บทที่ 111 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 111 เพื่อเป้าหมายอันชั่วร้าย (3)
“คือว่า…”
“ช่วงนี้ฉันไม่ยุ่งอะไร ไม่เข้าใจก็ถามฉันได้”
อี้เป่ยซีลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ “เมื่อกี้ นายคุยโทรศัพท์กับฉู่ซ่งเหรอ?”
“เจ้าเด็กโง่”
เธอหัวเราะหึหึอย่างเขินอาย โอบเอวลั่วจื่อหานด้วยอาการออดอ้อน “อืม นายดีจังเลย”
จากนั้นอี้เป่ยซีก็เริ่มเส้นทางการทบทวนบทเรียนของตัวเองที่ทั้งผ่อนคลายและชัดเจน ภายใต้คำอธิบายของลั่วจื่อหาน ทฤษฎีที่คลุมเครือนั้นง่ายขึ้นมาก ขณะที่ทำแบบฝึกหัดก็รู้สึกว่าทุกอย่างราบรื่นขึ้นเป็นกอง เหมือนคนไม่เอาถ่านที่จู่ๆ ตรัสรู้ได้อย่างไรอย่างนั้น
ในการเข้าสอบแต่ละครั้งไร้ซึ่งความตื่นเต้นหรือกังวลเหมือนเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง มีเพียงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น
ยังเหลือสอบวิชาสุดท้าย อี้เป่ยซีกำลังอ่านหนังสือ รู้สึกเศร้าเล็กน้อย ถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว
ปิดเทอมแล้ว เธอจะกลับหรือว่าไม่กลับไปดีนะ
“เป็นอะไรไป?” ลั่วจื่อหานที่นั่งอยู่ข้างๆ โน้มตัวไปข้างหน้า มองหนังสือบนโต๊ะของเธอ “ไม่เข้าใจตรงไหน?”
“เปล่า ก็แค่ เฮ้อ ใกล้จะปิดเทอมแล้ว”
ลั่วจื่อหานพยักหน้า จากนั้นก็อ่านนิตยสารในมือ พลิกสองสามหน้า “ถ้างั้นไปเที่ยวดีไหม?” วางนิตยสารในมือลงบนโต๊ะ “ที่จริงที่พวกนี้ก็ไม่เลวเลย”
อี้เป่ยซีดวงตาเป็นประกาย ใช่แล้ว ไปเที่ยว “จริงด้วย สถานที่พวกนี้สวยมากเลย”
“อืม อย่างที่พวกนี้ก็เหมาะดี” เขามองดูใบหน้าด้านข้างของอี้เป่ยซีแล้วยิ้ม พลิกกลับไปหน้าที่อ่านก่อนหน้านี้ “ที่จริงเมือง A ก็ได้นะ”
เธอส่ายหัว หัวเราะเจื่อนๆ “ไม่ได้หรอกนะ ไปเที่ยวเมืองนอกดีกว่า อือเหมือนที่นี่จะไม่เลว…”
จนกระทั่งอี้เป่ยซีสอบเสร็จ เพิ่งจะออกจากห้องเรียนก็ถูกเจี้ยลากตัวไปแล้ว
“นี่ พี่เจี้ย พี่จะพาฉันไปไหน” อี้เป่ยซีคว้าเสื้อของตัวเอง พยายามแกะมือของเขาออกแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถ เจี้ยจึงปล่อยเธอ สงบสติอารมณ์ของตัวเอง
“เธอไม่ได้กลับไปนานแค่ไหนแล้ว”
อี้เป่ยซีนวดคลึงแขนของตัวเอง ไม่มองเขา “ไม่นานนี่ อัยยา ก็ฉันยุ่งเรื่องเรียนนี่นา?”
“พี่จะพาเธอกลับไป” กำลังจะยื่นมือ อี้เป่ยซีรีบหลบ
“ฉัน ฉันยังไม่ได้เริ่มเก็บของเลย”
“หอพักเธอยังมีของของเธอเหรอ?”
