“เด็กนั่นคงจะไม่มาด้วยสินะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธเคืองใต้เท้าหรือไม่”
นายหญิงตระกูลจองชะเง้อมองไปข้างนอกไม่หยุดราวกับรอคอยบางอย่างเอ่ยขึ้นมาเบาๆ กลิ่นหอมของดอกฉัตรทองซึ่งขยันขันแข็งผลิดอกเป็นพิเศษในปีนี้รวมเข้ากับเสียงนั้นและปลิวหายไปในสายลมยามเย็น
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะพาพระมเหสีไปด้วย คงจะได้ยินอะไรบางอย่างเข้าแน่ๆ”
“เขาเป็นเด็กฉลาด ดังนั้นในตอนนี้เขาก็ต้องกลายเป็นคนฉลาดเจ้าค่ะ พอลูกชายหายไปหนึ่งคนก็รู้สึกเหงาใจเหมือนกันนะเจ้าคะ”
สิ่งที่นายหญิงตระกูลจองพูดเสริมในตอนท้ายทำให้มุมปากของท่านมหาเสนาบดีขยับเล็กน้อย ก่อนจะลดลงเหมือนเดิม เขาวางแผนที่จะส่งคณะผู้แทนพระองค์จากแทซากุกเพื่อยินดีกับการอภิเษกองค์รัชทายาทแห่งฮเยกุกเช่นกัน แต่เรื่องทั้งหมดจะต้องผ่านมือเขาเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะนำไปทูลถวายแก่พระระชา ดังนั้นแน่นอนว่ายิ่งนับวันใต้ตาจึงคล้ำลงขึ้นทุกทีเพราะงานที่โถมเข้ามา อีกทั้งยังเหนื่อยใจเป็นอย่างมากด้วย เนื่องจากเหล่าเสนาบดีคัดค้านพระราชาซึ่งหวังจะผลักดันให้คืนตำแหน่งแก่อดีตองค์ชาย
“ข้าตั้งใจจะลาออกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากกลับมาจากฮเยกุกในคราวนี้ แล้วเราสองคนไปเที่ยวด้วยกันสักแห่งเถอะ”
“ดีเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ใต้เท้าควรจะต้องพักผ่อนแล้วด้วย”
ท่านมหาเสนาบดีที่นึงถึงสมัยที่นางยังสาวและงดงามนั้นเอื้อมมือออกไปลูบหัวของนายหญิงตระกูลจองที่เงยขึ้นมาอย่างเรียบร้อยเบาๆ ในตอนนั้นเองก็มีเสียงคนใช้ที่รีบร้อนตามหาเขาดังขึ้นจากข้างนอก
“ท่านใต้เท้า! พระมเหสีจวนจะเสด็จถึงแล้วขอรับ!”
“ถึงเวลาแล้วหรือเนี่ย”
สามีภรรยาทั้งสองละทิ้งช่วงเวลาที่ได้อยู่กันสองคนซึ่งนานทีจะมีโอกาส แล้วจึงออกไปด้านนอก ภายในบ้านต่างวิ่งวุ่นกันอุตลุดยกเว้นเรือนหลังในที่ทั้งสองคนพักอาศัยอยู่ ไหนจะต้องเตรียมอาหารให้เหล่าทหารองครักษ์และบรรดาคนยกเกี้ยวซึ่งเดินทางมาไกล ไหนจะต้องจัดที่พักให้เรียบร้อยและทำให้อากาศถ่ายเท ไหนจะต้องพานายทั้งสามท่านมาอีก ฮอนที่เคยประกาศกร้าวไว้ว่าจะส่งเกี้ยวของตนไปให้รยูฮาได้ส่งทหารอารักขาพระราชวังและรถม้าของพระราชาไปให้จริงๆ ดังนั้นขบวนเสด็จจึงยิ่งใหญ่อลังการ
“ถวายบังคมพระมเหสี”
“ถวายบังคมพระมเหสี!”
ทุกคนในบ้านต่างโค้งคำนับกันตรงหน้าประตูทางเข้า แต่รยูฮากับมินอาที่ไม่ได้กลับบ้านมานานรับคำทักทายของพวกเขาบ้างไม่รับบ้าง ก่อนจะมุ่งตรงไปยังที่พักในทันที ท้องของมินอาที่ป่องขึ้นมาพอสมควรเริ่มอึดอัดอีกครั้งเนื่องจากการเดินทางอันยาวนาน ฝีเท้าของนายหญิงตระกูลจองซึ่งเต็มไปด้วยความกังวลก็เดินตามทั้งสองเข้าไปด้านในเช่นนั้น
“มินอา รู้สึกไม่สบายท้องมากเลยใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่”
มินอาที่เคยสร้างกำแพงแม้แต่กระทั่งกับนายหญิงตระกูลจองและมักจะลุกพรวดขึ้นทันทีที่นางเข้ามาในห้อง ตอนนี้นางเรียกนายหญิงตระกูลจองว่าท่านแม่อย่างเป็นธรรมชาติทั้งที่ยังคงเอนตัวนอนอยู่ รยูฮารู้สึกดีใจจนต้องหยิกแก้มมินอาที่ป่องขึ้นมาเล็กน้อยเบาๆ
“โอ๊ย!”
