ในเวลาเดียวกัน สตรีที่อยู่ข้างหลังฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็ชักดาบเล่มยาวออกมา และชี้ไปที่ลูกศิษย์ของสกุลจง
หากคนของอู๋จุนต่อกรกับคนของจงซูอี้เพียงลำพัง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีโอกาสชนะ อันดับแรกคือ กำลังคนของอู๋จุนค่อนข้างเสียเปรียบ
ทว่าตอนนี้มีฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเข้ามาเป็นกำลังเสริม เช่นนี้คงพูดยาก
สตรีในชุดเขียวของฮูหยินเตี๋ยวเมิ่ง เป็นนักรบเดนตายที่ได้รับการฝึกเป็นพิเศษ แม้พวกนางจะเป็นสตรี ทว่าเวลารบกลับสามารถต่อสู้กับคนนับสิบได้
มุมปากของจงซูอี้กระตุกอย่างแรง เมื่อคำนวณดูในใจ หากต่อสู้กันจริงๆ คงมีโอกาสชนะอยู่บ้าง ทว่าหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขายังรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ไม่ถึงครึ่ง
ความคิดของจงซูอี้หมุนวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เหลือบสายตามองไปที่จิ่วหรง ซึ่งนิ่งเงียบไม่พูดจาอยู่บนที่นั่ง
เขากำลังคิดว่าจะให้จิ่วหรงออกหน้าแทน
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งอยู่ใกล้จงซูอี้มากที่สุด นางเป็นคนแรกที่อ่านความคิดของจงซูอี้ออก
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาให้จิ่วหรงที่นั่งอยู่ด้านบน
“คุณชายจิ่ว วันนี้ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้นำสกุลที่มีชื่อเสียงในวงการแพทย์ ส่วนอีกฝ่ายเป็นซูจิ่นซีศิษย์รัก คุณชายจิ่ว ท่านคิดจะช่วยเหลือผู้ใด! ”
แม้จิ่วหรงจะมาร่วมการแข่งขันซิ่งหลินเช่นกัน ทว่าเขาไม่ได้พูดอันใดตั้งแต่ต้นจนจบ เวลานี้ เขายังคงหยอกล้อกับเจ้าจิ้งจอกน้อยแสนน่ารักในอ้อมแขนอย่างผ่อนคลาย
จิ้งจอกน้อยได้ยินเสียงของฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง จึงส่งเสียงไปทางซูจิ่นซีดัง ‘จี๊ด จี๊ด จี๊ด’
ทุกคนต่างคิดว่าจิ่วหรงไม่มีทางสนใจฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ หลายคนพยายามกดดันถามความคิดเห็นจากจิ่วหรง ทว่าพวกเขาเหล่านั้นล้วนไม่อยู่ในสายตาของจิ่วหรง และจิ่วหรงก็ไม่พูดตอบอันใด
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คาดคิดว่าจิ่วหรงจะยอมเอ่ยปาก
เขาไม่เพียงตอบคำถามของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเท่านั้น ทว่ายังแสดงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจน
“เด็กน้อย อย่าทำให้อาจารย์ขายหน้าเล่า! ”
จิ่วหรงพูดพลางมองซูจิ่นซีด้วยแววตาสดใส เขายกชายแขนเสื้อกว้างขึ้น ยาเม็ดใสพลันถูกโยนออกจากฝ่ามือ และตกเข้าไปในปากของซูจิ่นซี
ดวงตางดงามของซูจิ่นซีมองจิ่วหรงอย่างเหลือเชื่อ
เมื่อจิ่วหรงปล่อยมือ จิ้งจอกน้อยแสนน่ารักในอ้อมแขนก็กระโดดออกมา และโผเข้าสู่อ้อมแขนของซูจิ่นซี
ภายใต้การจับจ้องของผู้คน จิ้งจอกน้อยใช้ศีรษะของตนเองถูไถหน้าอกของซูจิ่นซีไม่หยุด