ถูๆ เท้าอยู่บนพื้น เธอมองไปทางอื่น ราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่าง “พี่เจี้ย ตอนนี้พี่อารมณ์เสีย ฉันไม่อยากนั่งรถพี่ มันอันตราย”
“เป่ยซี” เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เป่ยเฉินคิดถึงเธอมาก”
“ฉัน เปล่านะ ปิดเทอมฤดูร้อนนี้ฉันมีธุระแล้ว”
“ไปเที่ยว? ไปกับลั่วจื่อหาน?”
เธอก้มหน้า “รู้แล้วยังจะถามฉันอีก”
“เป่ยซี เธอไม่รู้ว่าลั่วจื่อหานเป็นคนยังไง ทำไมถึงไปสนิทกับเขาขนาดนั้น พี่ชายเธอก็หวังดีกับเธอ อย่ารอให้ตัวเองทนทุกข์แล้วต้องมาเสียใจทีหลังที่ไม่ฟังคนอื่น”
“อืมๆๆ ฉันรู้แล้ว” เธอเหลือบมองข้างหลัง “พี่เจี้ยฉันยังมีธุระ ไปก่อนนะคราวหน้าจะไปหาพี่” พูดจบก็วิ่งหนีทันที เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่งอย่างร้อนรน เร่งให้ลั่วจื่อหานไปเร็วๆ
“วันนี้นายช้าจังเลยนะ” ถอนหายใจ หยิบน้ำออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง “คิดไม่ถึงว่าพี่เจี้ยจะมา”
“ระหว่างทางมีเรื่องนิดหน่อยก็เลยมาสาย ตอนนี้ไปส่งเธอที่สนามบิน?”
อีเป่ยซีกลืนน้ำที่เพิ่งดื่มไปเมื่อครู่อย่างแรง “ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ ฉันยังไม่ได้เอาของเลย”
“อยู่ท้ายรถ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ปกตินายไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา”
ลั่วจื่อหานชำเลืองมองเธอ มองไปข้างหน้าต่อด้วยความจริงจัง “ไม่มีอะไร”
‘ไม่มีอะไรได้ยังไง’ อี้เป่ยซีพิงหน้าต่างรถหลับตา และไม่ได้คิดอะไรอีก “ฉันเพิ่งสอบเสร็จก็เลยเหนื่อยนิดหน่อย”
“กลับไปจะทำของอร่อยให้เธอกิน”
“ก็ดีนะ”
หลังอาหารมื้อค่ำ อี้เป่ยซีคิดจะไปเก็บข้าวของตัวเอง เตรียมพร้อมที่จะไปเที่ยว ปิดกระเป๋าเดินทางอย่างพออกพอใจ รู้สึกผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“เตรียมของเสร็จแล้วเหรอ?” ลั่วจื่อหานผลักประตูเข้ามาก็เห็นอี้เป่ยซีที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าพอใจ เอ่ยถาม
อี้เป่ยซีตอบรับ “แค่คิดว่าตัวเองจะไปเที่ยวก็ดีใจแล้ว”
“ของใช้ในห้องน้ำเอาไปแล้วยัง?”
“อ๊ะ เหมือนจะไม่ได้เอาไป” ลุกขึ้นจากเตียงทันที ถือกระเป๋าใบเล็กออกมาด้วยความว่องไว “ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว”
“ชุดนอนเอาไปแล้วยัง?”
“ถ้านายไม่พูดฉันก็ลืมไปแล้ว”
“ที่โน่นอากาศต่างกันเยอะ มีเสื้อแขนยาวบ้างไหม?”
“ไม่มีอ่ะ”
เห็นอี้เป่ยซีงุ่นง่านกับการเก็บข้าวของมากมายอีกครั้ง กระเป๋าใบน้อยใหญ่สี่ห้าใบกองอยู่ด้วยกัน
“แบบนี้เธอจะขนหมดได้ยังไง?”