“โอ๊ย?”
คำพูดที่ไม่เป็นธรรมชาติอย่างมากออกมาจากปากของมินอาทำให้รยูฮาทำสีหน้าบูดบึ้ง ไม่ใช่ เจ็บนะเพคะ แต่เป็น โอ๊ย อย่างนั้นหรือ ตอนกลางคืนก็ร้องหาผลไม้ฤดูร้อนที่ยังไม่ออกลูก แล้วพอไม่ได้กินผลไม้นั้นก็ร้องไห้งอแง มาถึงตอนนี้ก็ร้องโอ๊ย? เสียงพร่ำบ่นของนายหญิงตระกูลจองลอยไปหารยูฮาซึ่งกำลังกลุ้มใจว่าลูกในท้องกำลังควบคุมมินอาอยู่หรือเปล่า
“ตายแล้ว ไปหยิกคนท้องได้อย่างไรเล่า!”
“ข้าไม่ได้หยิกแรงขนาดนั้นเสียหน่อยเจ้าค่ะ เจ้ากำลังทำตัวสำออยอยู่ใช่หรือไม่”
“เด็กคนนั้นจะทำตัวสำออยได้อย่างไรกัน แม่จะอยู่ในนี้เอง เจ้าออกไปได้แล้ว!”
ถึงจะพยายามโต้เถียงกับความอยุติธรรม แต่ดูเหมือนว่าการตั้งครรภ์จะเป็นยศไปแล้ว ซึ่งเป็นยศที่สูงกว่าพระมเหสีเสียอีก สุดท้ายรยูฮาก็ถูกนายหญิงตระกูลจองบังคับให้ออกมาข้างนอก ทั้งที่เรือนนี้เป็นของรยูฮาด้วยซ้ำ แถมเตียงที่มินอานอนอยู่ก็เป็นของรยูฮาเช่นกัน นางว่าจะเดินไปฝั่งเรือนหลังใน แต่ดูเหมือนว่าพวกทหารองครักษ์ซึ่งตามมาในการเดินทางอันยาวไกลยึดพื้นที่สวนหน้าบ้านเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองพักหนึ่งไปเสียแล้ว ดังนั้นหากตนปรากฏตัวออกไปอาจจะทำให้บรรยากาศกร่อยลงได้ เนื่องจากทำนู่นก็ไม่ได้ทำนี่ก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจเข้าไปที่สวนหลังบ้านเพื่อแกว่งดาบสักหน่อย แต่แม้กระทั่งที่นั่นรยูฮาก็รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
“ใครน่ะ”
มีสัญญาณของแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ข้างนอกกำแพงจำนวนหนึ่ง สอง สาม… ทั้งหมดหกคน ซึ่งเป็นพวกที่ไม่น่ากลัวแต่ถูกฝึกมาแล้ว ดาบสีนิลถูกเล็งไปตรงระหว่างตะวันที่กำลังตกดินโดยไม่รู้ตัว
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”
ชายสองคนกระโดดข้ามกำแพงสูงอย่างสบายๆ แล้วหมอบคำนับ วันนี้มีทหารคุ้มกันอยู่รอบๆ กำแพงอย่างแน่นหนากว่าปกติสองเท่าหรืออาจจะถึงสามเท่าเลยด้วยซ้ำ ซึ่งพวกที่ฝ่าฝืนเข้ามาในรั้วที่พักซึ่งพระมเหสีประทับอยู่โดยไม่ถูกตรวจสอบก็หมายความได้อย่างเดียวเท่านั้น
“ฝ่าบาท ปรับเปลี่ยนกำหนดการของวันนี้อีกแล้วหรือเพคะ”
เสียงที่คุ้นหูลอดกำแพงเข้ามาพร้อมกันกับเสียงหัวเราะ
“ข้าส่งคนไปหาท่านพ่อตาแล้ว”
“แต่ท่านพ่อไม่ได้บอกเช่นนั้นนะเพคะ”
“เพราะว่าเพิ่งส่งไปอย่างไรเล่า”
พอรยูฮาหยุดพูด ชายทั้งสี่คนก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงอีกครั้ง ส่วนอีกสามคนก็หมอบคำนับเหมือนที่อีกสองคนทำก่อนหน้านี้ และจู่ๆ ก็มีคนหนึ่งจับใบหน้าของรยูฮาและประทับจูบลงไป เขาบาดเจ็บไหมนะ รยูฮาเก็บดาบไปข้างหลังและใช้มือข้างหนึ่งลูบใบหน้าของฮอนพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างอย่างหยอกล้อ
“พรุ่งนี้หม่อมฉันก็กลับไปแล้ว เสด็จออกมาจากวังทำไมอีกเพคะ”
“อยู่ใกล้กันแค่นี้ยังต้องรอจนถึงพรุ่งนี้อีกหรือ ไม่มีทางเสียหรอก”
ริมฝีปากของฮอนประทับลงบนหน้าผากกลมอีกครั้ง หอมแก้มนุ่มเบาๆ และประกบบนริมฝีปากอันน่าหลงใหลอีกรอบ รสชาติหอมหวานแผ่ซ่านออกมาจากปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาอย่างนุ่มนวลกว่าเมื่อสักครู่ ดาบสีนิลร่วงหล่นลงไปนอนอยู่บนพื้นอย่างสงบเสงี่ยม ทั้งสองคนผละออกจากกันหลังจากตะวันตกดินและความมืดกำลังคืบคลานเข้ามา
* * *
“พระมเหสี พระมเหสี!”