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น
เจ้าสัตว์น้อยตัวนี้ ชอบลวนลามมนุษย์เหมือนสัตว์เทพกิเลนนัก
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งมองไปที่จงซูอี้ พลางเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
จงซูอี้และลูกศิษย์ที่อยู่ข้างกาย มองจิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนของซูจิ่นซี จากนั้นก็มองไปยังจิ่วหรงที่นั่งอยู่บนที่สูง พวกเขาต่างถือดาบและค่อยๆ ก้าวถอยหลัง
ความสามารถของจิ่วหรงนั้นยากคาดเดา ไม่มีผู้ใดบอกได้ว่าเขามีความสามารถระดับใด หากเขาลงมือจริงๆ ผลลัพธ์… คงไม่อาจคาดเดาได้
เมื่อนึกมาถึงเรื่องนี้ หน้าผากของจงซูอี้ก็ปรากฏเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมาเป็นชั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าในตอนนั้น จะมีบุคคลสำคัญผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
“ผู้นำสกุลจง แพ้ชนะยังไม่ทราบผล เจ้าจะถอยหลังกลับได้อย่างไร! ”
เมื่อสิ้นเสียงพูด ก่อนที่คนผู้นั้นจะปรากฏตัว ทุกคนต่างได้กลิ่นหอมแปลกๆ โชยมา จากนั้น แมลงปอสีแดงสดจำนวนมากก็กระพือปีกและปรากฏตัวต่อสายตาผู้คน
ขณะที่คนจำนวนมากได้กลิ่นแมลงปอสีโลหิต ใบหน้าของพวกเขาก็ราวกับต้องมนตร์ ชั้นหมอกพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็เอื้อมมือออกไปจับแมลงปอ
ทว่ายังไม่ทันได้จับ ก็ถูกมันต่อยแทน
คนที่ถูกแมลงปอต่อย ใบหน้าเริ่มซีดขาว พวกเขานอนกำมือบนพื้น และหัวเราะไม่หยุด
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น และตะโกนว่า “ทุกคนอย่าขยับ! อย่าขยับเด็ดขาด แมลงปอพวกนี้มีพิษ”
นางพูดพลางยกมือขึ้น และนำยาสีชมพูอ่อนจำนวนสามเม็ดโยนขึ้นกลางอากาศ หลังจากยาทั้งสามเม็ดถูกโยนขึ้นไปในความสูงที่พอเหมาะ ทันใดนั้น มันก็ระเบิดออกเสียงดัง ฝุ่นสีชมพูอ่อนฟุ้งกระจายไปทั่วสนามประลอง
เมื่อแมลงปอเหล่านั้นสัมผัสกับฝุ่นสีชมพูอ่อน มันก็ค่อยๆ บินออกจากสนามประลอง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงกังวานใสราวกับระฆังทองแดงดังขึ้น “พระชายาโยวอ๋อง พวกเราพบกันอีกแล้ว วิธีการถอนพิษของเจ้า ดูเหมือนจะเก่งกาจขึ้นอีกขั้น”
หลังสิ้นเสียงนั้น ร่างสีฟ้าครามก็เหาะลงมาท่ามกลางสายตาผู้คน
คนผู้นี้แต่งกายเป็นทางการแบบสตรีแคว้นไหวเจียง รูปลักษณ์พริ้มเพราสง่างาม งดงามสมเป็นประมุขของสำนักห้าพิษแห่งแคว้นไหวเจียง หลานอวี่
หลานอวี่เหาะลงมายืนข้างกายจงซูอี้ ขณะเดียวกันก็แสดงจุดยืนของตนเองว่า นางมาเพื่อช่วยเหลือจงซูอี้
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ประมุขหลาน ไม่พบกันหลายเดือน ท่านยังคงสง่างามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแต่… วิธีการวางพิษดูเหมือนจะถดถอยลงเล็กน้อย! ”
ใบหน้าประมุขหลานพลันถมึงทึง