เธอมองดูกระเป๋าเดินทางที่กองกัน พยักหน้า “นั่นสิ ทำยังไงดีล่ะ”
ลั่วจื่อหานส่ายหน้า “ฉันจัดการเองเถอะ”
“ลั่วจื่อหาน นายเก่งจริงๆ เลย” อี้เป่ยซีมองเงาของลั่วจื่อหานที่ก้มตัวกุลีกุจอ อดไม่ไหวที่จะชื่นชม “นายหิวน้ำไหม ฉันช่วยรินน้ำให้นายไหม?”
“อืม”
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ลั่วจื่อหานเผยยิ้ม ภายในตึกหลังนี้ดูเหมือนจะมีคำว่าบ้านเข้ามาเติมเต็มแล้ว
อี้เป่ยซีคิดว่าไม่ควรแค่รินน้ำธรรมดา หาๆๆ ในตู้กับข้าว เจอชาที่ตัวเองซื้อมาก่อนหน้านี้ หลังจากชงเสร็จแล้ว โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะสั่นจนเคลื่อนที่ อี้เป่ยซีไม่ได้สนใจ โทรศัพท์มือถือยังคงสั่นอยู่ตลอดเวลา รอบแล้วรอบเล่า เธอยืนอยู่หน้าโต๊ะ ไม่ขยับเขยื้อน
ในที่สุดหน้าจอมือถือก็ดับลง ผ่านไปสักพักก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าไม่รับก็คงไม่ยอมแพ้ เธอถอนหายใจ กดรับสายแล้ว
“พี่”
“เป่ยซี เป่ยเฉินทำอะไรให้เธอโกรธใช่ไหม”
“คุณแม่อี้”
“เมื่อกี้แม่ช่วยเธอสั่งสอนเขาแล้ว เธอวางใจเถอะ เขาจะไม่รังแกเธออีกแล้ว ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หรือจะให้แม่บอกตาเจี้ยให้ไปรับเธอ”
“คุณแม่อี้กลับประเทศมาแล้วเหรอ?”
“ใช่สิ ก็เพราะว่าพวกเธอสองคนไม่อยากไปหาแม่ เป่ยซีกลับบ้านเถอะ ไม่เจอเธอมาเกือบปีแล้ว แม่คิดถึงเธอมากเลย”
อี้เป่ยซีเม้มปาก ไม่ได้ตอบ
“เป่ยซี แม้แต่แม่ก็ไม่อยากเจอเหรอ? เธอกับเป่ยเฉิน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เกิดอะไรขึ้นเหรอ? จะบอกว่าพี่เป่ยเฉินมีแฟนแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในห้องของเธอ เธอในฐานะน้องสาวของเขา ดูเหมือนว่าจะโกรธเพราะสาเหตุนี้ไม่ได้ ใช่แล้ว การที่ตัวเองโกรธถึงขนาดนี้เป็นเพราะยังคิดถึงเรื่องพวกนั้นอยู่หรือเปล่า? ไหนตกลงกันแล้วว่าจะอวยพรให้พี่ชายไม่ใช่เหรอ?
“เปล่าค่ะ หนูกำลังเก็บของ กลับไปพรุ่งนี้เช้าได้หรือเปล่า?”
“ได้ๆๆ พรุ่งนี้แม่จะทำกับข้าวจานโปรดของเธอให้กิน”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” อี้เป่ยซีวางหู เงยหน้าขึ้นเห็นลั่วจื่อหานอยู่ที่บันได
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับไป” เธอก้มหน้า และเริ่มคนชา
ลั่วจื่อหานเดินมาหาเธอ กุมมือของเธอไว้ “ที่จริงเธอกลับไป ฉันก็วางใจขึ้นมาบ้าง เธอเข้าใจทุกอย่างแล้วจริงๆ เป่ยซี”
————