรพสิ่ง ชุดเกราะเกล็ดนี้แฝงไว้ด้วยความเร้นลับของการกลายเป็นอากาศธาตุ เห็นได้ชัดว่าล้ำค่าอย่างที่สุด

……………………………………