“ที่แท้ จงซูอี้และบุตรชายก็ร่วมมือกับคนแคว้นไหวเจียงจริงๆ ! ”
“ประมุขสำนักห้าพิษแห่งแคว้นไหวเจียงมาแล้ว ยังไม่ใช่สมรู้ร่วมคิดอีกหรือ? ”
“พ่อลูกคู่นี้ช่างร้ายกาจ น่ารังเกียจที่สุด! ”
“ไม่คิดเลยว่าพ่อลูกสกุลจงจะคิดคด”
……
“พี่หลานอวี่” ไหวชิ่งกงจู่รีบวิ่งเข้าไปหาหลานอวี่ทันที
หลานอวี่คำนับไหวชิ่งกงจู่ด้วยความเคารพ
“หลานอวี่มาสาย ทำให้องค์หญิงต้องลำบากแล้ว! ”
ไหวชิ่งกงจู่แย้มยิ้มสดใส “ไม่เป็นไร พี่หลานอวี่ ซูจิ่นซีไม่ได้ทำให้ข้าลำบากใจ! ”
ไหวชิ่งกงจู่คิดจะพูดแทนซูจิ่นซี
ดวงตาหลานอวี่เต็มไปด้วยความล้ำลึก ทว่านางไม่ได้พูดอันใด
“องค์หญิง ที่นี่ปล่อยให้ข้า ราชครูและประมุขหลานจัดการเถิด มากคนก็ยิ่งมากความ องค์หญิงโปรดกลับแคว้นไปก่อน! ”
หลังสิ้นเสียงพูด ที่บริเวณทางออก กูสือซานพากลุ่มคนจำนวนหนึ่งเข้ามา และสั่งให้องครักษ์สองสามนายนำตัวไหวชิ่งกงจู่ออกไป
เดิมทีไหวชิ่งกงจู่ไม่อยากไป ทว่าเมื่อเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวของหลานอวี่ นางก็ไม่กล้าพูดอันใดมาก ทำได้เพียงเดินตามองครักษ์ออกไป
ดูเหมือนไหวชิ่งกงจู่จะกลัวหลานอวี่มาก
ขณะที่ไหวชิ่งกงจู่เดินมาถึงทางออก ทันใดนั้น นางก็เดินเข้าไปหาถังเสวี่ย “คุณหนูถัง อย่าลืมข้อตกลงของเรา! พวกเรายังไม่ได้สู้กันเลย! ”
ถังเสวี่ยยกกำปั้นให้ไหวชิ่งกงจู่
“วางใจได้ ข้าไม่มีทางลืมเจ้าแน่นอน! ”
ไหวชิ่งกงจู่จากไป กูสือซานและหลานอวี่ต่างยืนอยู่ข้างกายจงซูอี้
ซูจิ่นซีจับจุดทิศทางที่กูสือซานปรากฏตัวและนำกำลังคนเข้ามา นางคิดว่ากูสือซานและอู๋จุนทำเช่นเดียวกัน พวกเขาคงออกจากสนามแข่งขันไปตอนที่ผู้คนไม่ทันได้สนใจ
หากเขาออกจากสนามประลองไปก่อน แสดงว่าเขารู้บางอย่างล่วงหน้าหรือ? นอกจากนั้น ด้านนอกสนามประลองในตอนนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขาวางกับดักอันใดไว้บ้าง
การลอบออกไปของเขา ส่งผลต่อความคืบหน้าของฝ่ายมู่หรงฉีหรือไม่…?
ทั้งหมดนี้ ซูจิ่นซีไม่อาจล่วงรู้ได้ สถานการณ์ในตอนนี้ ข่าวคราวด้านนอกเข้ามาด้านในไม่ได้ ทว่าข่าวคราวที่นี่ จะเผยแพร่ออกไปข้างนอกได้หรือไม่ ก็ไม่รู้เช่นกัน
ซูจิ่นซีมองไปรอบๆ ทว่านางไม่เห็นแม้แต่เงาของ JX กับพรรคพวก
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็เห็นคนคุ้นเคยที่ยืนอยู่ด้านหลังของกูสือซาน
ท่วงท่าสง่างามสูงศักดิ์ของคนผู้นั้นยังคงเหมือนเดิม ทว่าความหรูหราของเครื่องแต่งกายกลับไม่ใช่แบบฉบับของแคว้นจงหนิง แต่เป็นชุดของแคว้นไหวเจียง
ไท่จื่อองค์ก่อนของแคว้นจงหนิง เยี่ยเซิน
เยี่ยเซินเห็นซูจิ่นซีมองมาที่เขา เมื่อสบตากับซูจิ่นซี หัวใจของเขาพลันตื่นเต้น เขาเดินไปข้างหน้าสองก้าว
“จิ่นซี พวกเราพบกันอีกแล้ว แม้วันนี้ข้าจะอยู่ไกลถึงแคว้นไหวเจียง ทว่าข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก คิดถึงมาตลอด! จิ่นซี เจ้าสบายดีหรือไม่? “