เสียงของฮอนที่วิ่งตะโกนเรียกพระมเหสีมาตั้งแต่ปากทางเข้าวังจานยองอย่างไม่รักษาเกียรติ ดังทะลุประตูหลายชั้นมาจนถึงห้องบรรทม จนรยูฮาซึ่งกำลังคิดอยู่ว่านอนกลางวันสักหน่อยดีไหมขมวดคิ้วและลุกออกไปข้างนอก ชายเสื้อสีขาวพริ้วไหวไปมา ในจังหวะที่รยูฮาซึ่งกำลังออกไปเพื่อที่จะปิดปากฮอนออกมาเจอกับฮอนซึ่งกำลังวิ่งตรงมาหารยูฮาที่โถงทางเดินพอดี
“ปล่อยนะเพคะฝ่าบาท ข้าราชบริพารกำลังมองอยู่นะเพคะ”
“ไม่มีใครมองอยู่เสียหน่อย”
เหล่านางในรีบหันหลังและก้มหน้าไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองเจอหน้ากันแล้ว ดังนั้นคำพูดของเขาจึงไม่ผิดนัก ฮอนอุ้มรยูฮาเข้ามาในห้องนอน วางนางลงบนเตียงและมุดหน้าในหน้าอกนุ่มนิ่ม หัวที่ปวดตุบๆ มาตลอดช่วงเช้าจึงสงบลงได้บ้างนิดหน่อย พอรยูฮาใช้มือเรียวลูบหัวเขาเหมือนกับลูกสุนัขก็รู้สึกเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้ง
“ทรงทะเลาะมาอีกแล้วหรือเพคะ”
“เกิดเรื่องวุ่นวายเพราะเรื่องคณะผู้แทนพระองค์ที่จะส่งไปยังฮเยกุกน่ะ พอส่งไปเป็นจำนวนมากก็แย้งขึ้นว่าแทซากุกคือเมืองขึ้นของฮเยกุกหรือ พอสั่งให้เตรียมไปอย่างพอดีก็แย้งขึ้นว่าไม่มีมารยาทอีก พอจะเตรียมเท่าๆ กับตอนที่ข้าขึ้นครองราชย์ก็บอกว่าสถานการณ์มันไม่เหมือนกันเพราะตอนนั้นทางฝั่งเราตรงกันกับช่วงจัดพิธีพระบรมศพอยู่พอดี และพอจะส่งไปเท่ากับที่เสด็จพ่อเคยส่งไปที่จอนแดก็บอกว่าใช้เวลานาน”
มันคือภาระหน้าที่ที่ฮอนซึ่งขึ้นครองราชบัลลังก์มาด้วยจุดเริ่มต้นที่สับสนวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกจะต้องแบกรับเอาไว้ ช่วยผ่อนคลายให้สักหน่อยดีไหมนะ รยูฮากอดศีรษะของฮอนไว้แน่นและกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง เสียงหัวเราะซุกซนลอดออกมาจากระหว่างเครื่องนอนที่ยับยู่ยี่
“จำนวนจะไปสำคัญอะไรเพคะ ดอกไม้ป่าที่ห่อมาในผ้าไหมอย่างสวยงามย่อมทำให้คนประทับใจยิ่งกว่าทองคำที่ม้วนด้วยกระดาษอยู่แล้วเพคะ”
ริมฝีปากของรยูฮาที่ยังคงอมยิ้มอยู่กระซิบคำพูดที่กำกวมให้ฮอนฟัง
“ผ้าไหม?”
“แน่นอนว่ามันจะดีกว่าหากไม่มีผ้าไหม”
มือเรียวคลายปมเชือกเสื้อคลุมมังกรลงแล้วแทรกมือเข้าไปข้างในนั้น ใช้เสื้อของฮอนแทนผ้าห่ม และหนุนแขนของฮอนแทนหมอน ยังมีอะไรที่จะต้องอิจฉาในโลกอีกไหมนะ แต่ฮอนที่ปกติจะหวั่นไหวไปกับการยั่วยวนนั้นกลับตั้งหน้าตั้งตาตีความท้ายประโยคที่รยูฮาพูด
“…อ๋ออ”